บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โกงบ้าเลือด

   การที่คณะรัฐมนตรีได้ประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนการจัดทำงบประมาณ เพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูน้ำท่วม เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานราชการต่างๆ เสนอของบประมาณเพื่อนำไปใช้ในการฟื้นฟูมาจำนวนมาก ซึ่งสูงกว่างบกลาง งบสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็น ที่ตั้งไว้เพื่อการฟื้นฟูน้ำท่วม จำนวน 1.2 แสนล้านบาท
     ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจจะนึกว่า เป็นเพียงการกระจายงบประมาณเพื่อจัดสรรเงินให้กระจายได้ทั่วถึง
     แต่ในฐานะที่คลุกคลีกับนักการเมืองมาพอสมควร งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท….อาจหมายถึง เงินถอนทุนจากการใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
 แค่ 10% ก็หมายถึงเงินปริมาณมากถึง 1.2 หมื่นล้านบาท

     แต่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เขาคิดกันที่ 30% นั่นหมายความว่า มีปริมาณมากถึง 3.6 หมื่นล้านบาท เงินงบดังกล่าว กลายเป็นโอกาสของส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมากที่สุดในการชงโครงการเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย
     โดยเฉพาะปัญหาความซ้ำซ้อนของโครงการ และความซ้ำซ้อนของพื้นที่ แต่ลักษณะโครงการแตกต่างกัน
     "งบประมาณที่ครม.อนุมัติในครั้งก่อนจำนวน 5 หมื่นล้านบาทนั้น ก็จะมีการทบทวนใหม่เช่นเดียวกัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของการใช้จ่ายงบประมาณมีความชัดเจน และลดความซ้ำซ้อน"วรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณอธิบายสาเหตุถึงความซ้ำซ้อน ปริมาณเงิน 1.2 แสนล้านบาท อาจจะเป็นจุดแบ่งแยกระหว่างความเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และส.ส.ฝ่ายค้านอย่างชัดเจน
    อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไม่ได้ริเริ่มหรือจัดสรรงบประมาณมากมายนัก ยกเว้นงบประมาณ 2556 แต่สำหรับงบประมาณปี 2555 กำลังอยู่ในระหว่างการแปรญัตติ ซึ่งเป็นโอกาสของกรรมาธิการที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม รวมทั้ง ส.ส.ซีกรัฐบาลที่ใกล้ชิด เงิน 1.2 แสนล้านบาท จึงเป็นโอกาสทอง ส.ส.รัฐบาลและหัวคะแนน
     แต่สิ่งที่สร้างความกังวลให้รัฐบาลอยู่บ้างก็คือ การจัดซื้อจัดจ้างเงินช่วยเหลือน้ำท่วมของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย
 ความอื้อฉาวในการจัดซื้อ ยังมีให้เห็นอยู่สม่ำเสมอ
การแจกถุงยังชีพล่าสุด ก็ยังแจกของหมดอายุ

   จนกระทั่งวิลาศ จันทร์พิทักษ์ คนเอ่ยชื่อ “”ไอ้เบ๋” คนจัดหาสิ่งของ ยังต้องวิจารณ์อย่างไม่ไว้หน้าว่า
    "ไอ้พวกนี้มันซื้อทุกอย่างที่ราคาถูก ไม่มีคุณภาพ ได้เปอร์เซ็นต์มากเอาทั้งนั้น ได้มาก็เอาไปแจกให้ชาวบ้าน โดยไม่ดูว่าเป็นของหมดอายุหรือยัง โกงกันแบบบ้าเลือด คาดว่าข้าวสารที่หมดอายุน่าจะเป็นข้าวที่เก็บไว้ในคลังของบ้านเรานี่แหละ เท่าที่รู้มีข้าวสารที่หมดอายุเก็บในคลังของ อคส.อยู่เป็นจำนวนมาก แต่กรณีนี้ต้องตรวจสอบก่อนว่าซื้อมาจากที่ไหน อย่างไร เกี่ยวกันหรือไม่ ” วิลาศ จันทร์พิทักษ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎรกล่าว
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อนายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย นำถุงยังชีพจำนวน 600 ถุง ซึ่งบรรจุข้าวสารและน้ำพริกตาแดงหมดอายุ (โดยข้างถุงข้าวสารระบุวันผลิตปี 2008 หมดอายุ 2010 ซึ่งหมดอายุไปถึง 1 ปีแล้ว) ไปแจกผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมภายในหมู่บ้านบัวทอง 4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 
   โดยเมื่อเร็วๆนี้ ชาวบ้านหมู่บ้านบัวทอง 4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า นายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ได้นำถุงยังชีพมาแจกให้กับประชาชนภายในหมู่บ้าน จำนวน 600 ชุด ซึ่งประชาชนก็ได้นำคูปองไปขอรับตามที่ผู้บริหารท้องถิ่นจัดระเบียบและประชา สัมพันธ์เอาไว้ โดยภายในถุงยังชีพประกอบไปด้วยเครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำปลา และน้ำพริกตาแดง เป็นต้น 
    ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดกลับพบว่าข้าวสารและน้ำพริกตาแดงนั้นหมดอายุ โดยถุงข้าวสารระบุว่าผลิตเมื่อปี 2008 และควรบริโภคก่อนปี 2010 เมื่อพบเช่นนั้น ชาวบ้านบางส่วนจึงนำถุงยังชีพดังกล่าวไปคืน แต่นายวันชัยได้พยายามอธิบายว่าข้าวสารไม่ได้หมดอายุ แต่เป็นเพียงอายุของถุงที่บรรจุข้าวสารที่หมดอายุเท่านั้น
 ชาวบ้านส่วน ใหญ่ไม่เชื่อคำชี้แจงของนายวันชัย ซึ่งบางส่วนได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่อีกหลายคนแสดงความไม่พอใจและโยนถุงยังชีพทิ้งต่อหน้าต่อตานายวันชัย

    เมื่อผู้สื่อข่าวได้ติดต่อนายวันชัยทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง 
     นายวันชัยได้ชี้แจงเช่นเดียวกับที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนเข้ามา โดยกล่าวว่า "ถุงที่บรรจุข้าวสารมีระบุวันที่หมดอายุจริง แต่ความเป็นจริงข้าวสารไม่ได้หมดอายุ เป็นเพียงอายุของถุงที่บรรจุเท่านั้น คาดว่าคนที่บรรจุคงไม่ทันคิด"
     เมื่อถามถึงกรณีของน้ำพริกตาแดงที่หมดอายุเช่นกัน นายวันชัยปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยแนะนำให้ไปสอบถามกับทางจังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นผู้จัดเตรียมถุงยังชีพดัง กล่าว เพราะเขาเป็นแค่ผู้ที่มาแจกจ่ายต่อเท่านั้น ไม่ใช่จัดซื้อ จึงไม่สามารถทราบว่าสิ่งของหมดอายุหรือไม่อย่างไร 
     ใครจะเชื่อว่า เอาถุงหมดอายุมาใส่ข้าวสารไม่หมดอายุ !!

 แก้วกานต์  กองโชค

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง