| ||||
ไม่ใช่เรื่องปกตินัก สำหรับสถานการณ์การเมืองเวลานี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ที่บังเอิญมาเกิดขึ้นในห้วงเวลาใกล้ๆ กัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ทำให้การเมืองร้อนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความจงใจ หรือเป็นความบังเอิญ และไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากฝ่ายไหน ก็ล้วนแล้วแต่สะท้อนถึงภาวะไม่ปกติธรรมดา ของการเมืองไทยในห้วงเวลานี้ทั้งสิ้น ความจริงก็คือ เหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “สถานการณ์ซ้อนสถานการณ์” ปฏิเสธไม่ได้ว่า เหตุหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้น มักมีมาในห้วงเวลาที่มีเหตุหนึ่งๆ อยู่ก่อนเสมอ นี่เป็นชั้นแรกของความไม่ปกติธรรมดา ของสถานการณ์การเมืองไทย ในห้วงเวลานี้ อย่าลืมว่า จนถึงขณะนี้ ความพยายามที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่าง เพื่อให้เกิดผลบางประการต่อ “บุคคลเบื้องหลัง” ของรัฐบาลชุดนี้ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกรณี “นิรโทษกรรม” ที่แม้ว่าจะกลายพันธุ์เป็น “ปรองดอง” ในรูปแบบของกฎหมาย แต่ก็ยังมีนัยของความหมายเบื้องหลัง ที่ไม่แตกต่างจากเดิม นี่เช่นเดียวกับความพยายามในการ “ติดปีก” ให้กับ “นายใหญ่” กับข่าวคราวล่าสุด ที่หลุดออกมาสู่สาธารณชน อันว่าด้วยการ “คืนพาสปอร์ต” ให้กับ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ดำเนินการแล้วเสร็จอย่างเงียบเชียบ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นี่ยังไม่รวมถึงอีกหลายความเคลื่อนไหว ที่มีให้เห็นเป็นระยะ อย่างไม่ขาดช่วง เหล่านี้ล้วนเป็นความไม่ปกติประการหนึ่ง ที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาด้านกลับ สำหรับความเคลื่อนไหวของอีกขั้วการเมืองหนึ่ง แน่นอนว่า นี่ไม่ต่างกับ “ปฏิกิริยาคู่ขนาน” ที่ยังดำเนินไปบนฐานของปัญหาเดิม อันว่าด้วยการ “แบ่งขั้ว-แบ่งฝ่าย” ภายใต้ “ความเชื่อ” ของใครของมัน “ปฏิกิริยาคู่ขนาน” เช่นว่านี้ ส่งผลโดยตรงต่อ “ภาวะไม่ปกติ” ของการเมืองไทย โดยเฉพาะในห้วงเวลานี้ ที่สถานการณ์การเมือง ถูกทำให้ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญ หรือด้วยความจงใจ และไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากใครหรือฝ่ายใดก็ตาม ทั้งหมดส่งผลต่อ “ภาวะไม่ปกติ” ที่อาจนำสู่เหตุการณ์ไม่ปกติ ในลักษณะของ “สถานการณ์ซ้อนสถานการณ์” นี่ยังไม่รวมถึง “บริบทการเมือง” อื่นๆ ในมิติที่ดำเนินไปในห้วงเวลาปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องปกตินัก สำหรับการประกาศเตือนถึง “ภาวะเสี่ยง” ในพื้นที่เมืองหลวง โดยเฉพาะในห้วงเวลา “ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่” และไม่ใช่เรื่องปกตินัก สำหรับเหตุสมทบ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า เหตุลอบวางระเบิด ที่หน้ากองสลาก เพื่อข่มขวัญรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงเหตุลอบวางระเบิด 3 จุด ใจกลางเมืองหลวง ในห้วงเวลาเช้ามืด ของวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา นี่ไม่ต่างจากการส่งสัญญาณบางประการ ซึ่งชัดเจนว่า ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยบังเอิญหรือจงใจ และไม่ว่าจะเกิดจากน้ำมือของใครหรือฝ่ายใดก็ตาม ก็ล้วนแล้วแต่มีความมุ่งหมายแฝงเร้น เพื่อหวังผลต่อสถานการณ์การเมือง ในสถานการณ์ไม่ปกติทั้งสิ้น! ปัญหาไม่ได้มีแค่ว่า ใครหรือฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า ได้เกิดการกระทำ ที่มุ่งผลต่อระดับอารมณ์ และความหวาดระแวงของประชาชน และสังคมโดยรวม ที่สำคัญคือ นี่ยังเป็นเหตุไม่ปกติจาก “สถานการณ์ซ้อนสถานการณ์” โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่แทบจะทุกฝ่าย ต่างขับเคลื่อนและพร้อมจะผสมโรง เพื่อผลักดันสถานการณ์ไปสู่ความไม่ปกติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความเคลื่อนไหวในระนาบการเมืองปัจจุบัน เช่นเดียวกับภาพของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่เดินทางไปตรวจเยี่ยม ก.กลาโหม เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.54 ต่อด้วยการตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย วันที่ 13 ธ.ค.54, ตรวจเยี่ยมกองทัพบก กองทัพอากาศ ในวันที่ 14 ธ.ค.54 และปิดท้ายด้วยกองทัพเรือ วันที่ 15 ธ.ค.54 ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความสัมพันธ์เชื่อมโยง และเกี่ยวเนื่องกัน ในสถานการณ์ของการเมือง อันวางซ้อนอยู่บนสถานการณ์ ที่ไม่ปกติธรรมดา “เราไม่ได้หวาดระแวงกันเลย เราอยู่และทำงานด้วยกัน ด้วยความเชื่อใจกันค่ะ” นี่เป็น “วาทกรรม” ของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่มีต่อคำถามอันว่าด้วย “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” และมีขึ้นในห้วงเวลาของสถานการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดา ทั้งหมดนี้ไม่ต่างจากปรากฏการณ์ “ลับ-ลวง-พราง” ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากใครหรือฝ่ายใด และไม่ว่าจะจงใจหรือบังเอิญก็ตาม และทั้งหมดนี้ก็ไม่ต่างจาก “สัญญาณ” ที่บ่งชี้ถึงภาวะสุ่มเสี่ยงอย่างแท้จริง!!! โต๊ะข่าวการเมือง |
วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2554
สกู๊ป : ป่วน! ลับ-ลวง-พราง “สัญญาณอันตราย”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น