บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ระบบอุปถัมภ์ของสังคมไทยกับระบอบทักษิณ

                                                                                  
  รูปนายกฯปู พบประชาชนรูปนี้  แรกเห็นในเว๊บไซต์ผมก็ตกใจนึกว่าชาวบ้านกำลังเข้าเฝ้ายกมือไหว้เจ้านาย   แต่ดูดีๆก็เป็นแค่นั่งพับเพียบแล้วปรบมือต้อนรับนายกฯปู เท่านั้น   เพราะเห็นพวกข้าราชการยืนปรบมือผสมโรงอยู่ข้างๆด้วย  สังเกตได้ดังนี้แล้วก็เบาใจไปเปลาะหนึ่ง  เหลือแต่ความอางขนางเท่านั้นว่าทำไมหัวหน้าพรรคแดงที่อ้างว่าจะกอบกู้ ประชาธิปไตย  ถึงยอมพบประชาชนในลักษณะยืนค้ำหัวอย่างนี้ได้
     เริ่มตั้งคำถามอย่างนี้แล้ว  ผมก็เลยต้องถามต่อไปอีกว่าแล้วทำไมชาวบ้านเหล่านี้เขาถึงยอมนั่งฟังกันอย่าง นี้ได้   ถ้าเป็นชาวเมืองคงไม่ยอมนั่งอย่างนี้เป็นแน่    ลึกลงไปในรูปนี้มันมีความจริงทางวัฒนธรรมความนึกคิดอะไรที่แฝงฝังอยู่  ก็เป็นข้อที่ผมขอสืบค้นมาเสนอ  ดังต่อไปนี้
     ระบบอุปถัมภ์สังคมไทยถูกสิงสู่ด้วยระบบอุปถัมภ์มาเนิ่นนาน  ผู้คนมีความเป็นปัจเจกต่ำติดพวกติดเหล่าติดสี รวมอยู่ด้วยกันด้วยการพึ่งพาอาศัยและบุญคุณจนนักวิชาการฝรั่งเห็นว่าเป็น สังคมที่มีโครงสร้างหลวมมากๆ  เหมือนก้อนกรวดที่มากองอยู่ด้วยกันเฉยๆเท่านั้นเอง
     ระบบอุปถัมภ์อย่างนี้เป็นดินอุดมของวัฒนธรรมอำนาจนิยม  เพราะผู้คนมีตัวตนอ่อนแอยืนหยัดเป็นเสรีชนที่เข้มแข็งไม่ได้  ความคิดเรื่องสัญญาประชาคม ว่าราษฎรทุกคนเป็นเสรีชนที่นำประโยชน์สาธารณะมามอบให้รัฐดูแล  จนรัฐต้องเป็นเพียงผู้จัดการ เป็นเพียงดาวพระเคราะห์ที่รับแสงไปจากประชาชนผู้เป็นดาวฤกษ์ไปทำงานในกรอบ รัฐธรรมนูญ  จึงเป็นเรื่องที่เข้าไปในจิตใจและวิญญาณของคนไทยได้ยากยิ่ง แม้จนปัจจุบันระบอบทักษิณ 1 ( 2544 – 2549) : แปลงผู้นำระบบอุปถัมภ์เป็นร้าน 7/11

     คุณทักษิณเคยหลงเชื่อพยายามจะตั้งพรรคการเมืองตามความคิดใหม่อยู่ระยะหนึ่ง  แต่ก็มาได้คิดแล้วหันมาตั้งพรรคไทยรักไทยแบบร้าน 7/11 คือกว้านนักการเมืองผู้กว้างขวางโดยโครงสร้างระบบอุปถัมภ์ท้องถิ่นที่มีอยู่ แล้ว  เข้ามาเปิดเป็นเครือข่ายพรรคในพื้นที่   โดยพรรคจะอุดหนุนสินค้านโยบาย กระสุนและการตลาดอย่างเต็มพิกัด   จนบรรดาผู้กว้างขวางผู้มีทำเลทางการเมืองอยู่ในพื้นที่ พากันยอมตนมาเปิดสาขาอย่างมากมาย   ทำลายระบบค้าขายลงทุนทางการเมือง ประเภทยี่ปั๊วะ ซาปั๊ว บวกร้านโชว์ห่วย  ในท้องถิ่นต่างๆของภาคเหนือและอีสานอย่างราบคาบไปโดยลำดับ  จนได้รัฐบาลทักษิณ 2  ที่ยึดเสียงข้างมากเด็ดขาดในปี2548-49 ในที่สุด

     นอกจากยุทธศาสตร์การตลาดที่เข้ายึดโครงข่ายระบบอุปถัมภ์มาเป็นสาขาได้อย่าง ชาญฉลาดแล้ว   ในแง่ฝ่ายผลิตหรือการออกนโยบายต่างๆนั้น ก็เปิดศักราชของขวัญประชานิยม  ตรงเข้าสารากหญ้าอย่างแทงใจดำทั้ง โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน  โอท็อป บ้านเอื้ออาทร ทั้งหมดนี้ ล้วนประเคนเข้าสู่ตลาดการเมือง  ท่ามกลางกระแสตอบรับที่ล้นหลามยิ่ง
ระบอบทักษิณ  (2550-2554/1) : แปลงระบบอุปถัมภ์เป็นมวลชน  

     หลังรัฐประหาร คมช. โครงข่าย 7/11 ของระบอบทักษิณยังคงดำรงอยู่ และโชว์ยอดขายอย่างล้นหลามในการเลือกตั้งปี 2550  จนได้อำนาจรัฐด้วยรัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชาย   ที่ต้องเผชิญกับการขับไล่ของเสื้อเหลืองและคดีความจนพ้นจากอำนาจรัฐบาลปี 2552  การต่อสู้ของระบอบทักษิณจึงได้เพิ่มนวตกรรมทางมวลชนปฏิวัติ   สร้างขบวนการต่อสู้สีแดง  เปิดการต่อสู้ทางจิตวิทยาการเมือง หลอมผู้คนมาเป็นกำลังเคลื่อนไหวทั้งในเมืองและในชนบทขึ้นอย่างต่อเนื่อง

     ขบวนการมวลชนแดงที่ว่านี้  ไม่ต้องอาศัยธงชาตินิยมหรือกรรมาชีพอะไรมาชี้นำ  อาศัยแต่โครงสร้างระบบอุปถัมภ์ที่มีอยู่แล้วในสังคมรากหญ้าทั้งในเมืองและใน ชนบทมาเป็นฐาน  โดยสอดใส่ความเกลียดชังหมู่ด้วยวาทะกรรมไพร่ –อำมาตย์,  กระจายตัวปรากฏตัวทั้งโดยการจัดตั้งในชุมชน โดยเคเบิ้ลทีวี ทีวีดาวเทียมและวิทยุชุมชน  แล้วป้อนซ้ำด้วยความเคลื่อนไหวต่อสู้ที่ต่อเนื่อง  มีคุณทักษิณปรากฏตัวให้เห็นผ่านจอเป็นผู้นำ  พร้อมผู้ตามที่สวามิภักดิ์ให้มวลชนดูอยู่ตลอดเวลา   ผ่านไปไม่กี่ปีก็เกิดเป็นตัวเป็นตนให้เห็น   ประกอบเป็นกำลังทำลายการประชุมอาเซียน และยึดราชประสงค์ได้ถึงสองครั้งสองครา
ถึงตรงนี้ก็น่าจะเห็นกันแล้วว่า คุณทักษิณมีความสามารถในการหยิบยืมทั้งความคิดและขบวนการผู้คนที่มีอยู่หลาก หลายในสังคมไทย มาใช้ได้อย่างชำนิชำนาญยิ่ง  ทั้งการตลาดของธุรกิจทุนนิยมใหม่, ทั้งการพัฒนาชนบทดูแลรากหญ้าของกระแสเอ็นจีโอ, จนมาล่าสุดก็คือเทคนิคการจัดตั้งมวลชนของ พคท.ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้พรรคการเมืองดั้งเดิมกลายเป็นยาหมดอายุไปโดยลำดับ

     ระบอบทักษิณ 3 ( 2554/2 -            )  : อุปถัมภ์สุดขั้ว

     สินค้าประชานิยมของระบอบทักษิณในยุคนายกฯปู นี้  มีลักษณะใหม่ที่ต่างจากยุคแรกเป็นบางประการ กล่าวคือ

     1. ขับเน้นคำสัญญาที่แทงใจดำเพื่อดึงคะแนนนิยมให้กว้างและแรงที่สุด ทั้งในเมืองและชนบท ทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่  โดยไม่ต้องสนใจการบริหารจัดการและผลกระทบใดๆ  ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท,เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท,จำนำข้าว 15,000-20,000 บาท, น้ำมันราคาถูกเฉียบพลันโดยเลิกกองทุนน้ำมัน,ยกเว้นภาษีบ้านหลังแรก- รถยนต์คันแรก, พักหนี้เกษตรกรทั่วประเทศ 
     2. ป้อนความรู้สึกทันสมัยและเสมอภาคให้ชาวนาหรือผู้ปกครอง โดยบัตรเครดิตชาวนา บัตรเครดิตวินมอร์เตอร์ไซค์และคอมพิวเตอร์นักเรียน
     3. เลิกนำเสนอเรื่องการปฏิรูปคุณภาพในระยะยาว ทั้งความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตไทย หรือคุณภาพการศึกษา
     4. วินัยการคลังเลิกคิด  เลิกเป้าหมายงบประมาณสมดุล  หรือเพดานเงินเฟ้อ  เพิ่มความสามารถในการกู้ยืมหรือลงทุน โดยอาศัยหลักประกันจากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่กองอยู่เต็มธนาคารชาติ
ที่ กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นประชานิยมที่คุณทักษิณจัดให้ใน พ.ศ.นี้อย่างสุดแรงเกิด  ซึ่งก็ต่างจากสมัยระบอบทักษิณ 1 เป็นอย่างมาก  เพราะทุ่มเทตั้งหน้าตั้งตาหาคะแนนเสียงให้มากที่สุดจนมีลักษณะกระหืดกระหอบ  คิดไปทำไป ปรึกษาไป แก้ไขไป พลิกไปเรื่อยๆ ในปัจจุบันกาลเท่านั้น  อนาคตประเทศโดยรวมเป็นอย่างไรไม่ต้องพูด   อย่างที่เห็นได้ชัดขึ้นทุกทีๆแล้ว

     น่าติดตามในเชิงวิชาการเป็นอย่างยิ่งว่าในเป้าหมายประชานิยมที่กำหนดไว้สูง ส่งเร่งรัดครอบคลุมทุกภาคส่วนด้วยการนำจากนอกประเทศที่นำได้จำกัดอย่างนี้  ระบอบทักษิณจะสามารถอาศัยสรรพนวัตกรรมของทุนนิยมใหม่,มวลชนปฏิวัติ และเอ็นจีโอ  มาพัฒนาระบบอุปถัมภ์ของสังคมไทยจนเป็นระบบอำนาจที่เข้มแข็งยั่งยืนได้หรือ ไม่

     สำหรับเราคนไทยเองนั้น  ก็น่าจะหวังง่ายๆตามประสาว่า “ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ประเทศไทยไม่พัง” เท่านั้น ก็น่าจะพอแก่สายพันธุ์ของตนแล้ว

  




รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง