บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

เพราะพระราชาไม่ทอดทิ้งประชาชน ประชาชนจึงปกป้องพระราชา

 

โชกุน

   “…วัน ที่ 19 สิงหาคม 2489 วันนี้ถึงวันที่เราจะต้องจากไปแล้ว พอถึงเวลาก็ลงจากพระที่นั่งพร้อมกับแม่ ลาเจ้านายฝ่ายใน ณ พระที่นั่งชั้นล่างนั้นแล้ว ก็ไปยังวัดพระแก้วเพื่อนมัสการลาพระแก้วมรกตและพระภิกษุสงฆ์ ลาเจ้านายฝ่ายหน้า ลาข้าราชการทั้งไทยและฝรั่ง แล้วก็ไปขึ้นรถยนต์
   พอ รถแล่นออกไปได้ไม่ถึง 200 เมตร มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหยุดรถแล้วส่งกระป๋องให้เราคนละใบราชองครักษ์ไม่แน่ ใจว่าจะมีอะไรอยู่ในนั้น บางทีจะเป็นลูกระเบิด เมื่อมาเปิดดูภายหลังปรากฏว่าเป็นทอฟฟี่ที่อร่อยมาก
   ตาม ถนนผู้คนช่างมากมายเสียจริงๆ ที่ถนนราชดำเนินกลาง ราษฎรเข้ามาใกล้จนชิดรถที่เรานั่งกลัวเหลือเกินว่าล้อรถของเราจะไปทับแข้ง ทับขาใครเข้าบ้าง รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุด
   ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง ตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆว่า อย่าทิ้งประชาชน
          อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ทิ้ง ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้ง ประชาชนได้อย่างไร แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว…”
        พระราชนิพนธ์บันทึกประจำวันบางส่วนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันเสด็จฯจากสยามสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
       ตลอด ระยะเวลา 65 ปีแห่งการครองราชย์ ในหลวงของเรา ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม โดยแท้จริง ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของพสกนิกร ทรงมีพระราชดำริ พระราชดำรัส ชี้แนะแนวทาง ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ในปัญหาต่างๆที่เป็นความเดือดร้อนของแผ่นดิน แม้ในยามที่ทรงประชวร ก็ยังทรงงานเพื่อประชาชนของพระองค์
       ตลอด ระยะเวลา 65 ปี แห่งการครองราชย์ ในหลวงของเราไม่เคยทอดทิ้งประชาชน เมื่อมีผู้คิดร้ายต่อสถาบัน ประชาชนจึงไม่ทอดทิ้งพระองค์ เช่นกัน
กระแสสังคม ที่ต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งมีจุดมุ่ง
       หมาย ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ นับวันยิ่งเชี่ยวกราก รุนแรงขึ้น ทั้งการรวมตัวของประชาชนในนามกลุ่มต่าง การวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มนิติราษฎร์ อย่างรุนแรง และกว้างขวางในโลกไซเบอร์ บทความ คอลัมน์ ในหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ คัดค้าน ตำหนิ ตักเตือน พฤติกรรมของกลุมนิติราษฎร์ ที่บัดนี้เปลือยตัวเอง ให้สังคมได้เห็นธาตุแท้ของตัวเองแล้ว
       ความ รุนแรง เชี่ยวกรากของกระแสต่อต้านกลุ่มนิติราษฎร์ ทำให้ แม้แต่พรรคเพื่อไทย ซึ่งใครๆก็รู้ว่า มีอุดมการณ์เดียวกับกลุ่มนิติราษฎร์ เพราะต่างเป็นกลไกของระบอบทักษิณ เพียงแต่ใช้ยุทธวิธีที่แตกต่างกัน ต้องประกาศ ตัดหาง ปล่อยวัด กลุ่มนิติราษฎร์ อย่างไม่ไยดี มิตรร่วมรบ สหายร่วมอุดมการณ์
       กระทั่ง นักคิด นักเขียนที่เป็นที่ยอมรับกันอย่าง เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ที่ร่วมลงชื่อ เป็น 1 ใน ครก. 112ยัง ต้องถอย และประกาศถอนตัวอย่างมีสติว่า ไม่รู้ ไม่เห็นกับ ความคิด จุดยืนของ กลุ่มนิติราษฎร์ กระนั้นยังถูกโจมตีอย่างรุนแรง ในโลกไซเบอร์ จนแทบจะหมดสภาพ ของบนหิ้ง ที่แตะต้องไม่ได้ไปเลย
       ถ้า ใช้ภาษาของฝ่ายซ้าย สายลัทธิเหมาสมัยก่อน ต้องบอกว่า กลุ่มนิติราษฎร์ เป็นพวกวีรชนเอกชน ที่ไร้เดียงสา และสุ่มเสี่ยง จนทำให้เสียงานใหญ่ เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ผู้นำขบวนการนักศึกษาหลายๆคน ก็เป็นแบบนี้ จนตกเป็นเหยื่อ การแทรกแซง ครอบงำ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และนำมิตรสหายเดินเข้าสู่ทุ่งสังหาร ในมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ ในเหตุการณ์ล้อมปราบอย่างเหี้ยมโหดของฝ่ายขวา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2516
       วันนี้ ผู้นำเหล่านั้น บางคนเป็นกองเชียร์อยู่ข้างหลัง เชียร์ให้เด็กรุ่นหลัง ก้าวตามรอยที่พลาดพลั้งของตนเอง
       อัตตา ความไร้เดียงสา ทำให้กลุ่มนิติราษฎร์ อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยถึงเป้าหมายในใจของตนเอง สังคมรับรู้ จากที่เคยหลบๆซ่อนๆ ชูประเด็น การคืนอำนาจให้ทักษิณ โดยการลบล้างผลการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 มาสู่การแก้ไขกฎหมาย อาญามาตรา 112 สุดท้ายด้วยอหังการ์ของเด็กน้อย ก็เปลือยตัวเองจนล่อนจ้อนว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงกับห้าม กษัตริย์ ตรัสกับประชาชน บังคับให้กษัตริย์สาบานตน
สุ่มเสี่ยงจนเสียงานใหญ่อย่างนี้ ทักษิณไม่เอาไว้หรอก
   ถูก ต้องแล้ว ที่กลุ่มนิติราษฎร์ วิจารณ์ว่า กระแสต่อต้านพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่บนเหตุผลทางวิชาการ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่นักวิชาการ ไม่ถนัดในการพูดคุย เสวนา เถียงกันไปเถียงกันมา เพื่อหาทาง ตัดตีนให้เข้ากับเกือกที่ตัวเองอยากใส่ให้ได้ กระแสต่อต้านกลุ่มนิติราษฎร์ เป็นกระแสที่เกิดขึ้นมาจากจิตสำนึกของคนไทย ที่มองเห็นภยันตรายที่กำลังคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ จิตสำนึกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างงมงาย ลุ่มหลงในลัทธิเทวราชา แต่บ่มเพาะขึ้น จากการได้ยิน ได้เห็น ได้รู้ ว่า ในหลวงของเรา ทำอะไร จิตสำนึกนี้ ทำให้คนไทยลุกขึ้นมาปกป้องในหลวงของเรา อย่างที่กลุ่มนิติราษฎร์ก็คาดไม่ถึง
       บทบาท ของสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย เป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน ที่ต้องรอให้พวกนักเรียนนอก มาบอก และชี้แนะว่า บทบาทที่ควรจะเป็น คืออะไร คนไทยรู้ว่า ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม สถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกกำกับด้วยธรรมะ 10 ประการของพระราชา สถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงอยู่ได้ เพราะคุณงามความดีของตัวเองเท่านั้น จนเป็นที่เคารพรัก ศรัทธาของประชาชน ยามที่มีผู้มาล่วงเกิน คุกคามพระมหากษัตริย์ ประชาชนจึงลุกขึ้นมาปกป้องพระราชาของพวกเขา





BG ภาษาไทย : รอยยิ้มของในหลวง







ขอนำบทบรรยายภาพนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านค่ะ
เพิ่งทราบว่าคุณยายท่านนี้ อายุ 102 ปี ขณะที่เข้าเฝ้า ปี พ.ศ.2498
ภาพบางภาพจากหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก ๆ ดีใจที่ได้รับมาก ๆ ค่ะ


นึกย้อนไป..หลายครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนชาวต่างชาติ พวกเขามักจะถามว่า ทำไมเกือบทุกสถานที่ที่ผ่านมา เขามักจะเห็นภาพพระเจ้าอยู่หัว พระราชินี สมเด็จย่า เสมอ ๆ

ฉันอดยิ้มแล้วตอบเขาอย่างภูมิใจไม่ได้ว่า ชาวไทยเรารักพระองค์ เพราะพระองค์ท่านช่วยประชาชน โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดารห่างไกลความเจริญ ท่านทรงเป็นผู้ริเริ่มโครงการต่าง ๆ มากมาย แม้แต่ถนนหลายสายที่เราขับรถผ่าน เขื่อนในหลายจังหวัด อุทยานแม่ฟ้าหลวง อุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ที่เราเข้าไปเที่ยว เป็นเพียงส่วนหนึ่งในงานของพระองค์ ที่ทรงทำเพื่อประชาชนทั่วประเทศไทย

ไม่มีพื้นที่แห่งใดในประเทศไทย ที่พระองค์ไม่เคยเสด็จพระราชดำเนินไปถึง


ทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจ เพื่อประโยชน์สุขแก่ชาวไทยทุกเชื้อชาติ
ศาสนาทุกภาคของไทย
แม้ว่าสมัยนี้สงครามเย็นหมดไปแล้ว แต่สันติสุขหาได้เกิดขึ้นไม่ เพราะว่าสงครามร้อนมีขึ้น

ที่มีสงครามร้อนขึ้นมานั้น ก็เพราะความไม่ปรองดองหรือควาเมอาเปรียบกันมีมาก
เมื่อเห็นดังนี้แล้วเราต้องนึกดีใจว่า ในประเทศเราสงครามร้อน
ยังไม่เกิดขึ้น แล้วก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น ถ้าทุกคนคิดดี ๆ
พระบรมราโชวาท เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๑๗
ทรงเยี่ยมหน่วยทหารชายแดน ชาวบ้าน ชาวเขา ทรงนำความเจริญสู่ทุกภูมิภาค
จนกลายเป็นโครงการพระราชดำริ



ทรงสร้างความเจริญ สร้างอาชีพ พัฒนาผู้คน โดยเฉพาะชาวเขา ที่เคยปลูกพืชไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น กัญชา ฯลฯ ให้เลิกสิ่งเหล่านั้นแล้วปลูกพืช ดอกไม้เมืองหนาว ที่เป็นประโยชน์แทน ทรงนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ทหารตชด.เข้าไปดูแลทุกข์สุข สอนหนังสือให้ประชาชนเหล่านั้น ฯลฯ


พระองค์ทรงพระอัจฉริยในทุก ๆ ด้าน ทรงมีพระอารมณ์ขัน สอดแทรกแม้ในงานดนตรี ..



ฉันมอบเพลง Jazz พระราชนิพนธ์ ชุดพิเศษในตลับไม้ ให้เพื่อนด้วยความสุขใจ ..



สุขใจที่ได้เกิดมาใต้ร่มพระบารมี …
ภาพทุกภาพ ของพระองค์ คงอยู่ในจิตใจของชนชาวไทยเสมอ
เชิญฟังเพลงค่ะ หากไม่เล่น กรุณากด Replay นะคะ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาอ่าน และทักทายกันค่ะ






0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง