บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ทรัพย์สินส่วนพระองค์กับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง




รามอินทรา

เมื่อ วานนี้ 28 มี.ค. 54 ผมได้มีโอกาสพบปะผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านได้ปรารถให้ฟังว่าปัจจุบันนี้มีความพยายามของบุคคลบางคนที่ต้องการบ่อน ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการประโคมข่าวที่บิดเบือนความจริงไปตามสื่อต่างๆทั้งภายในประเทศและต่าง ประเทศ ซึ่งมีเรื่องที่ท่านกังวลใจได้แก่ การนำเอาเรื่องนิตยสารฟอร์บส์จัดลำดับความร่ำรวยของพระมหากษัตริย์ไทยมาชี้นำให้คนทั่วไปเห็นความขัดแย้งระหว่างความร่ำรวยกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผม ชี้แจงไปว่า ท่านอย่าได้วิตกกังวลมากไปเลยความจริงไม่ได้เป็นไปอย่างที่คนเหล่านี้ออกมา พูดหรอก ปัญหาก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยเป็นยุคกระเบื้องลอยน้ำ-อันธพาลครองเมืองที่คนดีมักจะเก็บ ตัวไม่ค่อยแสดงออก ตรงกันข้ามกับคนชั่วช้าสามานย์ชอบออกมาแสดงอำนาจ แสดงความรอบรู้ ทั้งการเคลื่อนไหวและการพูดจาโกหกเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นอย่างหน้าด้าน พวกเขาได้สร้างพฤติกรรมดังกล่าวออกทางสื่อต่างๆ จนเกิดความเคยชินแล้วสรุปเอาเองว่านี่แหละคือ วิถีทางประชาธิปไตยของพวกเขามันเป็นสงครามข่าวสารที่คนชั่วชอบใช้อยู่เป็นประจำ คนไทยทั่วไปนั้นทราบดี แต่ก็ไม่ค่อยมีใครออกมาต่อต้านอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับเรื่องปัญหาทุจริตคอรัปชั่นของนักการเมืองบางคนในทุกวันนี้

ผู้ใหญ่ท่านนั้นกล่าวต่อไปว่า ปัญหามันอยู่ที่คนซึ่งไม่ทราบความจริงมาก่อนโดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ เมื่อได้รับข่าวสารที่บิดเบือนดังกล่าวบ่อยครั้งเข้าจะเกิดความเชื่อโดยไม่รู้ตัวได้ ผมเห็นด้วยกับท่านไม่เช่นนั้นเขาจะมีตำราสงครามจิตวิทยาไว้ทำไม การโฆษณาชวนเชื่อมีผลที่เป็นไปได้จริง ดังนั้นผมจึงต้องกลับมาเขียนเรื่องเดิมอีกครั้ง พวกเขาพูดบ่อยๆซ้ำๆ ผมก็จะเขียนบ่อยๆซ้ำๆเหมือนกันจนกว่ามันจะตายไปข้างหนึ่ง

การ ที่สื่อต่างประเทศเช่น เว็บไซด์แวนคูเวอร์ซันหรือนิตยสารฟอร์บส์จัดลำดับจากผลการสำรวจทรัพย์สิน ระบุว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีฐานะร่ำรวยอยู่ในลำดับที่หนึ่ง โดยได้นำเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เข้าไปรวมกับทรัพย์สินส่วนพระองค์ นั้นถือว่าเป็นการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดอยู่แล้ว

ตาม พรบ.ว่าด้วยการยกเว้นภาษีอากรอันเกี่ยวกับทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2477 ได้ยกเว้นการเก็บภาษีอากรทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ เว้นแต่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ต้องเสียภาษี โดยได้ให้คำจำกัดความทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นหมายถึงอะไรบ้าง แต่เนื่องจากทรัพย์สินฯดังกล่าวของเดิมยังรวมกันอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพระ คลังข้างที่ รัฐบาลสมัยนั้นที่มี พ.อ. พหล พลพยุหเสนา เป็น นรม. จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 6 นาย ดยมี พระยานิติศาสตร์ไพศาล เป็นประธานให้ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินฯ เพื่อที่จะสามารถดำเนินการเก็บภาษีทรัพย์สินส่วนพระองค์ ตาม พรบ.ดังกล่าวได้ ซึ่งคณะกรรมการก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
ต่อ มาได้มีการออกพรบ.จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์อีก 3 ฉบับ ในพ.ศ. 2479 พ.ศ. 2484 และพ.ศ. 2491 โดยได้แบ่งทรัพย์สินฯออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันคือ ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งให้คำจำกัดความเอาไว้ดังนี้
ทรัพย์สินส่วนพระองค์ หมายความว่า ทรัพย์สินที่เป็นของพระมหากษัตริย์อยู่แล้วก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ ทรัพย์สินที่รัฐทูลเกล้าถวาย และทรัพย์สินที่ทรงได้มาไม่ว่าในทางใด นอกจากที่ทรงได้มาในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์
ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดิน หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ซึ่งใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เช่น พระราชวัง
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หมายความว่า ทรัพย์สินในพระมหากษัตริย์ นอกจากทรัพย์สิน ส่วนพระองค์ และทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าวมาแล้ว

ดัง นั้นจึงจะเห็นได้ว่าทรัพย์สินส่วนพระองค์ได้ถูกจัดแบ่งออกไปอย่างชัดเจนแล้ว ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 จึงไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปรวมกันแล้วนำมาจัด ลำดับความร่ำรวยได้ แม้ว่ารายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จะได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายตามที่ ระบุไว้ในมาตรา 5 ของพรบ.ฯ แต่ตัวทรัพย์สินทั้งหมดยังคงอยู่และถือเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของพระมหากษัตริย์ ไม่ว่าพระองค์ใด เสด็จขึ้นมาครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆไปก็จะทรงมีสิทธิเฉพาะราย ได้จากทรัพย์สินส่วนนี้สำหรับไว้ใช้ตามพระราชอัธยาศัย

เรื่องของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นี้ผมเคยอ่านพบในบทความหนึ่งเขียนเอาไว้ว่าทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์แต่จัดเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ซึ่งผมเห็นว่าข้อเขียนนี้ก็ไม่ถูกต้องด้วยเหตุผลเช่นเดียวกันที่ได้มีการ แบ่งแยกทรัพย์สินของแผ่นดินออกไปแล้ว บรรดาที่ดินซึ่งอยู่ในทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีโฉนดทุกแปลงและส่วนใหญ่ จะมีพระนามของพระมหากษัตริย์องค์ก่อนๆเป็นเจ้าของที่ดิน (ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) แตกต่างจากที่ดินสาธารณะประโยชน์ ป่าไม้ ภูเขา แม่น้ำ ลำธาร ฯลฯ ซึ่งมิได้มีโฉนดและหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดูแล ถือว่าเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

การ กล่าวถึงข้อเท็จจริงเรื่องทรัพย์สินส่วนพระองค์ก็เพื่อให้มีความชัดเจนว่า สื่อต่างประเทศจัดลำดับความร่ำรวยโดยใช้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามความร่ำรวยอันดับที่เท่าใดก็ไม่ได้มีความสำคัญในประเด็นนี้ การที่มีบุคคลบางคนได้พยายามนำเรื่องความร่ำรวยมาอ้างถึงให้เกี่ยวพันกับพระ ราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่า เป็นสิ่งที่ขัดกันนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ปรุงแต่งขึ้นมาอย่างไร้สาระสิ้นดี วัตถุประสงค์ของพวกเขาเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการให้ร้ายต่อพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว

ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และความมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี เป็นการชี้แนะแนวทางในการดำเนินชีวิตของบุคคลรวมทั้งหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีความมั่นคงไม่เกิดความผิดพลาดหรือเสียหายอย่างรุนแรงแม้จะเกิด เหตุการณ์วิกฤติใดๆขึ้น ไม่ได้มีข้อห้ามความร่ำรวยความเจริญก้าวหน้าแต่ประการใด

ทั้ง คนรวย คนปานกลาง และคนจนก็สามารถที่จะนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็นหลักในแนวทางการ ดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพการงานได้ ความร่ำรวยมากน้อยเพียงใดก็มิได้หมายความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าความร่ำรวยนั้นไม่ได้มีที่มาโดยมิชอบ
ความดี ความชั่ว ไม่ได้วัดกันที่ความร่ำรวยหรือความยากจน
คนรวยที่ทุจริตคอรัปชั่น บ่อนทำลายชาติบ้านเมือง มีพฤติกรรมที่เลวทรามเป็นคนชั่ว
คนจนหาเช้ากินค่ำ มีความประพฤติดี รักชาติบ้านเมือง เป็นคนดี




เรื่องที่คนไทย ต้องรู้เกี่ยวกับพระราชทรัพย์จะได้ไม่เป็นเหื่ือยบนเวทีเสื้อแด
ไม่รู้จริง...อย่าสู่รู้...นรกกินหัวที่มีแต่กะโหลก กะลา...บอกให้เอาบุญ

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ไม่ใช่ทรัพย์สินของส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายบริหารงานในรูปแบบองค์กรนิติบุคคลภายใต้ชื่อ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ ได้แก่ ที่ดินและหุ้น โดยปัจจุบันมีผู้เช่าที่ดินทั่วประเทศ มากกว่า 3 หมื่นสัญญาโดยแปลงสำคัญ ๆ ประกอบด้วย ที่ดินโรงแรมโฟร์ซีซั่น ที่ดินสยามพารากอน ที่ดินเซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า ที่ดินองค์การสะพานปลา และ ที่ดินริมถนนพระรามที่ 4 ฝั่งเหนือ จากสวนลุมไนท์บาร์ซาร์ ยาวจรด ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์[ต้องการแหล่งอ้างอิง] ทั้งนี้บริษัทซีบีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของโลก ได้เคยประมาณการตัวเลขพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินฯ อยู่ที่ 32,500 ไร่ (13,000 เอเคอร์) โดยในบางพื้นที่มีมูลค่าสูงกว่า 380 ล้านบาทต่อไร่ ทั้งนี้ สำนักงานทรัพย์สินฯ ยังได้ลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ อีกด้วย โดยถ้านับรวมทั้งหมด หุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ มีอยู่ทั้งหมด
คิดเป็น 7.5% ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหุ้นไทยทำให้พระองค์ทรงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก[9] อย่างไรก็ตาม สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ชี้แจงถึงกรณีนี้ว่า "บทความดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง เนื่องจากว่า ทรัพย์สินที่บทความนำมาประเมินนั้น ในความเป็นจริง มิใช่ทรัพย์สินส่วนพระองค์ แต่เป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นไปในทำนองเดียวกันกับพระมหากษัตริย์ในประเทศอื่น ที่บทความเดียวกันนี้ไม่ได้จัดอันดับฐานะความร่ำรวย เพราะทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ใช่ของกษัตริย์ หากแต่เป็นของคนทั้งชาติ"
ทรัพย์สินส่วนพระองค์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีการลงทุนส่วนพระองค์เอง โดยไม่ผ่านสำนักงานทรัพย์สินฯ โดยการเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) 43.87% บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 18.56% บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(มหาชน) 2.04%เป็นต้น ทรัพย์สินส่วนพระองค์นี้ยังหมายรวมถึง เงินทูลเกล้าถวายฯ ตามพระราชอัธยาศัยต่างๆ

ซึ่งทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้นไม่ได้รับการยกเว้นเรื่องภาษี

และต้องเสียภาษีอากรตามปกติ

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=587584

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง