บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำใจ วัดใจ ถูกย้ายโดยไม่โม้


     เมื่อสองสามวันก่อน มีนักเลงดีชื่อดร.อัมมาร สยามวาลา แห่งสำนักทีดีอาร์ไอ ให้ฉายารัฐบาลชุดนี้ว่ารัฐบาลดีแต่โม้
     โดยให้เหตุผลสนับสนุนว่านักการเมืองเอาแต่หันซ้ายหันขวา ไม่ทำเหมือนกับยุคทักษิณที่พูดแล้วทำ รับจำนำข้าวเอย ค่าแรง 300 บาทเอย ดีแต่โม้
     ขณะเดียวกันนักวิชาการสำนักเดียวกัน รศ.ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงศ์ บรรยายให้บรรดานายจ้างฟังว่าช่วง 10 ปีที่ผ่านมาค่าแรงคนไทยห่างจาก(ต่ำกว่า)ค่าครองชีพถึง 60% แม้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ก็ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงเห็นสมควรขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ
     แต่ที่รัฐบาลทำไม่ได้ตามโม้ก็เพราะ ถูกต้านจากประดานายจ้างเพราะเป็นธรรมดาอยู่เอง ใครๆก็อยากได้ของถูก ไม่เช่นนั้นแรงงานจากพม่า เขมร ลาวจะเข้ามาเต็มบ้านเต็มเมืองหรือ
     เพราะฉะนั้นถ้าแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นค่าแรงตามที่คนเพื่อไทย “โม้”เอาไว้ พวกเขาก็ต้องไปเดินขบวนเอากับนายจ้างผู้คัดค้านค่าแรง 300 บาทแทน
     เพราะ ตัวรัฐบาลเองนั้น อยากจะทำตามที่โม้ไว้ใจจะขาด เพราะนั่นหมายถึงคะแนนเสียงท่วมท้นในอนาคต ไม่ซื้อ(ด้วยเงินงบประมาณฯ)ตอนนี้ จะไปซื้อกันตอนไหน
     สำหรับฉายาดีแต่โม้นี้ ฟังแล้วคิดถึงสมรักษ์ คำสิงห์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกของประเทศไทยที่ได้ฉายาจากนักข่าวว่า”จอม โม้”
    ฉายานี้เจ้าตัวชอบมาก เพราะทำให้ได้ค่าจ้างโฆษณาหลายล้านบาทด้วยสโลแกนตอบโต้“ไม่ได้โม้” ตบท้ายสป็อตโฆษณากางเกงชั้นในชายที่เขาใส่เป็นนายแบบ
แต่ก็โดนแซวเมื่อเสียพนันมวยว่า “ดีแต่โม้จนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว”
     วันนี้ รัฐบาลถูกหาว่าดีแต่โม้ จะใช้งบประมาณแผ่นดินจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวแบบเจ้าบาสหรือไม่ แฟนคลับเจ๊ปูดูใจกันสัก 6 เดือนก็แล้วกัน
     แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น มีช็อตเด็ดๆให้ดูกันระหว่างทางในมหกรรมการโยกย้าย
     การเข้ามาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยนั้น ถ้าเป็นภาคธุรกิจต้องถือเป็นเป็นการครอบครองปรปักษ์(hostile takeover) คนที่ไม่ใช่พวกเขา เขาก็เอาออกไปเป็นธรรมดา เพื่อมิให้เกิดการต่อต้าน ดื้อแพ่ง ปลุกระดม วางยา “เข้าเกียร์ว่าง” ขายความลับบริษัท ฯลฯ
     จึงต้องทำใจเมื่อกิจการเปลี่ยนมือ ประชาธิปัตย์เองก็ทำแบบนี้ เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลเพราะเกิดภาวะ “เกียร์ว่าง” ไปแทบทุกกระทรวง
     ส่วนเรื่องการยุบหรือสวมหน่วยงานนั้น ต้องเท้าความไปยังสมัยชวน หลีกภัย เป็นนายกฯครั้งที่ 1 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ รวมแล้วกว่า60 ชุด
     มาถึงยุคบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ หน่วยงานในยุคชวนถูกโละหมด ทีมของบิ๊กเติ้งเข้ามาสวมแทน
     ถึงยุค พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ ก็ทำอีหรอบเดียวกันกับบิ๊กเติ้ง
     พอมาถึงยุคชวนรีเทิร์น นายหัวชวนก็ทำแบบเดียวกันกับบิ๊กเติ้ง บิ๊กจิ๋ว แต่เพิ่มจำนวนเป็นราวๆร้อยกว่าคณะ
     มาถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หน่วยงานยุคนายหัวชวนถูกยุบเหลือประมาณ 64-65 ชุดและก็ทำแบบเดียวกับบิ๊กเติ้ง บิ๊กจิ๋ว บิ๊กชวน คือเอาคนไทยรักไทยเข้าไปแทน
     ถึงยุคพลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ เป็นรัฐบาลรัฐประหาร จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
     มาถึงยุคอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ทำไม่ต่างไปจากบิ๊กเติ้ง บิ๊กจิ๋ว นายหัวชวน และเสี่ยแม้ว
     ถึงขนาดพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งหลายฉบับทำนองว่า “โยกย้ายใหญ่คนของป๋าพรึบ”
     คณะกรรมการยุคมาร์ค์มีถึง 168 ชุด ตามที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สั่งให้รองนายกฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง นำมาทบทวนพิจารณา
     ใครที่ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการและหน่วยงานเหล่านั้น ต้องทำใจ หรือบางคนทำใจไว้แล้ว ตั้งแต่เพื่อไทยชนะเลือกตั้งว่า “ถึงเวลาเราต้องไป” แล้ว
     คนที่ช่วยงานพรรคแกนนำรัฐบาลยังรอต่อคิวยาวเหยียด คงได้ตอบแทนกันอีกรอบ
     เรื่องการใช้คนของตนทำงานแทนคนที่อยู่ในหน่วยงานรัฐบาลชุดเก่านั้น มิใช่มีแต่ในประเทศไทย ชาติอื่นๆเขาก็ทำกัน
     โดยเฉพาะสหรัฐฯนั้น ตรากันเป็นกฎหมายเลยว่าข้าราชการที่ทำงานสังกัดทำเนียบขาวนั้นอายุการจ้าง งาน 4 ปีตามวาระของตำแหน่งประธานาธิบดี
     ทั้งนี้เพื่อให้ประธานาธิบดีมีอิสระในการคัดเลือกคนและสามารถเอาทีมงานที่ทำงานเข้ากันได้กับตนมาทำงาน
     แต่ละเทอมจะมีทั้งคนเก่าได้ต่อสัญญาและคนใหม่คละกันราวครึ่งต่อครึ่ง เพราะคนเก่าบางส่วนต้องสานงานต่อเนื่องจากรัฐบาลชุดที่แล้ว
     รัฐบาลเจ้าแม่หวยปูก็คงจะต้องทำตามกรอบนี้ ใครที่ไม่ทำใจก็ต้องกินยาทัมใจแก้ปวด
     เพราะแม้แต่คนเพื่อไทยที่ตั้งกันพรึบพรับก็เถอะ ถึงคิวคนที่รออยู่ข้างหลังมาสะกิดสีข้างเตือน ก็ต้องไปเหมือนกัน โดยเฉพาะพ.ค.หน้าที่พวกบ้านเลขที่ 111 พ้นที่กักกันออกมา
     สำหรับข้าราชการ ถ้าทำใจได้ ก็ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ใครจะว่าจิ้งจกเปลี่ยนสีก็ช่างเถอะ เราเป็นข้าราชการอาชีพไม่มีทางเลือก
     จะเหยียบเรือสองแคมก็ไม่ว่ากัน เพราะ10 ปีหลังรัฐประหาร การเมืองไทยมีแต่รัฐบาลอายุสั้นๆไม่ครบเทอม จึงต้องแทงกั๊กกันไว้ก่อน
     คนที่ลืมแทงกั๊ก อย่างงวดนี้หวยเจ้าแม่ตะเคียนทองปูไปออกที่ผบ.ตร.ก็ทำใจกันลำบาก
     ส่วนงวดหน้าจะออกที่ไหน เลขอะไรคงต้องเดากันวันต่อวัน
     แต่ประดาแฟนคลับหวย เขาเล็ง 3834 เลขทะเบียนเบนซ์ประจำตำแหน่งนายกฯ
     ถูกกันแล้ว เอาทองคำเปลวไปปิดตัวเจ้าแม่กันบ้างก็แล้วกัน งวดหน้าจะได้ถูกอีก


แสงไทย เค้าภูไทย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง