บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

หนทางกลับบ้านโดยไม่ติดคุกของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร


แก้วสรร อติโพธิ
นับแต่เกิดรัฐบาลนายกฯ “ปู” ขึ้นมา ในชั้นแรกต่างก็เข้าใจและเฝ้าดูกันว่ารัฐบาลจะใช้เสียงข้างมากในสภาหาทางตรากฎหมายนิรโทษกรรม ให้”คุณทักษิณ” อย่างไรและเมื่อใด
ผ่านไปสักพักก็มีการให้ข่าวว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนรอไปถึงกลางปีหน้าค่อยว่ากัน กระแสไต่ถามก็เบาลงไป แต่แล้วก็กลับมีกระแสผลักดันให้มีการพระราชทานอภัยโทษขึ้นมาแทน ขานรับขึ้นมาเป็นทอดๆจนปัจจุบัน
หนทางกลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุกของคุณทักษิณนี้ จึงเป็นปัญหาของจริงและมีด่านทางกฎหมายที่ซับซ้อนอยู่มากควรที่จะสะสางภาพรวมให้เห็นกันชัดเจนเสียก่อน ดังต่อไปนี้
คดีคอร์รัปชั่นของคุณทักษิณ
ปัจจุบันมีคดีคอร์รัปชั่นของคุณทักษิณ ที่ไปถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองแล้ว สองกลุ่มคือ
คดี ฝ่าฝืนกฎหมายเข้าซื้อที่ดินของรัฐ คดีนี้เป็นคดีที่ไม่มีการพิสูจน์ว่าคุณทักษิณทุจริตหรือไม่ แต่เป็นผิดตรงที่ฝ่าฝืนข้อห้ามมิให้รัฐมนตรีหรือคู่สมรสเข้าเป็นคู่สัญญากับ หน่วยงานของรัฐเท่านั้น ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมาน ไปซื้อที่ดินถนนรัชฎาโดยคุณทักษิณ ให้ความยินยอม ศาลฎีกาจึงพิพากษาลงโทษ จำคุก 2 ปีแต่คุณทักษิณ ก็บินหนีคดีไปเสียก่อน
คดี นี้ถ้าใช้ “วิธีนิรโทษกรรม” ก็จะยุติไปพร้อมคดีอื่นๆ แต่ถ้าใช้แนวทางอภัยโทษเช่นที่ก่อกระแสกันอยู่ในทุกวันนี้ คุณทักษิณ ก็จะพ้นไปแต่เฉพาะคดีที่ดินรัชฎา นี้เท่านั้น แต่จะถูกคดีหนีอำนาจคุมขังของศาล (จำคุก 3 ปี) กับกลุ่มคดีชินคอร์ป ลากขึ้นศาลไปตลอด ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
คดี ชินคอร์ป คดีกลุ่มนี้เริ่มจากการขึ้นเป็นนายกฯโดยซุกหุ้นสัมปทานชินคอร์ป ไว้ในชื่อลูกและพี่น้องก่อน จากนั้นจึงมีการใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจชินคอร์ปโดยมิชอบ ทำให้เกิดเป็นคดีขึ้นหลายคดีมาก กล่าวคือ
1.คดี ยึดทรัพย์ คดีนี้ศาลฎีกาตัดสินเด็ดขาดไปแล้วสองประการว่า มีการซุกหุ้นจริงมีมาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบจริง จากนั้นจึงให้ยึดประโยชน์ทีมิควรได้ เป็นเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท
2. คดีขึ้นเป็นนายกฯโดยคงถือหุ้นสัมปทาน คดีนี้มี 2 กระทง กระทงละ 3 ปี ฟ้องเป็นคดีแล้วแต่พักไว้รอได้ตัวจำเลยก่อน หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
3. คดีแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ คือแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่บอกว่าตนเองยังเป็นเจ้าของหุ้นชินคอร์ปฯ มี 7 กระทง กระทงละ 2 ปีมีขาดอายุความ 5 ปี ไปบ้างแล้ว คดีอยู่ในศาลแล้ว หนทางต่อสู้คดีไม่มีเลย เพราะศาลในคดียึดทรัพย์ตัดสินยุติเด็ดขาดไปแล้วว่าซุกหุ้นจริง
4. คดีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในบรรดามาตรการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ 5 มาตรการนั้น พบหลักฐานว่าคุณทักษิณ มีส่วนสั่งการ 2 คดี คือ คดีให้พม่ากู้เงินเอ๊กซ์ซิมแบงค์ กับคดีแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต คุณทักษิณ จึงถูกฟ้องเป็นจำเลยฐานทุจริตไว้แล้ว ทั้งสองคดี เป็นคดีที่สู้ได้ยากเช่นกันเพราะศาลตัดสินเด็ดขาดในคดียึดทรัพย์ไว้แล้วว่า มาตรการนี้ไม่ถูกต้องและประโยชน์ตกแก่คุณทักษิณ
คุณทักษิณเหลือประตูต่อสู้แต่เพียงประเด็นข้อเท็จจริงว่าตนไม่รู้เรื่องด้วยเท่านั้น
โดย ภาพรวมของคดีชินคอร์ปเหล่านี้ เมื่อศาลตัดสินคดียึดทรัพย์ไปแล้ว ข้อเท็จจริงสำคัญๆ ก็ยุติเด็ดขาดไปเกือบหมด ทำให้การสู้คดีที่เหลือลำบากมากๆ ครั้นจะดึงจะหน่วงคดีก็ลำบากเพราะฟ้องคาอยู่ในศาลหมดแล้วทุกคดี ถ้าต้องโดนทุกคดีก็ติดคุกรวมกันได้สูงสุดถึง 40 ปีเลยทีเดียว
การแนะให้คุณทักษิณกลับมาสู้คดีจึงเป็นเรื่องที่คนนอกพูดได้ แต่ในจุดยืนของคุณทักษิณแล้วเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากจริงๆ
หนทางอภัยโทษคดีที่ดินรัชฎาฯ
เฉพาะ คดีที่ดินรัชฎาฯ ที่ตัดสินจำคุกไปสองปีแล้วนั้น เป็นคดีที่ตัดสินไปแล้วพร้อมจะบังคับโทษจับตัวไปเข้าคุกได้ในทันทีเลย หนทางที่จะจัดการให้พ้นโทษไปโดยลำพังเฉพาะคดีนี้ก็คือการได้รับพระราช ทานอภัยโทษ ซึ่งก็มีอยู่สองช่องทางคือ
1. ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการเฉพาะราย แนวทางนี้มีการรวมชื่อคนเสื้อแดงถวายฎีกาไว้แล้วกว่า 3 ล้านคน แต่ยังมีปัญหาเสียดทานอยู่เป็นอันมากว่า ไม่เคยมีรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีใดเลยกล้าถวายความเห็นให้คนหนีคดีได้รับ พระราชทานอภัยโทษได้
2. ได้รับพระราชทานอภัยโทษในวาระมหามงคลเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในวาระเวียนบรรจบครบวันเฉลิมพระชนมพรรษา และครบ 7 รอบที่จะถึง ในวันที้ 5 ธันวาคมศก นี้ ก็ชัดเจนแน่นอนว่าจะต้องมีการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ซึ่งก็จะมีช่องทางให้คุณทักษิณ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษร่วมกับผู้ต้องโทษอื่นๆ ด้วยดังนี้
2.1) การ พระราชทานอภัยโทษตามวาระมหามงคลนี้ จะตราเป็นกฏเกณฑ์ทั่วไปไม่ระบุชื่อบุคคล มีทั้งเกณฑ์เจ็บป่วย สูงอายุ ความประพฤติดี ผู้ต้องขังใดเข้าเกณฑ์นี้ก็จะได้อภัยโทษไปตามเกณฑ์ เกณฑ์เหล่านี้จะกำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาที่กรมราชทัณฑ์ เสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเสนอ คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วนายกรัฐมนตรีนำขึ้นกราบบังคมทูลอีกชั้นหนึ่ง
2.2) เฉพาะเกณฑ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อคุณทักษิณได้ก็คือ เกณฑ์ผู้ต้องขังสูงอายุเกิน 60 ปีและเหลือโทษไม่เกิน 3 ปี เกณฑ์นี้เมื่อคราวอภัยโทษปี 2550 จะมีเงื่อนไขว่าต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามต่อมาเมื่ออภัยโทษในปี 2553 นักโทษสูงวัยมีมากรัฐบาลจึงเลิกเงื่อนไขนี้ไป มาในปี 2554 นี้ “รัฐบาลปู” จึงมีอิสระที่จะเลือกถือตามเกณฑ์ปี 2550 หรือ ปี 2553 ก็ได้แล้วแต่จะเห็นควร
2.3) ในกรณีที่รัฐบาลปู วางเกณฑ์อภัยโทษตามปี 2553 ว่า ใครอายุเกิน 60 ปี มีโทษเหลือไม่เกิน 3 ปี ก็อภัยโทษให้หมดนั้น โอกาสที่คุณทักษิณจะกลับประเทศมามอบตัวแล้วยอมติดคุกสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงพ้นโทษหลัง 5 ธันวาคม ตามเกณฑ์ในกฎหมายจึงมีอยู่สูงมาก เพราะเป็นเกณฑ์ทั่วไปมิได้อภัยให้ใครโดยเฉพาะ คุณทักษิณไม่จำเป็นต้องอาศัยฎีกาแดง นายกฯปู ก็ไม่จำเป็นต้องถวายความเห็นช่วยพี่ชายแต่อย่างใด จึงนับเป็นช่องทางที่ดีมาก
2.4) อย่าง ไรก็ตาม..ปัญหาแท้จริงในการได้อภัยโทษโดยทั่วไปด้วยเหตุสูงอายุตามแนวทางที่ กล่าวมา จะอยู่ที่การตีความพระราชกฤษฎีกาว่าถ้าผู้ต้องคำพิพากษาลงโทษอย่างคุณทักษิณ หนีคดีไป 2 ปี แล้วคอยหาโอกาสย่องมาติดคุกสัก 1-2 อาทิตย์ แล้วก็ได้อภัยโทษไปง่ายๆ พร้อมกับคนอื่นที่เขายอมติดคุกด้วยดีอย่างนี้ จะยอมกันได้หรือไม่
ต่อ ปัญหานี้ในระบบกฎหมายอภัยโทษ ก็จะมีคณะกรรมการคอยวินิจฉัยปัญหาเฉพาะกรณีอยู่ ถ้าตระกูลชินวัตร สามารถยึดกุมตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้อีกตำแหน่งหนึ่ง กรณีก็คงหมดปัญหาไปได้ โอกาสที่คุณทักษิณ จะพ้นโทษจำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชฎาฯ นี้จึงมองอยู่เห็นๆ ไม่น่ามีปัญหาทางกฎหมายเท่าใดนักหากยึดไว้ได้ทั้งตำแหน่ง ผบ.ตร.และอธิบดีกรมราชทัณฑ์
จุดแตกหักที่แท้จริง
แม้ชินวัตรจะ สามารถเดินเกมส์อภัยโทษคุณทักษิณในคดีที่ดินรัชฎาได้ดังแนวทางที่กล่าวมาก็ ตาม แต่ในทางกฎหมายแล้วเมื่อคุณทักษิณ ยอมเข้ามาอยู่ในการคุมขังของกฎหมายไทยนั้น อำนาจควบคุมตัวของคดีอื่นๆ ที่คาศาลอยู่ก็จะวิ่งมาอายัดตัวคุณทักษิณ มิให้ออกไปสู่อิสรภาพได้ดังที่คิด ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการและศาลที่จะพิจารณาว่า คนหนีคดีเช่นนี้ควรจะให้เสรีภาพในระหว่างการพิจารณาคดีอื่นๆต่อไปอีกหรือไม่
ใน ทางปฏิบัตินั้น ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะแทรกเข้ามาขออายัดตัวคุณทักษิณ ไว้มิให้ได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับผู้ต้องโทษอื่นๆ แล้วขอให้ศาลพิจารณาว่าควรจะให้ประกันตัวในคดีใหม่ที่เหลือหรือไม่ ซึ่งโดยประวัติการหนีคดีของจำเลยเช่นนี้ โอกาสที่ศาลจะให้ประกันตัวก็น่าจะมีน้อยมากทีเดียว
หาก ได้คิดตามฉากที่กล่าวมาให้ถึงที่สุดแล้ว ก็ได้ภาพชัดเจนว่าเมื่อคุณทักษิณ ยอมกลับมาติดคุกอยู่ระยะสั้นๆ นั้น มวลชนแม่ยกทั้งปวงจะต้องถูกปลุกและโลดเข้ามาห้อมล้อมสถานคุมขังเป็นการใหญ่ ครั้น เมื่อถึงวันที่ศาลจะต้องพิจารณาอายัดตัวคุณทักษิณ ไว้สำหรับการดำเนินคดีอื่นแล้ว ตรงจุดนั้นการเมืองและกฎหมาย คือม๊อบแดงและกระบวนการยุติธรรมจะต้องประทะกันตรงๆ และแตกหักอย่างแน่นอน
ขอ จงช่วยกันหวังว่า….”ฉาก” ที่ผมได้วาดมานี้จะไม่เป็นจริง…เพราะถ้าไปถึงจุดแตกหักเช่นที่กล่าวแล้ว สังคมไทยคงสิ้น “ยาง” ที่จะอยู่ด้วยกัน..ต้องแปลกแยกกันเช่นก้อนกรวดที่เผอิญมากองอยู่ ณ ตำแหน่งเดียวกันเท่านั้น
สังคมกองก้อนกรวดอย่างนี้นี่หรือ…คืออนาคตที่เราไม่มีทางหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้ ?
ขอขอบคุณ สยามรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง