: ขยายปมร้อน โดย ศรายุทธ สายคำมี
เห็นมาตรการ หรือนโยบายรัฐบาลที่ออกมาแต่ละอย่างแล้ว นักวิชาการหลายคนพากันเป็นห่วงเป็นใยว่า ถ้าออกมาแบบพรวดๆ อย่างนี้ ถ้าเกิดเรื่องราวที่คุมไม่ได้ในภายหลังบ้านเมืองมันจะเป็นยังไง
ในขณะที่ยุโรปสิบกว่าประเทศกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยเศรษฐกิจ โดยมีประเทศกรีซ เป็นโดมิโนชิ้นแรก ว่าจะล้มละลายหรือไม่ ถ้าปล่อยให้ล้มแล้วจะกระทบกับชาติอื่นอีกเท่าไหร่
หลายคนคงจะคิดว่า นั่นมันประเทศฝรั่งมังค่า เมืองนอกเมืองนา กว่าจะมากระทบกับเราก็คงจะเบาไปแล้ว
ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องกลับไปคิดใหม่
เพราะภัยที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศยุโรปนั้นเกิดขึ้นหลังจากหายนะมาเยือนสหรัฐอเมริกาไปแล้ว และตอนนี้ก็กำลังป้อแป้ๆ
ประเทศไทยส่งออกไปที่อเมริกากับยุโรปคิดเป็นเม็ดเงินจำนวนมหาศาล แล้ววันนี้เราก็กำลังฝันหวานว่าจะมีคนมาซื้อข้าวที่นโยบายรัฐบาลกำลังปั่นให้ราคาพุ่งพรวดเป็นตันละ 1.5-2.0 หมื่นบาท...เอาเข้าจริง จะมีใครมาซื้อเรา ถ้าเขายืนกันแทบจะไม่อยู่
นี่ยังไม่นับญี่ปุ่นที่ประสบกับภัยธรรมชาติและกระชากตัวเลขเศรษฐกิจบ้านเขารูดลงซะไม่มีชิ้นดี
หายนะทางเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นนี้ทุกคนต่างก็มองเห็น โดยเฉพาะนักวิชาการที่หวังดีต่อบ้านต่อเมือง ที่พยายามเสนอให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หาทาง "ประกันความเสี่ยง" และลดมาตรการ หรือนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเสี่ยง
เพราะในยามที่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่ ถามว่าใครจะมาลงทุน ใครจะกล้ามาจ้างแรงงานไร้ฝีมือที่มีค่าตัวสูงลิ่ววันละ 300 บาท ใครจะเอาสตางค์ไปซื้อข้าวที่ราคาน่าจะพุ่งเกิน 50% เพื่อไปหุงเป็นสวัสดิการแรงงาน
นอกจากนี้ นโยบายรถคันแรกลดภาษีสูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาทนั้นเท่ากับเป็นการกระตุ้นแรงซื้อ โดยที่ไม่รู้ว่า ถ้า "สึนามิเศรษฐกิจ" มันพุ่งเข้ามา แรงซื้อเหล่านั้นจะทานแรงกระแทกได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นหนี้เสีย ปล่อยให้รถถูกไฟแนนซ์ยึด แล้วก็เป็นปัญหาต่อเนื่องไปถึงระบบธนาคาร
ไม่รู้ว่า "ฝันหวาน" ที่รัฐบาลบอกว่าจะเก็บภาษีสรรพสามิตคืนกลับมาได้ราว 5 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ยอมเสียไป 3 หมื่นล้านบาทนั้น ได้คิดถึง "ปัจจัยลบ" จากนอกประเทศที่ควบคุมไม่ได้นี้ไปด้วยหรือไม่
หรือคิดเอาแต่ทางได้เพียงอย่างเดียว ?
หรือจริงๆ แล้ว มาตรการนั่นนี่ที่ออกมาก็เพื่อจะกลบเกลื่อนนโยบายบางนโยบายที่ทำไม่ได้จริง โดยเฉพาะค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำได้ทันที แล้วเพิ่งมารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ในทันทีที่พูดออกไป
หรือว่าความพยายามผลักดันมาตรการที่สร้างความฮือฮา ให้คนที่มองเห็นแต่ทางได้ ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังว่า มันมีทางเสีย ได้ตาลุกวาว จนไม่ทันได้ดูว่ามี "วาระซ่อนเร้น"
ความพยายามปลดเปลื้องเครื่องพันธนาการให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ที่ค่อยๆ เผยตัวออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลังจากที่บอกเพียงว่า ทักษิณจะต้องได้รับความเป็นธรรมเช่นเดียวกับประชาชนคนทั่วไป
แต่สุดท้ายก็เริ่มชัดเจนแล้วว่า น่าจะไปจบที่พระราชกฤษฎีกาปี 2553 กลับมารับโทษถูกกักขังที่โรงเรียนพลตำรวจ บางเขน สักระยะ แล้วรอให้พระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นการทั่วไป "เท่าเทียม" กับนักโทษรายอื่นๆ
ระหว่างนี้ก็เตรียมเดินทางไปเจรจาธุรกิจกับกัมพูชาที่ ฮุน เซน ก็เล่นเกมถางทางไว้รอท่าอยู่แล้ว
คอยดูก็แค่ว่า คราวนี้พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลจะแบ่งสันปันส่วนอย่างไร จะงุบงิบเอาไว้ รอให้ วิกิลีกส์ มาสาวไส้ในภายหลังหรือเปล่า
ส่วนบทบาทของยิ่งลักษณ์ ก็พยายามไปดูความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม แล้วพยายามประดิษฐ์คำเพื่อให้คนจำว่านี่คือการแก้ปัญหา อย่างเช่น "บางระกำโมเดล" ที่ท่วมระลอกที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่โมเดลที่ว่า ก็ยังไม่ออกมาเป็นรูปธรรม
ทั้งหมดคือ การขับเคลื่อนของรัฐบาล ที่น่าหวาดเสียวว่า หากปัญหาเศรษฐกิจจากภายนอกพุ่งเข้ามากระทบจริงๆ จะรุนแรงแค่ไหน ในเมื่อรัฐบาลมุ่งเอาแต่เล่นมุกให้คนมักได้ตาลุกวาวจนลืมป้องกันตนเอง ในขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ได้มีมาตรการใดให้อุ่นใจในเรื่องนี้
จะมีก็แต่ "งาน" ที่ออกมาดูแล้วเข้าตาทักษิณ จริงๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น