เพ้อเจ้อปรองดอง!!เหตุทักษิณยังคลุมเครือเรื่องความภักดี
แม้จะประกาศย้ำแล้วย้ำอีกว่าแก้ไขไม่แก้แค้น เพื่อความปรองดองแต่ดูเหมือนว่าแค่ความคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็คงเป็นได้แค่ความคิดจริง ๆ เพราะถึงเวลาจะปฏิบัติจริงคงทำไม่ได้อย่างที่คิด ...
เหตุผลรองรับของความจริงว่าแนวทางปรองดองไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ เพราะต้องยอมรับว่า ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่อาจทำให้คนเสื้อแดงคิดเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งก็ปรากฏแล้วว่าพฤติกรรมของคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง มีลักษณะก้าวร้าวต่อฝ่ายตรงข้ามในระดับใด
อีกทั้งภายหลังจากที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธให้แกนนำแดงเข้ามาทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ก็ปรากฏว่า มีการแต่งตั้งเครือข่ายแดงพาเหรดเข้าไปทำงานการเมืองกันอย่างเอิกเกริก
โดยเฉพาะอย่างน้อยก็ 2-3 คน ที่ทำงานใกล้ชิดกับ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ อย่าง นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ , นางสาวไพจิตร อักษรณรงค์ ไม่นับรวมแนวร่วมแดงอีกอย่างน้อย 4-5 คน ซึ่งมีบทบาทเคลื่อนไหวอย่างเป็นที่ประจักษ์ ในการชุมนุมคนเสื้อแดงเดือนเมษายน 52 และ เมษายน-พฤษภาคม 53
ส่วนงานการเมืองที่ได้รับมอบหมายเป็นการเปิดเผย ก็คือ ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีเงินเดือนประจำตำแหน่งคนละ 24,200 บาท ( 24,200 x 13 คน = 314,600 บาท /เดือน) แต่ภารกิจจริง ๆ ของแต่ละคนคืออะไร อีกไม่นานก็คงได้รู้ได้เห็น เพราะนางธิดาเคยวางเป้าหมายไว้แล้วว่า ภารกิจของนปช.ต้องทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนเหลืองเป็นแดงให้ได้ ???
เหตุผลอีกประการหนึ่งก็มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีตัวจริง ซึ่งให้สัมภาษณ์สื่อไทมส์ ลอนดอน ระบุชัดเจนว่าพร้อมจะกลับมานายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ภายใต้ข้อแม้ว่าเมื่อประชาชนเรียกร้อง …
“ผมเป็นหนี้พวกเขา เป็นหนี้จำนวนมาก เพราะว่าเขาไม่เคยลืมผม และยังลงคะแนนให้ผม ..ถ้ามันเป็นคำร้องขอจากประชาชน ผมต้องแสดงออกมาซึ่งความกตัญญูด้วยการรับมันไว้”
พ.ต.ท.ทักษิณตอบคำถามผู้สื่อข่าว อย่างนายริชาร์ด ลอยด์ แพรี่ อย่างมีความสุขเมื่อถูกซักย้ำ ๆ ว่า ถ้าประชาชนขอร้องให้กลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
ขณะที่ประเด็นร้อนซึ่งประเมินได้ว่าน่าจะมีผลเกี่ยวเนื่องกับความปรองดอง ว่าไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้จริง ก็คือ สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดถึง รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก
โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวหาว่า ถูกเสี้ยมสอนให้ใช้อาวุธปราบปรามประชาชน ในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 53 และต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้คำพูดว่า “ ไม่ใช่แค่พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น บรรพบุรุษของท่านด้วย”
และเหตุผลสุดท้ายที่เชื่อว่าความปรองดองจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ (จริง ๆ ) ก็มาจากมุมคิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงท้าย ๆ การสัมภาษณ์ เมื่อ นายริชาร์ด ลอยด์ แพรี่ โยงประเด็นความวุ่นวายทางการเมือง ไปผูกกับข้อคำถามอันเกี่ยวเนื่อง กับการดำรงสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยเมื่อนายริชาร์ด ถามว่า สถานการณ์ความวุ่นวายของประเทศ พระเจ้าอยู่หัวจะทรงลงมาคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า อยู่ที่การตัดสินพระทัยของพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ทรงผ่านเรื่องยาก ๆ และปัญหาทางการเมืองมามากมาย ... ดังนั้นพระองค์ทรงเข้าใจว่าจะใช้พระบารมีอย่างไร
ประเด็นน่าฉุกคิดก็คือ เกือบ 5 ปีแล้ว ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ จึงยังทำให้ผู้คนไขว้เขวในพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ และ ไม่เคลียร์คัทในประเด็นว่าสถาบันเบื้องสูง ทรงดำรงสถานะอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง (ไม่ยุ่งเกี่ยวความข้ดแย้งการเมือง)
แต่ในมุมตรงข้ามเป็นพ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายแดง ซึ่งประกาศตัวว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่างหากที่แสดงเจตนาบีบคั้นให้พระองค์ท่าน ต้องทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยในหลายเรื่อง อันเป็นประเด็นต่อเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง โดยเฉพาะการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ
หรือ แปลเพื่อความเข้าใจโดยทั่วไปก็คือ มีความพยายามดึงสถาบันให้ลงมายุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองมาโดยตลอด นับเนื่องจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ซึ่ง ณ ปัจจุบันการกระทำในลักษณะดังกล่าว ได้ทำให้พระมหากษัตริย์ ตกอยู่ในภาวะของความสุ่มเสี่ยงของการถูกคุกคามอย่างไม่จบไม่สิ้น
เช่นเมื่อไม่กี่วันนี้เวปไซด์แดง ก็เผยแพร่กิจกรรมของ ” สหภาพเพื่อประชาธิปไตยประชาชน ของกลุ่มคนไทยในยุโรป 6 + 3 ประเทศ” หรือ Union for people Democracy ซึ่งออกแถลงการณ์ คำประกาศก่อตั้ง สหภาพเพื่อประชาธิปไตยประชาชน 2011 โดยมีใจความหลายบทหลายตอน มีลักษณะเข้าข่ายดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง
ไม่เท่านั้นกลุ่มมวลชนดังกล่าวยังประกาศเป้าหมายสหภาพฯ ใน 7 ข้อสำคัญ ซึ่งรวมถึง การเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 และการปลดล็อคกฎหมายปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความเห็นทั้งหลาย
รวมถึงให้มีการปล่อยตัวนักโทษคดีหมิ่นฯและนักโทษการเมืองทุกคน และยังประกาศรณรงค์ให้เกิดการตื่นรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของสถาบันทหารและสถาบันพระมหากษัตริย์ ( อ้างว่าเข้าไปแทรกแซงกระบวนการบริหารจัดการบ้านเมือง และขบวนการภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประชาชน)
ถึงตรงนี้ก็น่าพิจารณาว่าใช่หรือไม่ ว่า การที่สถาบันเบื้องสูงถูกมองว่าลงยุ่งเกี่ยวการเมือง เพราะใคร ???และใครที่ทำให้สถาบันเบื้องสูง กลายเป็นเป้าหมายในการคุกคาม ล่วงละเมิดอย่างไม่จบไม่สิ้น
ในขณะมีอีก 3 คำถาม 3 คำตอบระหว่าง นายริชาร์ด ลอยด์ แพรี่ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกี่ยวโยงกับองค์รัชทายาท และ 1 ใน 3 คำถามและคำตอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง ??? ที่สำนักข่าวทีนิวส์ไม่อาจนำเสนอข้อความ และขออนุญาตไม่ตีความในคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อความจงรักภักดีอย่างแท้จริงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แต่ เชื่อโดยสุจริตใจว่า พสกนิกรทั่วหล้าคงไม่สบายใจกับความคิดอ่านของพ.ต.ท.ทักษิณอย่างแน่นอน ถ้ามีโอกาสได้อ่านบทสัมภาษณ์ดังกล่าว และเชื่อว่าถ้าแนวทางปฏิบัติของรัฐบาลเพื่อไทย ผ่านคนเสื้อแดงนปช. และ ความคิดแค้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงเป็นเช่นนี้ ความปรองดองในความตั้งใจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงแน่ ๆ ...
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น