บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

มีชัย ตอบกรณี โหวตโน

คำถาม
ช่อง No vote เป็นผลงานการร่าง ของท่านมีชัย ใช่ไหมครับ
กราบเรียนท่านอาจารย์มีชัยที่เคารพ
      ผมได้ติดตามการตอบคำถามของอาจารย์มานานมีประโยชน์มากเลยครับ  โดยเฉพาะล่าสุด "ภารกิจของกกต. เฉียบขาดจริงๆ ครับ สมกับเป็นสติให้กับสังคม ผมเคยอ่านข่าวการให้สัมภาษณ์ ของท่านรองนายกวิษณุ เครืองาม บอกว่ากติกา no vote  อาจารย์ มีชัยเป็นคนคิด และผลักดันให้มีในกฏหมาย น่าปลื้มใจนะครับว่า 8 ปีหลังการใช้ No vote จะเป็นทางออกให้กับคนในสังคมได้ขนาดนี้ อยากให้อาจารย์ช่วยเล่ารายละเอียด ว่าทำไมถึงอยากให้มี  คิดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างไร ที่ไหนเขามีกันบ้าง  ในการเสนอครั้งนั้นมีคนเห็นด้วยทั้งหมด หรือคัดค้านบ้าง อาจารย์เคยคิดว่า No vote จะเป็นตัวช่วยระบายความอืดอัดของคนได้ขขนาดนี้  เห็นด้วยไหมที่กำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ ไม่ใช่สิทธิ ขอบคุณครับ
คำตอบ
เรียน คุณยุทธพงศ์
      นับแต่มีการเลือกตั้งมาในประเทศไทย ยังไม่เคยมีช่อง "ไม่ใช่สิทธิ"  (no vote) ในบัตรลงคะแนน การมีช่องดังกล่าวในบัตรลงคะแนนมีขึ้นเมื่อมีรัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน (๒๕๔๐)  เหตุทั้งนี้ก็เพราะตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญมา ยังไม่เคยมีการกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ที่บุคคลจะต้องไปลงคะแนน   เมื่อรัฐธรรมนูญบังคับให้ผู้มีสิทธิต้องไปใช้สิทธิ  ผมจึงตั้งคำถามในชั้นที่มีการร่างกฎหมายเลือกตั้งว่า เมื่อบังคับให้ผู้คนเขาไปใช้สิทธิแล้ว หากเขาเห็นว่าพรรคการเมืองส่งใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่ไว้วางใจเลยมาสมัคร จะมีช่องทางอะไรให้เขาบ้างไหม  ถ้ากฎหมายไม่ได้บังคับให้เขาต้องไปลงคะแนน หากเกิดกรณีเช่นนั้นขึ้น เขาก็ไม่ไปลงคะแนนได้ แต่เมื่อกฎหมายบังคับเขาเช่นนี้ ก็สมควรมีทางออกให้เขาด้วย
        ในขณะนั้นมีบ้างบางคนที่ไม่เห็นด้วย โดยเกรงว่าถ้าเกิดมีคนลงคะแนนในช่อง "ไม่ใช้สิทธิ์" จำนวนมาก พรรคการเมืองก็อาจเสียหน้าได้  แต่เขาให้เหตุผลว่า ถ้าไม่ประสงค์จะใช้สิทธิ ก็สามารถทำบัตรให้เสีย หรือส่งบัตรเปล่าได้  ซึ่งผมก็ชี้แจงว่าการทำบัตรเสียนั้นโดยเจตนานั้น เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนการส่งบัตรเปล่านั้น กฎหมายก็ถือว่าบัตรที่ไม่ได้ทำเครื่องหมาย เป็นบัตรเสียเช่นกัน ในที่สุดเสียงข้างมากก็เห็นด้วย และกำหนดไว้ในกฎหมายให้มีช่อง "ไม่ใช้สิทธิ" หรือ no vote  พร้อมทั้งบังคับด้วยว่า กรรมการเลือกตั้งต้องประกาศให้ทราบทั่วกันด้วยว่ามีผู้ "ไม่ใช้สิทธิ" เป็นจำนวนเท่าไร
       เมื่อมีการเลือกตั้งครั้งแรก จำนวนผู้ "ไม่ใช้สิทธิ" แม้จะมีจำนวนพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะมีผลอะไรต่อการเลือกตั้ง จึงไม่มีใครให้ความสนใจกับช่อง "ไม่ใช้สิทธิ์" อีก
       แต่เมื่อเกิดวิกฤติทางการเมืองในครั้งนี้ ช่อง "ไมใช้สิทธิ" จึงมีบทบาทอย่างเด่นชัด และกลายเป็นช่องหายใจสำหรับประชาชนจำนวนมากที่มีความรู้สึกอึดอัดขัดข้องต่อ กระบวนการจัดการเลือกตั้ง  และหลายสิบเขตเลือกตั้งผู้ได้รับเลือกตั้งได้รับคะแนนน้อยกว่า no vote  ซึ่งนับว่าเป็นการสมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ประสงค์จะให้ประชาชนมีส่วน ร่วมในทางการเมือง การแสดงออกในการลงคะแนน no vote จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการมีส่วนร่วมและมีบทบาทในทางการเมืองของประชาชน อย่างสำคัญ
        ในขณะนี้ความรู้สึกอึดอัดก็ใช่ว่าจะหมดไป เพราะยังรู้สึกกันว่า จำนวนคะแนน no vote ถึงแม้จะมากมายเพียงไร ก็ยังไม่มีความหมายในทางกฎหมาย เพราะไม่ได้มีผลต่อการได้รับเลือกตั้งของคนที่ได้คะแนนสูงสุด  จะเป็นไปได้ไหมที่หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันข้างหน้า จะแก้ไขให้ คะแนน no vote มีบทบาททางกฎหมายขึ้น เช่น กำหนดว่า คนที่จะได้รับเลือกตั้ง จะต้องได้คะแนนมากกว่า คะแนน no vote  โดยถือว่าถ้าคะแนน no vote มีมากกว่าคนที่ได้รับคะแนนสูงสุด เป็นการแสดงเจตนาของประชาชนว่าไม่ต้องการผู้สมัครทุกคนที่สมัครในเขตนั้น  และต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยห้ามผู้สมัครเดิมลงสมัครใหม่ เพราะประชาชนได้ปฏิเสธไปแล้ว  ต้องเว้นวรรคไปสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นเสียก่อน จึงค่อยมาสมัครในคราวเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไป  ด้วยวิธีนี้ คะแนน no vote ก็จะมีความหมาย  ในขณะเดียวกันก็เป็นมาตรการหรือเป็นดุลถ่วงพรรคการเมืองที่จะ "มั่ว" ในการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง   ทั้งยังจะทำให้ประชาชนมีบทบาทในทางการเมืองเพื่อต่อต้านพรรคการเมืองที่ไม่ ดีได้
        สำหรับการบังคับให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น ผมเห็นว่ายังสมควรอยู่  เพราะเมื่อทุกคนประสงค์จะได้ระบอบประชาธิปไตย และการเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย จึงสมควรเป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีสิทธิที่จะต้องไปใช้สิทธินั้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง