บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"แดงล้มเจ้า"ประกาศยุทธศาสตร์ 6 ยึด ล้มล้างระบอบกษัตริย์ ...จะอันตรายกว่านี้ถ้ารัฐอุ้มสมด้วยกม.นิรโทษกรรม!!

             ถือว่ามีความชัดเจนในระดับสำคัญ  หลังจากรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”  กลับลำแปรสภาพ พ.ร.ฎ.อภัยโทษ ที่มุ่งประโยชน์ พ.ต.ท.ทักษิณ  ไปสนับสนุนให้นักโทษชั้นดีส่วนใหญ่   ยังคงได้รับพระมหากรุณาธิคุณเช่นเดิม   แต่ก็ใช่ว่าปฏิบัติการนำ “ทักษิณ” กลับบ้านจะจบลง แต่หนนี้  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง   จะใช้พ.ร.บ.นิรโทษกรรม   เป็นฉากบังหน้า  เพื่อเปิดโอกาสให้ความฝันนายใหญ่เป็นจริง ???


                 ประเด็นสำคัญของการเดินหน้าพ.ร.บ.นิรโทษกรรม  ไม่ใช่แค่เพียงทำให้ทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดง  ถูกยกระดับเป็นคดีการเมือง  โดยการกล่าวอ้างว่าเพื่อความปรองดองประเทศ  เพราะมีการนำคดีของคนเสื้อเหลืองมาบวกรวมไว้อย่างเสร็จสรรพ    แต่มากไปกว่านั้นเชื่อแน่ว่า  คดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112   ก็จะถูกผนวกเข้าไว้ด้วยกับอานิสงส์ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม  ด้วยเช่นกัน


                   ข้อพิจารณาก็คือผลพวงของการเหวี่ยงแหปลดปล่อยความผิดในทุกคดี อันสืบเนื่องมาจากความวุ่นวายทางการเมืองเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหรือไม่  โดยเฉพาะในกรณีของกลุ่มขบวนการล้มเจ้า  ที่มีเป้าหมายชัดเจนในเรื่องการล้มล้างสถาบัน  ที่มีการบิดเบือนในหมู่คนเสื้อแดงว่าเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย เ  พราะการเปลี่ยนแปลงระบอบ  ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลง  “ประชาธิปไตย” .... 


                    ทั้ง ๆ ที่ก็เข้าใจโดยทั่วกันว่า ที่สุดของแนวคิดนี้  ก็คือ   “การปกครองในรูปแบบสาธารณรัฐ”    ที่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักจะถูกทำให้เป็นแค่สัญลักษณ์ทางการเมือง  โดยไร้ซึ่งพระราชอำนาจใด ๆ  ทั้งสิ้น !!!


                   และนี่เป็นสัญญาณอันตรายยิ่งต่อความแตกแยกของผู้คนในประเทศรอบใหม่  ที่จะเกิดขึ้น   จากการออกมาสนับสนุนและคัดค้านการออกกฎหมาย    เปิดช่องให้ “พ.ต.ท.ทักษิณ”   กลับบ้าน     รวมถึงการใช้กฎหมายฉบับเดียวกันนี้     ปลดปล่อยขบวนการล้มเจ้าให้เป็นอิสระ     ตามทิศทางที่แกนนำล้มเจ้าอย่าง  “ใจ  อึ๊งภากรณ์”   หรือ  “จักรภพ  เพ็ญแข”     และ   แนวร่วมแดงทั้งหลายแสดงความต้องการ  มากไปกว่าการช่วย  “พ.ต.ท.ทักษิณ”  คนเดียว   ….
 

                   ท่ามกลางจุดเดือดกรณี  “ คุก  20 ปี SMS  อากง”   ...   ที่ถูกนำไปขยายความอย่างสบช่องโอกาส       ด้วยข้อกล่าวอ้างว่านี่คือความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม    โดย      คน ล้มเจ้าทั้งหลายกลับไม่พูดความเป็นธรรม   สำหรับคนไทยผู้จงรักภักดี  และ  กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   ที่ทรงอยู่ในฐานะไม่อาจทรงลงมาตอบโต้ได้เหมือนปุถุชน   จนพระองค์ท่านต้องทรงแบกรับพระราชภาระจากสารพัดข้อกล่าวหา  ที่คนเสื้อแดงยัดเยียดให้       ???
  


