วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
ปฏิรูปความหวังอยู่ที่ประชาชน
แนวทางการปฏิรูปประเทศไทยที่ประธานคปร.ระบุว่าเป็น “พิมพ์เขียว” นั้น ก็จะยังคงเป็นความรู้อันมีคุณค่าที่ทุกฝ่ายจะสามารถนำไปปฏิบัติหรือต่อยอด เพื่อการปฏิรูปที่เป็นจริงต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า กว่าพิมพ์เขียวเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่สุขภาวะหรือคุณภาพชีวิตที่ดี กว่า กำจัดความเหลื่อมล้ำ สร้างความปรองดองสมานฉันท์และป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์บ้านเมืองที่ไม่ พึงปรารถนาจะออกสู่สายตาสาธารณชน กระทั่ง ศ.นพ.ประเวศ วะสี ตอกย้ำว่า “เป็นความรู้ที่ไม่มีวันสูญหายไปจากโลก” นั้น มันได้ผ่านกระบวนการขบคิด ถกเถียง อภิปราย ศึกษา เรียนรู้ กลั่นกรอง มาอย่างรอบด้านจากการระดมสมอง และสรรพกำลังของทรัพยากรบุคคลในแต่ละหน่วยงาน องค์กร สถาบัน ทั้งราชการและเอกชน ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น กลุ่มบุคคล ต่างๆมาเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม สำหรับผม..ที่ติดตามการทำงานของคปร.และสมัชชาปฏิรูปประเทศของอาจารย์หมอ ประเวศด้วยความสนใจ และแอบเชียร์อย่างลึกๆมาโดยตลอด… เห็นด้วยครับว่า พิมพ์เขียวเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยที่คปร.อยากเห็นพรรคการเมืองนำไปบรรจุไว้ ในนโยบายเพื่อการพัฒนาและบริหารประเทศต่อไปในอนาคตนั้น เป็นชุดความรู้ที่จะสามารถนำไปต่อยอดเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศและสังคมไทย ไปสู่ฝั่งฝันได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคปร.ก่อนลงมือทำงานนั้น ได้มีการถกกันอย่างตรงไปตรงมาถึงปัญหาของประเทศ วิกฤตการณ์ของบ้านเมืองที่จะต้องแก้ไข แล้วก็รวบรวมทุกฝ่ายมาจัดทำความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางแก้ไข มีทั้งการพบปะประชาชนทุกระดับจากข้างบนไปข้างล่าง จากข้างล่างขยายไปส่วนอื่นๆ อีกทั้งพบปะองค์กรต่างๆที่เกี่ยวเนื่องไม่ปิดกั้นทั้งเอกชน ราชการ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาต่างๆ
“นี่เป็นชุดความรู้ที่เป็นตัวปัญญา สามารถนำไปศึกษา และจะเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน”
เป็นคำจำกัดความในความเห็นของประธานสมัชชาปฏิรูปต่อพิมพ์เขียวปฏิรูป ประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับการบอกกล่าวความในใจของคปร.ผ่านพิมพ์เขียวเพื่อเสนอต่อพรรค การเมืองและผู้มีสิทธิเลือกตั้งหรือประชาชนคนไทยทั้งชาติ เพราะได้ระบุว่า
“การปฏิรูปไม่อาจทำได้สำเร็จด้วยอำนาจของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สำเร็จได้ด้วยความใฝ่ฝันร่วมกันที่จะทำใหสังคมของเราเป็นสังคมที่เปิด โอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน มีความยุติธรรม และมีสมรรถนะที่จะทำให้ศักยภาพของบุคคลและสังคมได้พัฒนาไปได้สูงสุด กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คปร.เพียงเสนอแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปประเทศไทย ส่วนการขับเคลื่อนการปฏิรูปให้ปรากฏเป็นจริงเป็นภารกิจร่วมของคนทั้งสังคม”
ฉะนั้น..การที่พรรคการเมืองจะได้ชูธงปฏิรูปเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะ ถึง ผมค่อนข้างมั่นใจว่า คุณจะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มคนที่ ต้องการเห็นการปฏิรูปประเทศไทยเป็นจริงไม่มากก็น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่า แนวคิดอยากเห็นประเทศไทยเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ได้เป็นไอเดียบรรเจิดของปัจเจกชนคนใดคนหนึ่ง แต่มันตกผลึกทางความคิดมาตั้งแต่บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ
แล้วทำไม ..นักการเมืองจะไม่หยิบพิมพ์เขียวนี้ไปต่อยอด
ผมว่าจะลอกเลียนแบบไปทั้งดุ้น หรือเลือกประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่ตัวเองสนใจ หรือถนัดชำนาญไปดำเนินการให้เห็นจริงเห็นจัง ก็คงไม่มีใครแอบค่อนขอดนินทาลับหลังหรอกครับ เพราะการลงมือทำย่อมดีกว่าคนดีแต่พูดแน่นอน
อย่างน้อยที่สุด คปร.ก็ได้นำเสนอประเด็นความจำเป็นที่ต้องปฏิรูปใหญ่ๆ 3 เรื่อง ตั้งแต่การปรับโครงสร้างอำนาจ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ นอกจากนั้นการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ก็ถือเป็นคุณภาพชีวิตที่เรียกว่า “จำปรารถนา” ของชาวบ้านทุกชุมชน รวมถึงการปฏิรูปสังคมที่ต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาที่เท่าเทียม
การนำเสนอของคปร.ไม่เพียงบอกถึงที่มาของปัญหา และเหตุผลเท่านั้น แต่มีรายละเอียดของทางออกและการแก้ไขปัญหา...พรรคการเมืองสามารถหยิบไปใช้ ทันทีแบบไม่ต้องเหนื่อยไปจ้างที่ปรึกษาใดๆมาขียนนโยบายด้วยซ้ำ
“การชูธงปฏิรูป จะทำให้การเลือกตั้งมีสีสัน สาระ เนื้อหา และสะท้อนภาวะของสังคมไทย” นายอานันท์ที่เป็นอดีตประธานคปร.ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2554 ระบุ และผมก็ยกมือเห็นด้วยคร้าบ...
