บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

กระชากไส้..'รัฐซ้อนรัฐ' เกมลองกำลังกับ'อำนาจ' หวังสถาปนาระบบใหม่!

 
กระชากไส้..'รัฐซ้อนรัฐ' เกมลองกำลังกับ'อำนาจ' หวังสถาปนาระบบใหม่! ต้องคิดกลับ'ทำชั่ว-ได้ดี'


กลางเดือนส.ค.ที่ผ่านมา "วรินทร์ เทียมจรัส" ส.ว.สรรหา ผู้ซึ่งประกาศตัวชัดว่า "อยู่คนละขั้วกับทักษิณ" เคยออกมาเปิดประเด็นเรื่อง การฟื้นเรื่อง "ขออภัยโทษ" ให้กับ "นักโทษทักษิณ ชินวัตร" โดย "เขา" บอกกับ "ไทยอินไซเดอร์" ไว้ว่า


ปีนี้เป็นช่วง 84 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีการอภัยโทษให้นักโทษที่ประพฤติตัวดี เป็นวาระพอดี จึงต้องเร่งตรงนี้ขึ้นไป เพื่อจะได้ไปอยู่ในเงื่อนไขการเข้าบัญชีอภัยโทษ ไม่ใช่การนิรโทษกรรม แต่มีปัญหาว่า ตรงนี้เราใช้ตัวนี้มันจะไปไม่ได้ ใช้อภัยโทษทำไม่ได้ ก็อาจจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ต้องจุดประกายไงครับ จุดประกายว่าเคสนี้ ควรอยู่ในบัญชีนั้นด้วยมั๊ย...อะไรทำนองนี้
เมื่อเราถามว่า ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน จะทันหรือไม่ถ้าจะทำ "วรินทร์" บอกว่า ถ้า เขาจะทำทันทั้งนั้นแหละ มันไม่มีอะไรนี่ เพียงแต่เขียนว่า มีฐานความผิดใดที่จะเข้าการอภัยโทษทั้งประเทศ ทีนี้อภัยโทษมันจะมีปัญหาว่า ต้องเป็นคนที่รับโทษอยู่แล้ว แต่บังเอิญกรณีนี้ไม่ได้รับโทษก็จะเกิดปัญหาข้อกฎหมาย เพราะฉะนั้นเอาไปทำกฎหมายนิรโทษกรรมก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า การใช้วาระพิเศษจะง่ายกว่าการออกกฎหมายปกติ "วรินทร์" กล่าวว่า ใช่ ๆ เขาจะอ้างว่า...ถ้าคนค้านก็กลายเป็นว่า คุณไม่ได้เห็นความสำคัญของ 84 ปี เฉลิมพระชนมพรรษาใช่มั๊ย กลายเป็นว่าไอ้พวกนี้ ใครไม่เห็นด้วยกลายเป็นกบฏ (หัวเราะ) ไม่จงรักภักดี
ถือเป็นการมองข้ามช็อต-ดักทางล่วงหน้า...ซึ่งในที่สุด "การคาดการณ์" ของ "เขา" ก็เป็นจริง เมื่อเวลานี้ จู่ๆ ก็มีการจุดประเด็นเรื่อง "อภัยโทษ" โดยกลับไปหยิบยกกรณี "คนเสื้อแดง" เคยลงชื่อยื่นฎีกาถวายเมื่อ 2 ปีก่อน และยังค้างเติ่งอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของกรมราชทัณฑ์ แล้วพยายาม “ดันทุรัง” ทำในสิ่งที่ “หลายคน” เชื่อกันว่า “มิบังควร”
เพื่อให้ได้ความกระจ่างชัด และมองข้ามช็อตล่วงหน้าอีกครั้ง แบบสไตล์ “คนรู้ทันทักษิณ”...“ไทยอินไซเดอร์” ขอนำกลับไปสนทนาแบบจัดเต็ม กับ “วรินทร์ เทียมจรัส” ส.ว.สรรหา...อีกครั้ง
ซึ่งคราวนี้บอกได้คำเดียวว่า “จัดหนัก” ชนิดที่ “ขั้วอำนาจทักษิณ”...อาจระคายเคืองหู...และออกอาการ “คันหู” ตามเสียงเพลง...ที่กำลังโด่งดังในเวลานี้ก็ได้...โปรดติดตาม
Q : มีความคิดเห็นอย่างไรกับการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปลุกกระแสประเด็นเรื่องการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ
A : เรื่องนี้เขาคิดว่า จะลองกำลังกันระหว่าง “อำนาจ” เพราะการจะพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ เป็น “พระราชอำนาจ” แต่ทางซีกราชการเองที่เขาชะลอมาตลอด เพราะเขาถือว่า “กระบวนการมันไม่ชอบ” เมื่อไม่ชอบ กฎหมายไม่ให้อำนาจทำ เขาห้ามทำ เช่น สมมติว่าตามระเบียบแล้ว คุณจะต้องเคยโทษมาก่อน แล้วคนที่ยื่นแล้วจะต้องเป็นญาติ อันนี้มันไม่ใช่ไง เพราะระเบียบทางราชการเขามีระเบียบให้ทำเช่นนี้ เขาก็จะไม่ทำ คนทำก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถามว่าทำไมเขาใช้กลไกนี้ เพราะมันจะไปสอดคล้องกับการออกกฎหมายอภัยโทษทั้งประเทศไง ว่าขอมาโดยเป็นการส่วนตัวก็ไม่ได้ คือขอตามไปด้วยขึ้นขบวนเดียวกันไป แต่จะขอว่า ที่แล้วมาผมยื่นเมื่อไหร่ “ในหลวง” ก็ต้องโปรดเกล้าฯ เรื่องพระราชอำนาจกับเรื่องที่จะทำโดยทั่วไป มันคนละเรื่องกัน
Q : เป็นการอิงกระแส หวังอภัยโทษในวันที่ 5 ธ.ค.นี้
A : ใช่ครับ
Q : ที่บอกว่าเป็นการลองกำลัง เป็นเพราะรัฐบาลเองยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้จริง
A : ใช่ครับ แล้วตรงนี้ก็จะมีผลว่า ถ้าไม่ให้...“พระองค์ท่าน” เลือกปฏิบัติหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่มันกำลังลอง เพราะว่าตอนนี้มันมีการท้าทายอำนาจรัฐ คือการตั้งรัฐซ้อนรัฐ  คือการตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงขึ้นมา
Q : แผนที่วางไว้เริ่มตั้งแต่การที่ให้เสื้อแดงมายื่นฎีกาแล้วใช่หรือไม่
A : ใช่ครับ เพื่อบอกว่า “พระราชอำนาจจริง...ต้องให้สิ” เมื่อประชาชนร้องขอ...นี่ทฤษฎีนี้นะ แต่จริงๆเป็นพระราชอำนาจ หมายความว่าผู้ที่สนองพระบรมราชโองการ กฎหมายกำหนดว่า the king do the law หมายความว่า “พระเจ้าอยู่หัวทำอะไรไม่ผิด” เพราะว่าท่านจะมีคนรับผิดชอบแทน ก็คนที่รับผิดชอบแทนเขาดูแล้วมันผิดระเบียบ เขาถึงไม่กล้าทำ
Q : นอกจากเป็นการลองกำลังแล้ว ฝ่ายคุณทักษิณก็ต้องการให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริง
A : คือ...หวังได้ว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง เขาไม่ต้องไปสู่กระบวนการอีกหลายอันที่ต้องทำ คือตามขบวนไป ตามกระแสไป
Q : เป็นการงดเว้นขั้นตอนการออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้
A : มันไม่ได้หรอกครับ มันผิดหลัก ตรงอภัยโทษ...มันเป็นพระราชอำนาจตามวาระและตามโอกาส อันนั้นก็ทำไป เขารู้ยังไงปีนี้มีแน่นอน เขาก็จะตามกระแสไปเลยว่าเห็นมั๊ยละ “คนขอไม่ให้”...ทำนองนี้ เลือกปฏิบัติหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ที่ผมดูนะ เรามองในมิติอย่างนี้ เลือกปฏิบัติหรือเปล่า

Q : กระบวนการนี้จะสามารถกดดันได้ขนาดนั้นเลยหรือ
A : ก็ความรู้สึกของคนเสื้อแดงกับคนเสื้อเหลือง...มันต่างกันไง “คนเสื้อเหลือง...มองว่าเป็นการไปจาบจ้วงพระราชอำนาจ” “คนเสื้อแดง...บอกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือเปล่า-เลือกสีเสื้อหรือเปล่า” นี่คือวิธีคิด มันต่างกัน ถ้าเลือกปฏิบัติ ผมก็จะไม่อยู่เป็นประชาชนของประเทศนี้ละ ที่มีระบบนี้ นี่คือสิ่งที่ต้องระวัง
“ตอนนี้ถ้าเป็นเรื่องการอภัยโทษ การนิรโทษกรรมที่โดยอำนาจของกฎหมายมันเป็นพระราชอำนาจไง เมื่อเป็นพระราชอำนาจ เขาก็แปลความว่า ‘อย่างนั้นคุณก็ต้องให้ทุกคน’ ก็เลยสร้างกระแสขึ้นมา สร้างกระแสขึ้นมารับเลย แล้วใช้ข้ออ้างนี้ไปเพื่อล้มล้างสถาบัน...ถ้าไม่ได้”
Q : มองไปถึงเป้าหมายว่ามีความต้องการที่จะล้มล้างสถาบันจริง
A : คือผมมีข้อมูลว่า ก่อนหน้าที่จะมีหมู่บ้านเสื้อแดง มันมีกระบวนการที่จะให้ปลดรูปพระบรมฉายาลักษณ์ลง แล้วก็ได้เงิน แล้วหมู่บ้านไหนเอาลงหมด เขาก็จะตั้งกรรมการหมู่บ้าน นั่นที่ผมรู้มา เพราะฉะนั้นไอ้กระบวนการทั้งหมดที่มันขึ้นมาสู่สายตายประชาชนวันนี้ มันเป็นกระบวนการที่มีการเตรียมการไว้หมดแล้ว
Q : มีข้อมูลยืนยันถึงคำพูดของคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯหรือไม่ว่า มีการฟอกกองกำลังชุดดำในหมู่บ้านเสื้อแดง
A : อันนี้ผมไม่มี
Q : แต่มีข้อมูลในลักษณะว่า มีความพยายามที่จะนำไปสู่กระบวนการล้มล้างสถาบันจริง
A : จริงๆแล้วแนวความคิดเรื่องการสถาปนาระบบการเมืองใหม่...มัน มีมาตลอด แต่มันมีปัญหาว่า ขบวนการมันเป็นยุค-เป็นสมัยไง ไอ้นี่มันเป็นยุคที่เรียกว่า “มีกำลังเป็นของตนเอง-มีเสื้อแดง-มีกระบวนการในสภาฯ” คือทุกอย่างมันครบหมดแล้ว และมันมีการดุลอำนาจกันด้วย
Q : ถ้าในอนาคต หากมีการพระราชทานอภัยโทษจริง กระบวนการเหล่านี้จะหยุดหรือไม่
A : มันจะหยุดข้ออ้างตรงนี้ไป แต่ถามว่า คนอื่นจะมาอ้างอะไรได้มั๊ย...ไม่ได้ เพราะคนอื่นเขาคงจบ แต่ในกระบวนการไปตรวจพบลายมือชื่อปลอม ที่สำคัญคือไม่ใช่ญาติ และตัวไม่เคยได้รับโทษมาก่อน นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่เขาไม่กล้าทำไง
“เขาตีความอันเดียวว่า เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจ จะลองพระราชอำนาจว่า...โอเคถ้าเป็นพระราชอำนาจ ผมขอละ ถ้าผ่านเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาพูดเรื่องความถูกต้อง พูดถึงขั้นตอน เอาละวันนี้พวกผมไม่สนใจละที่เจ้าหน้าที่ไม่ยื่น รัฐมนตรีจะยื่นละ...โอเคอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถามว่าเรื่องในกรณีนี้ ทิ้งประเด็นเรื่องไม่ชอบแล้ว คุณยื่นไปแล้วผลเป็นยังไง...เขาต้องการผลไง วันนี้ต้องการผลล่ะ”
Q : เขา ไม่สนใจกระบวนการว่า จะถูก-ไม่ถูกกฎหมายแล้ว แต่อ้างเรื่องของพระราชอำนาจมาใช้ โดยอ้างถึงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับพระเจ้าอยู่หัวที่ห่างกันไม่ได้
A : ครับ...เหมือนกับพี่-น้อง อีกคนเก(เร) อีกคนไม่เก(เร) ไอ้คนที่เกได้เรียนแล้ว ได้รางวัล ไอ้คนน้องบอกว่าไม่...กูจะเอารางวัล ผมเปรียบเทียบในตรรกกะอันเดียวกันว่า “เป็นอำนาจของพ่อ ผมจะเอาเพราะพ่อเป็นคนให้” พ่อบอก “ไม่ได้ คุณต้องทำอย่างนี้” “แต่อ้าวผมขอแล้ว พ่อให้มั๊ยละ” ถ้าพ่อไม่ให้...ก็บอก “พ่อลำเอียง”
Q : ถ้ามีการกระทำดังที่กล่าวมาจริง จะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก จะสามารถดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างไรบ้าง
A : ตอนนี้ทำได้ก็คือว่า เราก็ดูก่อนว่ามีประเด็นอันเดียวว่า เขาต้องการให้ “พระองค์” ใช้พระราชอำนาจใช่ มั๊ย แล้วถ้าใช้พระราชอำนาจเป็นการใช้พระราชอำนาจโดยที่ไม่มีจารีตประเพณีปฏิบัติ เนี่ย รัฐมนตรีจะรับผิดชอบใช่มั๊ย เพราะว่าข้าราชการคนอื่นเขาไม่เอาไง รัฐมนตรีเก่าเขาก็บอกเขาไม่เอา เพราะไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติอย่างนี้ ไม่มีระเบียบอย่างนี้ ก็โอเค...คุณจะรับผิดชอบใช่มั๊ย ถ้าคุณยื่นมา ผมเชื่อว่า ถ้ายื่น “ในหลวง” อาจจะให้ เพราะพระองค์ท่านใจดี
Q : เป็นการตั้งคำถามไปถึงพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ใช่หรือไม่
A : ใช่...ท่านจะรับผิดชอบใช่มั๊ย เพราะว่าถ้ามันมีการทำฎีกาขึ้นไป โดยไม่ต้องถือตามระเบียบประเพณีปฏิบัติ หรือข้อกฎหมายข้อบังคับที่เคยปฏิบัติกันมา ท่านจะรับผิดชอบใช่มั๊ย

Q : คุณยิ่งลักษณ์จะมีส่วนต้องรับผิดชอบอะไรในความผิดนี้หรือไม่
A : ท่านนายกฯ...ก็โยนงานให้เจ้ากระทรวง ถ้าจะถามเรื่องนี้ต้องไปถามคุณเฉลิม (อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี) เพราะตอนนี้นายกฯชื่อเฉลิม มีเลขาฯชื่อปู คุณเฉลิมเป็น “นายกฯหน้าเสื่อ” คุณไม่เห็นตอนชี้แจงนโยบายเหรอ (หัวเราะ)
Q : แปลว่าคุณเฉลิมกับคุณยิ่งลักษณ์รู้ว่า การกระทำอย่างนี้อาจมีความผิด เลยโยนไปให้พล.ต.อ.ประชารับผิดชอบแทน
A : ก็แน่นอน เขาคงคุยกันเรียบร้อยแล้วเรื่องนี้
Q : แนวโน้มพล.ต.อ.ประชาน่าจะยื่นฎีกา
A : คือคุณประชา เราต้องกลับมาดูก่อนว่า คุณประชามีฐาน(เสียง)อยู่ที่อีสาน ถ้าคุณประชาไม่ทำ มีปัญหาเรื่องฐานเสียงทางการเมืองแน่นอน เขายื่นแน่นอน
Q : คาดว่าจะมีการยื่นจริงได้สักช่วงไหน
A : จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก ถ้าตรวจตอนนี้ มันมีชื่อเกิน มีชื่อจริง มีคนลงนามจริง คุณก็ยื่นได้ หรือไม่คุณไม่ใช้ชื่อเลยก็ได้ คุณก็บอกว่ามีประชาชนเข้าชื่อกัน เข้ามาอย่างนี้จำนวนเท่านี้ เพื่อขอพระมหากรุณาธิคุณ-ขอพระราชทานอภัยโทษ ทางกระทรวงพิจารณาแล้วก็เห็นว่า ควรจะให้เพราะทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ มา...แต่คุณต้องรับผิดชอบนะ คนลงนามต้องรับผิดชอบนะ ไอ้อย่างนี้ง่ายไม่ต้องใช้ชื่อด้วย เพียงแต่อ้างว่ามีชื่อ แล้วชื่อก็อยู่ที่นั่น ที่เคยส่งมอบให้สำนักราชเลขาธิการไปแล้ว
Q : ถ้าใช้วิธีนี้ แปลว่าการตรวจสอบรายชื่อที่ผ่านมา ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
A : ไม่หรอกครับ คือแสดงให้เห็นการใช้พลัง  ใช้พลังจะชอบหรือไม่ชอบ...อีกเรื่องนะ
Q : ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ถ้ายื่นฎีกา...เสื้อเหลืองออกมาหรือไม่ แล้วถ้าไม่ยื่น...เสื้อแดงก็จะออกมาใช่หรือไม่
A : ตรงนี้ยังไม่ใช่เงื่อนไขที่เสื้อเหลืองเคยมี เคยตั้งประเด็นไว้ เงื่อนไขเท่าที่เสื้อเหลืองตั้งประเด็นก็คือว่า ต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ ในเรื่องพระราชอำนาจผมเชื่อว่า “เสื้อเหลืองคงไม่ออก” ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง เสื้อเหลืองไม่ออกแน่นอนในเรื่องพระราชอำนาจ แต่ถามว่าเสื้อแดง ถ้าสมมติว่ามีเหตุขัดข้อง ไม่เป็นไปตามที่คาดคิด เสื้อแดงอาจจะออก เพราะ ว่าตอนนี้เราต้องสังเกตดูว่า การดำเนินการทางการเมืองปัจจุบันเขาแยก การเมืองเป็นกลุ่มหนึ่ง แยกเสื้อแดงเป็นกลุ่มหนึ่ง เสื้อแดงคือกองกำลังที่ขึ้นตรงกับคนนอกประเทศ
Q : การวางคนเสื้อแดงไปนั่งในตำแหน่งทางการเมืองในกระทรวงต่างๆ ก็เพื่อต้องการสุมกำลังไว้ใช้ในอนาคตหรือไม่
A : ถูกต้อง และพยายามยืนยันว่า “ทำดีไม่ได้ดีหรอก ทำชั่วอาจจะได้ดี” เพราะฉะนั้นคนที่คิดว่าทำดีแล้วอาจจะได้ดีเนี่ย...ก็เขาทำชั่วเขายังได้ดี เลย คุณต้อง “คิดกลับ” แล้วละ
......................................


"ไทยอินไซเดอร์"

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง