บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ความชอบธรรมทางการเมือง โดยดร.ไก่ Tanond

ความชอบธรรมทางการเมือง
สรุปย่อให้เข้าใจได้ง่ายสุดก็คือ ความพึงพอใจของประชาชน ที่มีต่อระบบการเมืองการปกครอง ที่ตนต่างยอมรับและต้องการให้ดำรงอยู่ต่อไป

เช่น นี้แล้ว ระบบการเมืองของไทยเรา ที่ได้ถูกขนานนามว่า "เป็นการเมืองน้ำเน่า" จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนคนหมู่มาก สามารถรับรู้ รู้สึกได้ถึงความผิดหวัง หมดหวัง และสิ้นหวังกับความชอบธรรมทางการเมืองนี้ไปแล้ว

ทำไม?ก็ เพราะระบบการเมืองของไทย ดำรงอยู่ด้วยวัฒนธรรมทางการเมือง ที่เลวร้ายต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนโดยรวม ที่เกิดขึ้น จากความเลวร้ายทางการเมืองด้วยหลากหลายปัจจัยด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็น -

1.จากการลุแก่อำนาจ : ละเมิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวต่อความเสียหายที่จะตามมา

2.จากการขาดความชอบธรรม : ได้อำนาจทางการเมืองมาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

3.จากการฉ้อราษฎร์บังหลวง : ที่กระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ต่างกับการปล้นกันกลางแดด เฉกเช่นในปัจจุบัน

4.จากการเอื้อประโยชน์ต่อญาติโกโหติกา : ทั้งในการเข้าสู่อำนาจ และในการหาประโยชน์จากทางการเมือง

5.จากการขาดคุณธรรม จริยธรรมอย่างสูง : นักการเมืองมีพฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม จนเกินกว่าที่จะรับได้ และ

6.จาก วัฒนธรรมทางการเมืองน้ำเน่า : ที่เปรียบเสมือนหม้อหุงข้าว ที่มีเชื้อบูดเชื้อรา ที่ไม่ว่าจะใส่ข้าวสารประเภทไหนพันธุ์ไหนลงไป ก็จะได้ข้าวสวยที่เน่าบูดไปเสียทุกครั้ง เหม็นเน่าจนไม่สามารถรับทานได้


แล้วจะทำอย่างไร? ประชาชนมีเครื่องมือ มีกฎหมายข้อใด ที่ตนเองจะสามารถปฏิเสธ การเมืองและวัฒนธรรมการเมืองน้ำเน่านี้ได้ -

1.ใช้เครื่องมือ ใช้กลไก ที่เป็นสันติวิธีตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๙ และในช่วงแห่งการเลือกตั้งนี้ก็คือ การโหวตโน Vote No

2.เรียก หาความชอบธรรมทางการเมืองนี้ ผ่านการใช้สิทธิ์ของตนในการไม่เลือกพรรคหรือนักการเมืองใดๆ ที่เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมตามระบอบอประชาธิปไตย ในอันที่จะ "เลือก หรือ ไม่เลือก" ได้โดยอิสระ


แล้วจะเห็นผลกันได้อย่างไร?

1.หาก ความเลวร้ายทางการเมืองนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนคนหมู่มากแล้วไซร้ จำนวนของประชาชนที่ต้องการโหวตโนนี้ ย่อมต้องมีจำนวนมาก มากพอที่จะแสดงให้เห็นถึงปฏิเสธ ระบบการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมืองที่น้ำเน่านี้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

2.ตามความ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา๓ ก็ได้บัญญัติหัวใจสำคัญในส่วนของการส่งผ่านอำนาจที่ฝ่าย การเมือง มอบคืนให้กับประชาชน ประชาชนก็ต่างเป็นผู้ที่อำนาจนั้นๆ ให้แก่พระเจ้าอยู่หัวในฐานะประมุขแห่งรัฐ เพื่อใช้ต่อไปเพื่อดำรงไว้ซึ่งระบบอำนาจ 3 ฝ่าย

3.ระบบอำนาจ 3 ฝ่ายนี้ หาได้มาจากฝ่ายการเมืองผ่านการเลือกตั้งแต่อย่างเดียว นับจากอดีตที่ผ่านมา พระองคืท่านได้มีการรักษาระบบอำนาจ 3 ฝ่ายนี้ ในอีก 2-3 รูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่บ้านเมือง เกิดความสับสนวุ่นวายทางการเมือง อย่างที่ผ่านๆมา ซึ่งในบางครั้งบางเหตุการณ์นั้น รัฐธรรมนูญมาตรา๗ พระองค์ท่านก็ได้ทรงนำใช้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว


ทว่า หากจำนวนโหวตโน ของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นจากการตื่นรู้ทางการเมือง จากความปรารถนาอันแรงกล้า ในอันที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองที่พวกตนหมดแล้วซึ่งศรัทธา มีจำนวนมหาศาลจนเกินกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้ว พวกเราประชาชนผู้ทำและรับหน้าที่ตามความในมาตรา๓นี้ คงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกเหนือไปจาก การส่งผลของการโหวตโนนี้ ให้ตกเป็นพระราชอำนาจ เพื่อเป็นพระราชวินิจฉัย.. ที่สุดแล้วแต่พระองค์ท่านจะทรงตัดสินพระทัยให้เป็นไป

1 ความคิดเห็น:

คนไทยกู้แผ่นดิน กล่าวว่า...

ความเห็นจากอาจารย์ ปรีดา กุลชล

ถูกใจและชอบมากกับคำสรุปของ ดร.ไก่ "ความชอบธรรมทางการเมืองคือความพึงพอใจของประชาชน ฯ"...
1. ความพึงพอใจของประชาชน(Customer Focus) คือความสำเร็จของการปฏิรูปการเมือง เพราะเป็นหัวใจ...

2. "ระบบการเมือง" ที่ทำให้ประชาชนพึงพอใจได้มี 2 ประการ คือ (1) ระบบงาน(Work Systems) และ กระบวนการทำงาน(Work Processes)....ความล้มเหลวทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนในการปฏิรูปการบริหารคือ...ก.พ.ร. และ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ(TQA) ไม่รู้จักหน้าตาและวิธีใช้ประโยชน์ของ "Work Processes" ครับผมก.พ.ร. สับสนไม่รู้จริงว่า"ระบบงาน"(Work Systems)คืออะไร ? คิดว่าเป็นคู่มืออะไรก็ได้ จึงได้สร้าง"คู่มือการประเมินผลการปฏิบัติราชการของสถาบันอุดมศึกษา"ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยถ้ามีการใช้คู่มือที่ไม่มีคุณภาพดังกล่าว เพราะตัวชี้วัดต่างๆของคู่มือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของโครงร่างองค์กร(Organizational Profile)ของ PMQA....ก.พ.ร.เป็นมือใหม่และสับสน โปรดอย่าไปล้วงลึกทำลายการศึกษาของชาติเลย ครับผม สำหรับการบริหารภาคเอกชนก็มั่วกันจนเละเทะ เช่น การให้รางวัลคุณภาพแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีไปแจก..ให้รางวัลได้อย่างไร ?!!..ทั้งๆที่ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติยังไม่รู้จักหน้าตาของ"กระบวนการทำงาน"(Work Processes) ..จำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้ Work Processes เป็นพื้นฐานสำคัญในการประเมินเพื่อให้รางวัล TQA (MBNQA)

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง