เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นายคารม พลพรกลาง หัวหน้าทนายความแกนนำนปช. พร้อมด้วยนายสุวิทย์ ทองนวล ทนายความร่วมเปิดเผยถึงคดีที่ 2 นปช.ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2552 ยื่นฟ้องรัฐบาลและกองทัพ โดยระบุว่า มีโจทก์ 2 ราย ได้แก่ นายไสว ทองอ้ม โจทก์ที่ 1 และนายสนอง พานทอง โจทก์ที่ 2 ซึ่งได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ยืนฟ้องต่อศาลแพ่งให้ดำเนินคดีจำเลย 5 ราย ได้แก่ จำเลยที่ 1 สำนักนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 2 กองบัญชาการกองทัพไทย จำเลยที่ 3 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จำเลยที่ 4 พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ และจำเลยที่ 5 กองทัพบก ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 เม.ย.2552 โจทก์ทั้ง 2 คนได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองอยู่กับกลุ่มนปช. บริเวณสามเหลี่ยมดินแเดง และได้ถูกเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนหลายชนิดตามคำสั่งการสลายการชุมนุมโดยวิธี การไม่ชอบด้วยหลักสากลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคำสั่งของผอ.สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยระบุว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้ง 2 คน โดยนายไสวถูกยิงบริเวณต้นแขนซ้ายเรียกร้องค่าชดเชยจำนวน 2,857,534 บาท เพราะไม่สามารถประกอบอาชีพได้โดยปกติ ส่วนนายสนองที่ถูกยิงบริเวณขาขวา จนทำให้ถูกเลิกจ้างไม่สามารถประกอบอาชีพได้ เรียกร้องค่าชดเชย 2,245,205 บาท รวมกับดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.52 ซึ่งต่อมาศาลรับฟ้องแค่จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 5
นายคารมกล่าวว่า ต่อมาวันที่ 21 มิ.ย. 2554 ศาลชั้นต้นจึงพิพากษาให้กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบกร่วมกันชำระเงินชดใช้ให้นายไสวเป็นเงินจำนวน 1,200,000 บาท และร่วมกันชำระเงินให้แก่นายสนองเป็นเงิน 1,000,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.2552 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระค่าเสียหายแล้วเสร็จ พร้อมทั้งให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันชดใช้ค่าธรรมเนียมศาล และค่าทนายความรวม 8,000 บาท อย่างไรก็ตาม จำเลยมีการอุทธรณ์ให้ขอขยายระยะเวลาถึงวันที่ 16 ก.ย.54 แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจำเลยทั้ง 2 จะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะหากไม่ยื่นอุทธรณ์ก็จะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น