บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เงาร่างรธน.ฉบับใหม่ “รื้อองค์กรอิสระ ช่วยคนไกล”

ที่ สุดรัฐบาลก็เปิดเกมร้อนสู่การร่างกติกาใหม่ของประเทศ สำเร็จจากเสียงข้างมากที่มีอยู่ หลังเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญ เปิดทางสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับด้วยมติรับหลักการ 399 ต่อ 199 งดออกเสียง 14 เสียง
เกมยาวที่จะเกิดขึ้นจากนี้ร่วมปี คือ แรงต้านจากกลุ่มไม่เอาทักษิณที่เห็นว่า รัฐบาลใช้ประชาธิปไตยบังหน้าอ้างการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อความเป็นประชาธิปไตย ลดวิกฤตความขัดแย้ง แต่วาระซ่อนเร้นที่แท้คือ เขียนกติกาปลอล็อคให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาเดินทางกลับไทยโดยไม่ต้องมีความผิด
การเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 291 ล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่ร่วมรัฐบาลอยู่ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการรวบรัดตัดตอน แก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ยังมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 291 ของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสามฉบับถึงแม้ว่าสองฉบับ เมื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วจะไม่ครบก็ตาม แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่รอร่างของเสื้อแดงอย่างที่ได้อ้างว่าเคารพในเสียง ประชาชน
แม้แต่แกนนำเสื้อแดงอย่าง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ที่ประกาศศักดาในวันที่นำร่างรัฐธรรมนูญพร้อมรายชื่อคนเสื้อแดง 6 หมื่นกว่าชื่อ ยื่นต่อประธานสภาว่า “นี่คือประวัติศาสตร์ที่ร่างของภาคประชาชนได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา” แต่สุดท้าย ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขของเสื้อแดง ก็ถูกตัดทิ้งเพราะแกนนำนปช. ไม่รอให้ตรวจสอบเสร็จก่อนนำเข้าไปบรรจุในสภา เพียงเพื่อต้องการเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลต้องการ
การ อภิปรายตลอด 2 วันระหว่างการพิจารณาแก้มาตรา291 เห็นเนื้อหาที่สมาชิกรัฐสภา ทั้งฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย+ชาติไทยพัฒนา สว. รวมถึงฝ่ายค้าน มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเนื้อหาใหม่ที่อาจจะบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจแยกย่อยประเด็นได้ ดังนี้
1. การแก้ไขในหมวด “พระมหากษัตริย์” ตั้งแต่มาตารา 8 จนถึงมาตรา 25
สว.สรรหา และ ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตุไว้หนักหน่วงเนื่องจากไม่ไว้ใจสถานการณ์การเมืองขณะ นี้ จากกระแสให้แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่นำเสนอโดยกลุ่มนิติ ราษฎร์และแนวร่วมเสื้อแดง ฝ่ายค้านตั้งคำถามว่า บรรยากาศปัจจุบันมีการละเมิดสถาบันสูง เว็ปไซด์ที่โจมตีในขณะนี้ รัฐบาลได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า เป็นของมวลชนกลุ่มไหน และแม้ว่า ร่างของรัฐบาลจะเขียนล็อคไว้ว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จะกระทำไม่ให้และต้องตกไป” แต่ก็เป็นคนละประเด็นเพราะ ไม่มีหลักประกันว่าจะไม่มีการเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์
โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านได้ยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาล ให้เขียนให้ชัดในชั้นกรรมาธิการว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่เข้าไปแก้ไขในหมวดนี้ ทำให้ตัวแทนรัฐบาล สุนัย จุลพงศธร สส.พรรคเพื่อไทยที่อภิปรายสรุปรับปากว่าจะดำเนินการให้เพื่อลดความหวาดระแวง และ ทำหน้าที่ให้เป็นพสกนิกรที่ดีในการเทิดทูนสถาบัน
2. ให้มีการ “เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทางตรง” ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
จุด พลุเรื่องนี้ในการนำเสนอหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรคชาติไทยพัฒนา ให้เหตุผลว่า ตอนยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ส.ส.ร.ขณะนั้นไม่กล้าพิจารณาประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือก ตั้งโดยตรง แต่วันนี้ในระดับท้องถิ่นตั้งแต่ระดับนายกอบจ.ก็เป็นการเลือกตั้งผู้นำโดย ตรงแล้ว ดังนั้น ก็ควรกลับมาพิจารณาได้ ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ตอบรับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เห็นว่า เป็นข้อเสนอที่ดีและไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยวหรือ เลือกประธานาธิบดี เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เลือกในหลวง ถึงอย่างไรพระองค์ยังทรงเป็นประมุขต่อไป การเลือกแบบนี้เหมือนกับการเลือกนายก อบต.ทั้งหลาย
3. ยกเลิกความผิด “ยุบพรรค” และตัดทิ้ง บทลงโทษให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งหรือเว้นวรรคการเมือง 5 ปี กรณีกก.บห. ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ประเด็น นี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนามีความคับแค้นอย่างมากเพราะได้รับผล กระทบที่ถูกยุบพรรคโดยตรง จนเขียนไว้ในหลักการของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สองพรรคนำเสนอว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญ2550 
พรรคชาติไทยพัฒนาโดยชุมพลระบุว่า รัฐธรรมนูญนี้ทำให้พรรคการเมืองเป็นอัมพาต ถูกยุบเป็นว่าเล่น ถ้าไม่ได้แก้ อนาคตพรรคการเมืองสูญพันธุ์แน่ สภาพพรรคการเมืองเป็นพรรคนอมินีทั้งนั้น กรรมการบริหารก็นอมินี ทุกคนหลบฉากหมด ขณะที่ นักการเมืองก็ตกเป็นของคนสวน คนใช้ อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทยปัจจุบัน บทบัญญัตินี้บอกว่า ถ้าผิดไม่เฉพาะลงโทษผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น ยังถือว่าคนทั้งหมดในบ้านหรือพรรคผิดด้วย และยังถือว่าบ้านทำผิดด้วย ก็ต้องรื้อให้หมด
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่เขียนไว้ใน หลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญ2550 ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ไม่ส่งเสริมระบบพรรคการเมืองทำให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ เกิดความไม่มั่นคง ต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน
ประเด็น ยุบพรรค ความผิดเหมาเข่งจึงน่าจะถูกยกเลิกทิ้งแน่นอน
4. ล้างบาง “องค์กรอิสระ” ยุบ “ศาลฎีกานักการเมือง” ทิ้ง
เหตุผล ของร่างพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเขียนตรงกันว่า ปัญหาอีกเรื่องในรัฐธรรมนูญ 2550 คือ กระบวนการ ได้มาซึ่งองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย และการ ได้มาซึ่งบุคคลองค์กรอิสระต่างๆ ขาดการเชื่อมโยงกับอำนาจของประชาชนและขัดต่อหลักความเป็นประชาธิปไตยและเปิด ช่องให้มีการตัดสิน “สองมาตรฐาน”
การอภิปรายของสส.สองพรรคนี้รวมถึง สว.เลือกตั้งสายรัฐบาลส่วนใหญ่ต่างถล่มไปที่องค์กรอิสระอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ไม่แต่พุ่งที่ไปตัวองค์กรอย่างศาลรัฐธรรมนูญหรือ ปปช. ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยได้รับผลกระทบตรงเท่านั้น ยังแตะไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลปกครองที่ถูกมองว่า พิจารณาซ้ำซ้อนกับ ศาลรัฐธรรมนูญ
คำอภิปรายที่แหลมคมสุดมาจาก วัฒนา เมืองสุข สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คนใกล้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเป็นผู้เดินเกมปรองดองอยู่ ที่ว่า ต้องมีการปรับปรุงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีหลักการขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทาง การเมืองเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (International Covenant on Civil and Political Rights) หรือ ICCPR ที่กำหนดให้ผู้ถูกพิพากษามีสิทธิได้รับการต่อสู้คดีในศาลที่สูงกว่า แต่ของไทยเป็นระบบตัดสินแบบศาลเดียว แม้ว่าในรัฐธรรมนูญ 2550 จะกำหนดให้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้หากมีหลักฐานใหม่โดยให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา พิจารณา แต่ก็ยังมีคำถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาถือเป็นศาลสูงกว่าในความหมายตาม กติการะหว่างประเทศดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านจับทางว่า นี่เป็นหัวใจหลักที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนที่มาองค์กร อิสระและกำหนดกติกาใหม่ที่มาที่เอื้อกับเสียงข้างมากให้พรรคเพื่อไทย หรือเปิดช่องให้เกิดการแทรกแซงได้ เหมือนที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ และอาจถึงขั้น โละทิ้งองค์กรอิสระหมดก็ว่าได้ เนื่องจาก มีคำให้สัมภาษณ์ของฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยว่า ควรยกเลิกองค์กรอิสระ เพราะเป็นอำนาจที่ 4 ที่ใช้อำนาจตรวจสอบเหนือสภาผู้แทนราษฎร และเหนือรัฐบาลซึ่งมาจากตัวแทนประชาชน
โดยองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้ อำนาจรัฐและการทุจริต ปัจจุบัน ประกอบด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างเสร็จ มีแนวโน้มสูงที่ กรรมการในองค์กรอิสระเหล่านี้จะพ้นจากตำแหน่งและคัดเลือกกันใหม่ด้วยโครง สร้าง ที่มา ที่จะถูกกำหนดโดยสสร.ชุดใหม่
5. สว.ให้มาจากการเลือกตั้ง
ถึงแม้ประเด็นนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่หยิบมาอภิปรายกันมาก เพราะยังต้องพึ่งเสียงสว.ในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระสุดท้าย แต่ก็มีซุ่มเสียงให้แก้ไขที่มาของ สว.จากปัจจุบันที่เป็นลูกผสมระหว่าง สว.เลือกตั้ง กับ สว.สรรหาฝ่ายละครึ่ง เป็นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมดโดยอ้างว่าอำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชน และเมื่อวุฒิสภาใช้อำนาจตรวจสอบรัฐบาลด้วยดังนั้นก็ต้องมีที่มาจากประชาชน
6. แก้ไขที่มาตุลาการ ผู้พิพากษาให้ยึดโยงประชาชน
ประเด็น นี้ไม่มีบทสรุปหรือการนำเสนอว่า จะมีวิธีการ กลไกอย่างไร หรือจะแก้จุดไหน จะที่มาของ ผู้พิพากษา หรือ องค์คณะตุลาการ เพียงแต่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาหลายคน พูดหลักการกว้างๆว่า ต้องหาระบบถ่วงดุลอำนาจขององค์กรตุลาการ ซึ่งตรงกับหลักคิดของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” เมื่อตอนเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาว่า จะต้องแก้ไขให้ตุลาการเชื่อมโยงกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แย้งว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเพราะไม่มีที่ไหนในโลกให้ศาลมาจากการเลือกตั้งเพื่อมา ตัดสินสิ่งถูกสิ่งผิด เสียงข้างมากมีไว้เพื่อเลือกรัฐบาลมาปกครองประเทศ ไม่ใช่มาตัดสินคดีความถูกต้อง 
7.นิรโทษกรรม ล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก
เป็น ประเด็นที่ฝ่ายค้านและสว.สรรหาอภิปรายอย่างกว้างขวางว่า นี่คือเบื้องหลังหรือวาระซ่อนเร้นในการล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้และเขียนรัฐ ธรรมนูญใหม่เพื่อช่วยเหลือคนต่างประเทศ โดยจับคำพูดของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี มาเป็นหลักฐานที่ว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ จะออกกฎหมายปรองดองเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.และสส.พรรคเพื่อไทยที่ว่า เมื่อได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็จะได้เดินทางกลับไทย ถึงแม้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และ นพ.เหวงจะปฏิเสธ แต่ฝ่ายค้านบอกว่า ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญวันนี้ ก็ไม่มีใครเดือดร้อน นอกจากพรรคเพื่อไทยและคนทางไกลเท่านั้นที่เดือดร้อน
เหล่านี้เป็นพิมพ์เขียวหลักที่อาจปรากฎในเนื้อหา รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นผู้กำหนดเกมอยู่ ...


  เขียนโดย isranews
รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง