สรุปย่อให้เข้าใจได้ง่ายสุดก็คือ ความพึงพอใจของประชาชน ที่มีต่อระบบการเมืองการปกครอง ที่ตนต่างยอมรับและต้องการให้ดำรงอยู่ต่อไป
เช่น นี้แล้ว ระบบการเมืองของไทยเรา ที่ได้ถูกขนานนามว่า "เป็นการเมืองน้ำเน่า" จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนคนหมู่มาก สามารถรับรู้ รู้สึกได้ถึงความผิดหวัง หมดหวัง และสิ้นหวังกับความชอบธรรมทางการเมืองนี้ไปแล้ว
ทำไม?ก็ เพราะระบบการเมืองของไทย ดำรงอยู่ด้วยวัฒนธรรมทางการเมือง ที่เลวร้ายต่อชาติบ้านเมืองและประชาชนโดยรวม ที่เกิดขึ้น จากความเลวร้ายทางการเมืองด้วยหลากหลายปัจจัยด้วยกัน
1.จากการลุแก่อำนาจ : ละเมิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวต่อความเสียหายที่จะตามมา
2.จากการขาดความชอบธรรม : ได้อำนาจทางการเมืองมาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
3.จากการฉ้อราษฎร์บังหลวง : ที่กระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ต่างกับการปล้นกันกลางแดด เฉกเช่นในปัจจุบัน
4.จากการเอื้อประโยชน์ต่อญาติโกโหติกา : ทั้งในการเข้าสู่อำนาจ และในการหาประโยชน์จากทางการเมือง
5.จากการขาดคุณธรรม จริยธรรมอย่างสูง : นักการเมืองมีพฤติกรรมที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม
6.จาก วัฒนธรรมทางการเมืองน้ำเน่า : ที่เปรียบเสมือนหม้อหุงข้าว ที่มีเชื้อบูดเชื้อรา ที่ไม่ว่าจะใส่ข้าวสารประเภทไหนพันธุ์ไหนลงไป ก็จะได้ข้าวสวยที่เน่าบูดไปเสียทุกครั้ง เหม็นเน่าจนไม่สามารถรับทานได้
แล้วจะทำอย่างไร? ประชาชนมีเครื่องมือ มีกฎหมายข้อใด ที่ตนเองจะสามารถปฏิเสธ การเมืองและวัฒนธรรมการเมืองน้ำเน่านี้ได้ -
1.ใช้เครื่องมือ ใช้กลไก ที่เป็นสันติวิธีตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๙ และในช่วงแห่งการเลือกตั้งนี้ก็คือ การโหวตโน Vote No
2.เรียก หาความชอบธรรมทางการเมืองนี้ ผ่านการใช้สิทธิ์ของตนในการไม่เลือกพรรคหรือนักการเม
แล้วจะเห็นผลกันได้อย่างไร?
1.หาก ความเลวร้ายทางการเมืองนี้ เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาชนคนหมู่มากแล้วไซร้ จำนวนของประชาชนที่ต้องการโหวตโนนี้ ย่อมต้องมีจำนวนมาก มากพอที่จะแสดงให้เห็นถึงปฏิเสธ ระบบการเมือง และวัฒนธรรมทางการเมืองที่น้ำเน่านี้ได้อย่างเป็นกอบ
2.ตามความ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา๓ ก็ได้บัญญัติหัวใจสำคัญในส่วนของการส่งผ่านอำนาจที่ฝ
3.ระบบอำนาจ 3 ฝ่ายนี้ หาได้มาจากฝ่ายการเมืองผ่านการเลือกตั้งแต่อย่างเดีย
ทว่า หากจำนวนโหวตโน ของพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นจากการตื่นรู้ทางการเมือง จากความปรารถนาอันแรงกล้า ในอันที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองที่พวกตนหมดแล้วซึ่งศร
1 ความคิดเห็น:
ความเห็นจากอาจารย์ ปรีดา กุลชล
ถูกใจและชอบมากกับคำสรุปของ ดร.ไก่ "ความชอบธรรมทางการเมืองคือความพึงพอใจของประชาชน ฯ"...
1. ความพึงพอใจของประชาชน(Customer Focus) คือความสำเร็จของการปฏิรูปการเมือง เพราะเป็นหัวใจ...
2. "ระบบการเมือง" ที่ทำให้ประชาชนพึงพอใจได้มี 2 ประการ คือ (1) ระบบงาน(Work Systems) และ กระบวนการทำงาน(Work Processes)....ความล้มเหลวทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนในการปฏิรูปการบริหารคือ...ก.พ.ร. และ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ(TQA) ไม่รู้จักหน้าตาและวิธีใช้ประโยชน์ของ "Work Processes" ครับผมก.พ.ร. สับสนไม่รู้จริงว่า"ระบบงาน"(Work Systems)คืออะไร ? คิดว่าเป็นคู่มืออะไรก็ได้ จึงได้สร้าง"คู่มือการประเมินผลการปฏิบัติราชการของสถาบันอุดมศึกษา"ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยถ้ามีการใช้คู่มือที่ไม่มีคุณภาพดังกล่าว เพราะตัวชี้วัดต่างๆของคู่มือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของโครงร่างองค์กร(Organizational Profile)ของ PMQA....ก.พ.ร.เป็นมือใหม่และสับสน โปรดอย่าไปล้วงลึกทำลายการศึกษาของชาติเลย ครับผม สำหรับการบริหารภาคเอกชนก็มั่วกันจนเละเทะ เช่น การให้รางวัลคุณภาพแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีไปแจก..ให้รางวัลได้อย่างไร ?!!..ทั้งๆที่ สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติยังไม่รู้จักหน้าตาของ"กระบวนการทำงาน"(Work Processes) ..จำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้ Work Processes เป็นพื้นฐานสำคัญในการประเมินเพื่อให้รางวัล TQA (MBNQA)
แสดงความคิดเห็น