เพราะสังคมไทยเบื่อหน่ายอย่างมากกับภาพของนักการเมือง พรรคการเมืองที่เอาแต่ใส่ใจตัวเลขที่นั่งในสภา แล้วพยายามแย่งชิงความได้เปรียบทุกวิถีทางด้วยพลังดูด พลังอัดฉีด หรือแม้แต่วิชามาร หากมีการชูธงปฏิรูป ย่อมหมายถึงการขยับตัวเองออกจากวังวนน้ำเน่าทางการเมือง ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งในส่วนที่ได้ติดอาวุธทางปัญญามาตลอด 10เดือนของการรณรงค์เปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยการปฏิรูปลดความเหลื่อมล้ำ ก็พร้อมที่จะใช้อำนาจในมือขับเคลื่อนการปฏิรูปให้เป็นจริงด้วยการทำให้การ เลือกตั้งมีการปฏิรูปเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
ประเภทเลือกคนนี้ได้คนนั้น เลือกพรรคโน้นแถมญาติพี่น้องมาเป็นพรวนนั้น ไม่ใช่แนวทางการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่สุขภาวะ ฝ่าพ้นวิกฤตอยู่แล้ว เพราะเราสังคมไทยตระหนักแก่สายตามาแล้วนี่นาว่า ประชานิยมเป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจอยากได้ใคร่ให้เป็นจริงๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นดาบสองคมทำให้ภาคประชาชนอ่อนแอ เหมือนเป็ดง่อย ต้องรอให้เขามาให้มาแจกอยู่ร่ำไป
ฮะแอ้ม ...โอกาสทองของการเลือกตั้ง คือ อำนาจในมือประชาชนกำหนดชะตาบ้านเมือง ดังนั้น หากต้องการให้มีการปฏิรูปในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราก็ต้องเลือกพรรคที่มีนโยบายขับเคลื่อนปฏิรูปสิ...แต่ถ้าไม่มีพรรคไหนใส่ใจ เรา็ โหวตโน เป็นคำตอบสุดท้าย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค
บทความย้อนหลัง
-
►
2012
(274)
- ► กุมภาพันธ์ (51)
-
▼
2011
(1241)
-
▼
พฤษภาคม
(133)
-
▼
21 พ.ค.
(15)
- ไม่มีความน่าเชื่อถือแล้ว ระบบงานยุติธรรมจะกลายเป็น...
- บันทึกเมืองไทย
- หลุมก๊าซอ่าวไทย
- แหล่งพลังงานในอ่าวไทย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ระ...
- ปฏิรูปประเทศหลงทาง โดย อ. ปรีดา กุลชล
- ภาคผนวกของคณะกรรมการปฏิรูป
- ในหลวงฯในสายตาของชาวต่างชาติ โดยBison Man
- ความชอบธรรมทางการเมือง โดยดร.ไก่ Tanond
- ปกป้องประมุขของรัฐไทยถูกต้องชอบธรรม ตามหลักสากลอยู...
- ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร “ปฏิรูปเป็นสิ่งสวยงาม ผมได้เจอ...
- “กองทัพเข้ามามีบทบาทสูง ดีหรือไม่”
- ปฏิรูปความหวังอยู่ที่ประชาชน
- ต่อต้านคอร์รัปชั่น จุดเปลี่ยนประเทศไทย"
- 'เพชรวรรต'โวย ลำดับที่86 แดงเชียงใหม่ฮึ่ม
- จับตาดูและห้ามกระพริบตา
-
▼
21 พ.ค.
(15)
-
▼
พฤษภาคม
(133)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น