                    “ ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีล้มเจ้า ”   แนวคิดที่  “สนข.ทีนิวส์”    ตรวจสอบค้นจากบุคคลที่อ้างตัวเป็นนักวิชาการด้านการเมือง  และใช้นามแฝงว่า   “   ดร.เพียงดิน  รักไทย ”      ซึ่งปรากฏตัวในเวปแดง     ตอกย้ำให้คนไทยทั้งประเทศ     โดยเฉพาะมวลชนเสื้อแดงประจักษ์ว่า     นอกจากแนวทางการเรียกร้องประชาธิปไตยที่พูดกันปากต่อปากว่า   ยังไม่สมบูรณ์เบ็ดเสร็จนั้น    การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง   มีกรณีซ่อนเร้นเรื่องการล้มล้างสถาบันเบื้องสูงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่าง แน่นอน 
 

                    “ถึงเวลาแล้วที่คนเสื้อแดงต้องกล้าพูดเรื่องล้มเจ้า  เพราะการล้มเจ้าไม่ใช่เรื่องผิด   เพราะเราไม่ได้ (ฆ่า)  ใคร  ซึ่งเป็นการกระทำผิดทางกฎหมาย  แต่การไม่เอาเจ้าหมายถึงการไม่เอาระบบและกลุ่มบุคคลที่ยึดโยงอำนาจไว้เป็น ประโยชน์ส่วนตน ...  ”


                        จากถ้อยคำของ   “ ดร.เพียงดิน  รักไทย  ”       ไม่ต้องตีความเป็นอย่างอื่น   เพราะการสื่อความข้างต้นบ่งบอกอย่างชัดเจน   สำหรับทัศนคติที่มีต่อสถาบันเบื้องสูงของแนวร่วมแดงกลุ่มนี้เป็นอย่างไร    และ   เป็นเหตุเป็นผลว่าทำไมขบวนการคนเสื้อแดง  จึงออกมาเคลื่อนกระบวนการต่อสู้ในเรื่องนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย   กับ  กรณี  “ SMS  อากง ”    โดยไม่ใยดีกับข้อเท็จจริงทางกฎหมาย   ว่าด้วยการหมิ่นประมาท   กล่าวร้ายป้ายสี  ที่ทุกคนย่อมมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง    ตั้งแต่บุคคลธรรมดา  ไปจนถึงพระมหากษัตริย์   และองค์รัชทายาท


                     “  ประเด็นของอากงเป็นกรณีที่ต้องนำมาเชื่อมโยงกับแผนการปฏิวัติ    ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ    การแก้ไขกม. มาตรา 112    หรือ   กม.ที่เกี่ยวข้อง    ซึ่งจะเกี่ยวข้องไปถึงการล้มล้างระบอบไปเลย  ...  ” 


                   และด้วยถ้อยประโยคแบบนี้ใช่หรือไม่ว่า   ในมุมกลับของการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม      ให้กับ  “อากง”    แท้จริงแล้วก็มีเป้าหมายแฝงทางการเมืองซ่อนเร้นอยู่เป็นประเด็นสำคัญ    จน    “สนข.ทีนิวส์”     อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า   แท้ จริงแล้ว    “อากง”     กำลังตกเป็นเหยื่อของใครกันแน่    ถ้าพิจารณาจากสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์   ซึ่งตกเป็นฝ่ายถูกกล่าวหามาโดยตลอด ...  


                 ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ  ยังคงชัดเจนในจุดยืนเรื่องความจงรักภักดี   ภายใต้พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อคนไทยมายาวนานกว่า  60 ปีแห่งการครองราชย์  ???    


                  “พี่น้องเสื้อแดงที่ต้องการแนวทางปฏิวัติ   ต้องเลิกแนวทางที่หน้อมแน้ม   เลิกเชียร์ยิ่งลักษณ์ไปวัน  ๆ  เลิกสนับสนุนทักษิณแบบเพ้อเจ้อ   ที่ไม่การกดดัน  ไม่มีการเสนอแนวคิด   เพราะการจะล้มเจ้า  การจะปฏิวัติประเทศ   ต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์   ยุทธวิธีให้ชัดเจน     รัฐสภาที่อยู่ภายใต้การนำของยิ่งลักษณ์   ต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของสถาบันฯ  ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ... ขณะที่คนเสื้อแดงก็ต้องรู้ว่าสู้เพื่ออะไร  และกับใคร ....  ”


                 ความเข้มข้นในการแสดงชุดความคิดอันเลวร้าย  ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น   “   ดร.เพียงดิน  รักไทย ”   ยังก้าวล่วงไปถึงการปลุกระดม   ทำให้เกิดกระบวนการลดทอนอำนาจของมหากษัตริย์    ด้วยการกล่าวหาว่าทรงลงมายุ่งเกี่ยวทางการเมือง  และเรียกร้องให้เครือข่ายทักษิณร่วมพลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย


                  “พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงต้องร่วมกัน  ไม่นานนักเราจะได้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าแดงสยาม  ขบวนการปฏิวัติกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว  ...   เราต้องมียุทธศาสตร์ที่มีเป้าหมายว่าด้วยการล้มล้างโครงสร้างเดิม ๆ  แล้วสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่   ส่วนยุทธวิธีจะใช้วิธีการลุกฮิอขึ้นมายึดทุกสิ่งทุกอย่าง  หรือ ใช้กระบวนทางรัฐสภา  ผ่านการโหวตประชามติก็ว่ากันไป    


                 แต่สิ่งแรกที่ต้องทำคือ  1. แย่งชิงมวลชนทั้งหมดมาให้ได้   จากนั้นก็ 2.ยึดสื่อมวลชนมาอยู่ภายใต้การควบคุม  ภายใต้หลักกำกับให้มีการนำเสนอความจริงอย่างตรงไปตรงมา    ต่อด้วย 3.การยึดสภาที่ว่าด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา   เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงกฎหมายในระดับต่าง ๆ    4.ยึดอำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทหาร  ผ่านการกำกับการใช้อำนาจให้อยู่ภายใต้ขอบเขต   5.  ยึดกลไกลทางเศรษฐกิจ  เพื่อวันหนึ่งเราจะใช้ระบอบเศรษฐกิจจากพื้นฐานการผลิตทั้งหมด  เป็นเครื่องมือต่อสู้กับพวกชนชั้นสูง   และ 6. ยึดอำนาจศาลตุลาการ  เพื่อปกป้องไม่ให้เกิดการใช้อำนาจในส่วนนี้ ในการทำร้ายฝ่ายตรงข้าม


                 …  นี่คือทฤษฎีปฎิวัติที่เชื่อ ว่าจะไม่ทำให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ   และถ้าสามารถยึดทั้งหมดได้  สถาบันพระมหากษัตริย์  ก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ    จับไปวางตรงไหนก็ง่ายดาย ..." 


                    นี่คือ ชุดความคิดจริง ๆ ของพวกล้มเจ้า  (ดร.เพียงดิน รักไทย)  ที่ถูกมองว่ากำลังฮึกเหิมยิ่งในยุคพรรคเพื่อไทยดำรงสถานะสูงสุดในฝ่าย บริหาร     และกำลังมีแนวโน้มจะทำให้เกื้อหนุนให้กลุ่มขบวนการยกระดับกลายเป็นเสือติด ปีก    ถ้ารัฐบาลเดินหน้าพ.ร.บ.นิรโทษกรรม   ด้วยการผนวก “แดงล้มเจ้า”    เข้าไว้ในข่ายคดีการเมืองเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยให้เป็นอิสระ    รวมทั้งจะกลายเป็นเชื้อชนวนจุดไฟเผาแผ่นดินรอบใหม่    เพราะนี่ไม่ใช่แนวทาง การปรองดองอย่างที่กล่าวอ้างแน่นอน   ???   
คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่


สื่อที่เกี่ยวข้องกับข่าว






วัน - เวลา 2011-11-29 18:16:20

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง