แก้วสรร อติโพธิ
นับแต่เกิดรัฐบาลนายกฯ “ปู” ขึ้นมา ในชั้นแรกต่างก็เข้าใจและเฝ้าดูกันว่ารัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากในสภาหาทางตรากฎหมายนิรโทษกรรม ให้”คุณทักษิณ” อย่างไรและเมื่อใด
ผ่านไปสักพักก็มีการให้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนรอไปถึงกลางปีหน้าค่อยว่ากัน กระแสไต่ถามก็เบาลงไป แต่แล้วก็กลับมีกระแสผลักดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาแทน ขานรับขึ้นมาเป็นทอดๆจนปัจจุบัน
หนทางกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกของคุณทักษิณนี้ จึงเป็นปัญหาของจริงและมีด่านทางกฎหมายที่ซับซ้อนอยู่มากควรที่จะสะสางภาพรวมให้เห็นกันชัดเจนเสียก่อน ดังต่อไปนี้
คดีคอร์รัปชั่นของคุณทักษิณ
ปัจจุบันมีคดีคอร์รัปชั่นของคุณทักษิณ ที่ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองแล้ว สองกลุ่มคือ
คดี
ฝ่าฝืนกฎหมายเข้าซื้อที่ดินของรัฐ
คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีการพิสูจน์ว่าคุณทักษิณทุจริตหรือไม่
แต่เป็นผิดตรงที่ฝ่าฝืนข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสเข้าเป็นคู่สัญญากับ
หน่วยงานของรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมาน
ไปซื้อที่ดินถนนรัชฎาโดยคุณทักษิณ ให้ความยินยอม ศาลฎีกาจึงพิพากษาลงโทษ
จำคุก 2 ปีแต่คุณทักษิณ ก็บินหนีคดีไปเสียก่อน
คดี
นี้ถ้าใช้ “วิธีนิรโทษกรรม” ก็จะยุติไปพร้อมคดีอื่นๆ
แต่ถ้าใช้แนวทางอภัยโทษเช่นที่ก่อกระแสกันอยู่ในทุกวันนี้ คุณทักษิณ
ก็จะพ้นไปแต่เฉพาะคดีที่ดินรัชฎา นี้เท่านั้น
แต่จะถูกคดีหนีอำนาจคุมขังของศาล (จำคุก 3 ปี) กับกลุ่มคดีชินคอร์ป ลากขึ้นศาลไปตลอด ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดี
ชินคอร์ป คดีกลุ่มนี้เริ่มจากการขึ้นเป็นนายกฯโดยซุกหุ้นสัมปทานชินคอร์ป
ไว้ในชื่อลูกและพี่น้องก่อน
จากนั้นจึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบ ทำให้เกิดเป็นคดีขึ้นหลายคดีมาก กล่าวคือ
1.คดี
ยึดทรัพย์ คดีนี้ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปแล้วสองประการว่า
มีการซุกหุ้นจริงมีมาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบจริง
จากนั้นจึงให้ยึดประโยชน์ทีมิควรได้ เป็นเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท
2. คดีขึ้นเป็นนายกฯโดยคงถือหุ้นสัมปทาน คดีนี้มี 2 กระทง กระทงละ 3 ปี ฟ้องเป็นคดีแล้วแต่พักไว้รอได้ตัวจำเลยก่อน หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
3. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่บอกว่าตนเองยังเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ มี 7 กระทง กระทงละ 2 ปีมีขาดอายุความ 5 ปี ไปบ้างแล้ว คดีอยู่ในศาลแล้ว หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
4. คดีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในบรรดามาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ 5 มาตรการนั้น พบหลักฐานว่าคุณทักษิณ มีส่วนสั่งการ 2 คดี คือ
คดีให้พม่ากู้เงินเอ๊กซ์ซิมแบงค์ กับคดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต
คุณทักษิณ จึงถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทุจริตไว้แล้ว ทั้งสองคดี
เป็นคดีที่สู้ได้ยากเช่นกันเพราะศาลตัดสินเด็ดขาดในคดียึดทรัพย์ไว้แล้วว่า
มาตรการนี้ไม่ถูกต้องและประโยชน์ตกแก่คุณทักษิณ
คุณทักษิณเหลือประตูต่อสู้แต่เพียงประเด็นข้อเท็จจริงว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยเท่านั้น
โดย
ภาพรวมของคดีชินคอร์ปเหล่านี้ เมื่อศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ไปแล้ว
ข้อเท็จจริงสำคัญๆ ก็ยุติเด็ดขาดไปเกือบหมด
ทำให้การสู้คดีที่เหลือลำบากมากๆ
ครั้นจะดึงจะหน่วงคดีก็ลำบากเพราะฟ้องคาอยู่ในศาลหมดแล้วทุกคดี
ถ้าต้องโดนทุกคดีก็ติดคุกรวมกันได้สูงสุดถึง 40 ปีเลยทีเดียว
การแนะให้คุณทักษิณกลับมาสู้คดีจึงเป็นเรื่องที่คนนอกพูดได้ แต่ในจุดยืนของคุณทักษิณแล้วเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากจริงๆ
หนทางอภัยโทษคดีที่ดินรัชฎาฯ
เฉพาะ
คดีที่ดินรัชฎาฯ ที่ตัดสินจำคุกไปสองปีแล้วนั้น
เป็นคดีที่ตัดสินไปแล้วพร้อมจะบังคับโทษจับตัวไปเข้าคุกได้ในทันทีเลย
หนทางที่จะจัดการให้พ้นโทษไปโดยลำพังเฉพาะคดีนี้ก็คือการได้รับพระราช
ทานอภัยโทษ ซึ่งก็มีอยู่สองช่องทางคือ
1. ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะราย แนวทางนี้มีการรวมชื่อคนเสื้อแดงถวายฎีกาไว้แล้วกว่า 3
ล้านคน แต่ยังมีปัญหาเสียดทานอยู่เป็นอันมากว่า
ไม่เคยมีรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีใดเลยกล้าถวายความเห็นให้คนหนีคดีได้รับ
พระราชทานอภัยโทษได้
2. ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวาระมหามงคลเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในวาระเวียนบรรจบครบวันเฉลิมพระชนมพรรษา และครบ 7 รอบที่จะถึง ในวันที้ 5
ธันวาคมศก นี้ ก็ชัดเจนแน่นอนว่าจะต้องมีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป
ซึ่งก็จะมีช่องทางให้คุณทักษิณ
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษร่วมกับผู้ต้องโทษอื่นๆ ด้วยดังนี้
2.1) การ
พระราชทานอภัยโทษตามวาระมหามงคลนี้ จะตราเป็นกฏเกณฑ์ทั่วไปไม่ระบุชื่อบุคคล
มีทั้งเกณฑ์เจ็บป่วย สูงอายุ ความประพฤติดี
ผู้ต้องขังใดเข้าเกณฑ์นี้ก็จะได้อภัยโทษไปตามเกณฑ์
เกณฑ์เหล่านี้จะกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่กรมราชทัณฑ์
เสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเสนอ
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วนายกรัฐมนตรีนำขึ้นกราบบังคมทูลอีกชั้นหนึ่ง
2.2) เฉพาะเกณฑ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณทักษิณได้ก็คือ เกณฑ์ผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 60 ปีและเหลือโทษไม่เกิน 3 ปี เกณฑ์นี้เมื่อคราวอภัยโทษปี 2550 จะมีเงื่อนไขว่าต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามต่อมาเมื่ออภัยโทษในปี 2553 นักโทษสูงวัยมีมากรัฐบาลจึงเลิกเงื่อนไขนี้ไป มาในปี 2554 นี้ “รัฐบาลปู” จึงมีอิสระที่จะเลือกถือตามเกณฑ์ปี 2550 หรือ ปี 2553 ก็ได้แล้วแต่จะเห็นควร
2.3) ในกรณีที่รัฐบาลปู วางเกณฑ์อภัยโทษตามปี 2553 ว่า ใครอายุเกิน 60 ปี มีโทษเหลือไม่เกิน 3 ปี ก็อภัยโทษให้หมดนั้น โอกาสที่คุณทักษิณจะกลับประเทศมามอบตัวแล้วยอมติดคุกสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงพ้นโทษหลัง 5 ธันวาคม ตามเกณฑ์ในกฎหมายจึงมีอยู่สูงมาก เพราะเป็นเกณฑ์ทั่วไปมิได้อภัยให้ใครโดยเฉพาะ คุณทักษิณไม่จำเป็นต้องอาศัยฎีกาแดง นายกฯปู ก็ไม่จำเป็นต้องถวายความเห็นช่วยพี่ชายแต่อย่างใด จึงนับเป็นช่องทางที่ดีมาก
2.4) อย่าง
ไรก็ตาม..ปัญหาแท้จริงในการได้อภัยโทษโดยทั่วไปด้วยเหตุสูงอายุตามแนวทางที่
กล่าวมา
จะอยู่ที่การตีความพระราชกฤษฎีกาว่าถ้าผู้ต้องคำพิพากษาลงโทษอย่างคุณทักษิณ
หนีคดีไป 2 ปี แล้วคอยหาโอกาสย่องมาติดคุกสัก 1-2 อาทิตย์ แล้วก็ได้อภัยโทษไปง่ายๆ พร้อมกับคนอื่นที่เขายอมติดคุกด้วยดีอย่างนี้ จะยอมกันได้หรือไม่
ต่อ
ปัญหานี้ในระบบกฎหมายอภัยโทษ
ก็จะมีคณะกรรมการคอยวินิจฉัยปัญหาเฉพาะกรณีอยู่ ถ้าตระกูลชินวัตร
สามารถยึดกุมตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้อีกตำแหน่งหนึ่ง กรณีก็คงหมดปัญหาไปได้ โอกาสที่คุณทักษิณ จะพ้นโทษจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชฎาฯ นี้จึงมองอยู่เห็นๆ ไม่น่ามีปัญหาทางกฎหมายเท่าใดนักหากยึดไว้ได้ทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.และอธิบดีกรมราชทัณฑ์
จุดแตกหักที่แท้จริง
แม้”ชินวัตร”จะ
สามารถเดินเกมส์อภัยโทษคุณทักษิณในคดีที่ดินรัชฎาได้ดังแนวทางที่กล่าวมาก็
ตาม แต่ในทางกฎหมายแล้วเมื่อคุณทักษิณ
ยอมเข้ามาอยู่ในการคุมขังของกฎหมายไทยนั้น อำนาจควบคุมตัวของคดีอื่นๆ
ที่คาศาลอยู่ก็จะวิ่งมาอายัดตัวคุณทักษิณ มิให้ออกไปสู่อิสรภาพได้ดังที่คิด ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการและศาลที่จะพิจารณาว่า คนหนีคดีเช่นนี้ควรจะให้เสรีภาพในระหว่างการพิจารณาคดีอื่นๆต่อไปอีกหรือไม่
ใน
ทางปฏิบัตินั้น
ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะแทรกเข้ามาขออายัดตัวคุณทักษิณ
ไว้มิให้ได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับผู้ต้องโทษอื่นๆ
แล้วขอให้ศาลพิจารณาว่าควรจะให้ประกันตัวในคดีใหม่ที่เหลือหรือไม่
ซึ่งโดยประวัติการหนีคดีของจำเลยเช่นนี้
โอกาสที่ศาลจะให้ประกันตัวก็น่าจะมีน้อยมากทีเดียว
หาก
ได้คิดตามฉากที่กล่าวมาให้ถึงที่สุดแล้ว ก็ได้ภาพชัดเจนว่าเมื่อคุณทักษิณ
ยอมกลับมาติดคุกอยู่ระยะสั้นๆ นั้น
มวลชนแม่ยกทั้งปวงจะต้องถูกปลุกและโลดเข้ามาห้อมล้อมสถานคุมขังเป็นการใหญ่ ครั้น
เมื่อถึงวันที่ศาลจะต้องพิจารณาอายัดตัวคุณทักษิณ
ไว้สำหรับการดำเนินคดีอื่นแล้ว ตรงจุดนั้นการเมืองและกฎหมาย
คือม๊อบแดงและกระบวนการยุติธรรมจะต้องประทะกันตรงๆ และแตกหักอย่างแน่นอน
ขอ
จงช่วยกันหวังว่า….”ฉาก”
ที่ผมได้วาดมานี้จะไม่เป็นจริง…เพราะถ้าไปถึงจุดแตกหักเช่นที่กล่าวแล้ว
สังคมไทยคงสิ้น “ยาง”
ที่จะอยู่ด้วยกัน..ต้องแปลกแยกกันเช่นก้อนกรวดที่เผอิญมากองอยู่ ณ
ตำแหน่งเดียวกันเท่านั้น
สังคมกองก้อนกรวดอย่างนี้นี่หรือ…คืออนาคตที่เราไม่มีทางหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ ?
ขอขอบคุณ สยามรัฐ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น