ที่
สุดรัฐบาลก็เปิดเกมร้อนสู่การร่างกติกาใหม่ของประเทศ
สำเร็จจากเสียงข้างมากที่มีอยู่ หลังเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 291
ของรัฐธรรมนูญ เปิดทางสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับด้วยมติรับหลักการ
399 ต่อ 199 งดออกเสียง 14 เสียง
เกมยาวที่จะเกิดขึ้นจากนี้ร่วมปี คือ
แรงต้านจากกลุ่มไม่เอาทักษิณที่เห็นว่า
รัฐบาลใช้ประชาธิปไตยบังหน้าอ้างการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อความเป็นประชาธิปไตย
ลดวิกฤตความขัดแย้ง แต่วาระซ่อนเร้นที่แท้คือ เขียนกติกาปลอล็อคให้
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาเดินทางกลับไทยโดยไม่ต้องมีความผิด
การเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา 291
ล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่ร่วมรัฐบาลอยู่
สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลต้องการรวบรัดตัดตอน
แก้ไขให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ยังมีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขมาตรา
291 ของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งสามฉบับถึงแม้ว่าสองฉบับ
เมื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วจะไม่ครบก็ตาม
แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่รอร่างของเสื้อแดงอย่างที่ได้อ้างว่าเคารพในเสียง
ประชาชน
แม้แต่แกนนำเสื้อแดงอย่าง ธิดา ถาวรเศรษฐ์
ที่ประกาศศักดาในวันที่นำร่างรัฐธรรมนูญพร้อมรายชื่อคนเสื้อแดง 6
หมื่นกว่าชื่อ ยื่นต่อประธานสภาว่า
“นี่คือประวัติศาสตร์ที่ร่างของภาคประชาชนได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา”
แต่สุดท้าย ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขของเสื้อแดง ก็ถูกตัดทิ้งเพราะแกนนำนปช.
ไม่รอให้ตรวจสอบเสร็จก่อนนำเข้าไปบรรจุในสภา
เพียงเพื่อต้องการเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่รัฐบาลต้องการ
การ อภิปรายตลอด 2 วันระหว่างการพิจารณาแก้มาตรา291 เห็นเนื้อหาที่สมาชิกรัฐสภา ทั้งฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย+ชาติไทยพัฒนา สว. รวมถึงฝ่ายค้าน มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเนื้อหาใหม่ที่อาจจะบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจแยกย่อยประเด็นได้ ดังนี้
การ อภิปรายตลอด 2 วันระหว่างการพิจารณาแก้มาตรา291 เห็นเนื้อหาที่สมาชิกรัฐสภา ทั้งฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทย+ชาติไทยพัฒนา สว. รวมถึงฝ่ายค้าน มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข และเนื้อหาใหม่ที่อาจจะบรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจแยกย่อยประเด็นได้ ดังนี้
1. การแก้ไขในหมวด “พระมหากษัตริย์” ตั้งแต่มาตารา 8 จนถึงมาตรา 25
สว.สรรหา และ ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตุไว้หนักหน่วงเนื่องจากไม่ไว้ใจสถานการณ์การเมืองขณะ นี้ จากกระแสให้แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่นำเสนอโดยกลุ่มนิติ ราษฎร์และแนวร่วมเสื้อแดง ฝ่ายค้านตั้งคำถามว่า บรรยากาศปัจจุบันมีการละเมิดสถาบันสูง เว็ปไซด์ที่โจมตีในขณะนี้ รัฐบาลได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า เป็นของมวลชนกลุ่มไหน และแม้ว่า ร่างของรัฐบาลจะเขียนล็อคไว้ว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จะกระทำไม่ให้และต้องตกไป” แต่ก็เป็นคนละประเด็นเพราะ ไม่มีหลักประกันว่าจะไม่มีการเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์
สว.สรรหา และ ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตุไว้หนักหน่วงเนื่องจากไม่ไว้ใจสถานการณ์การเมืองขณะ นี้ จากกระแสให้แก้ไขมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญาเรื่องการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงที่นำเสนอโดยกลุ่มนิติ ราษฎร์และแนวร่วมเสื้อแดง ฝ่ายค้านตั้งคำถามว่า บรรยากาศปัจจุบันมีการละเมิดสถาบันสูง เว็ปไซด์ที่โจมตีในขณะนี้ รัฐบาลได้ตรวจสอบหรือไม่ว่า เป็นของมวลชนกลุ่มไหน และแม้ว่า ร่างของรัฐบาลจะเขียนล็อคไว้ว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จะกระทำไม่ให้และต้องตกไป” แต่ก็เป็นคนละประเด็นเพราะ ไม่มีหลักประกันว่าจะไม่มีการเข้าไปแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดพระมหากษัตริย์
โดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ผู้นำฝ่ายค้านได้ยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาล ให้เขียนให้ชัดในชั้นกรรมาธิการว่า
การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่เข้าไปแก้ไขในหมวดนี้ ทำให้ตัวแทนรัฐบาล
สุนัย จุลพงศธร
สส.พรรคเพื่อไทยที่อภิปรายสรุปรับปากว่าจะดำเนินการให้เพื่อลดความหวาดระแวง
และ ทำหน้าที่ให้เป็นพสกนิกรที่ดีในการเทิดทูนสถาบัน
2. ให้มีการ “เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีทางตรง” ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
จุด พลุเรื่องนี้ในการนำเสนอหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรคชาติไทยพัฒนา ให้เหตุผลว่า ตอนยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ส.ส.ร.ขณะนั้นไม่กล้าพิจารณาประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือก ตั้งโดยตรง แต่วันนี้ในระดับท้องถิ่นตั้งแต่ระดับนายกอบจ.ก็เป็นการเลือกตั้งผู้นำโดย ตรงแล้ว ดังนั้น ก็ควรกลับมาพิจารณาได้ ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ตอบรับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เห็นว่า เป็นข้อเสนอที่ดีและไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยวหรือ เลือกประธานาธิบดี เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เลือกในหลวง ถึงอย่างไรพระองค์ยังทรงเป็นประมุขต่อไป การเลือกแบบนี้เหมือนกับการเลือกนายก อบต.ทั้งหลาย
จุด พลุเรื่องนี้ในการนำเสนอหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามร่างของพรรคชาติไทยพัฒนา ให้เหตุผลว่า ตอนยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ส.ส.ร.ขณะนั้นไม่กล้าพิจารณาประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือก ตั้งโดยตรง แต่วันนี้ในระดับท้องถิ่นตั้งแต่ระดับนายกอบจ.ก็เป็นการเลือกตั้งผู้นำโดย ตรงแล้ว ดังนั้น ก็ควรกลับมาพิจารณาได้ ซึ่งแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ตอบรับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย เห็นว่า เป็นข้อเสนอที่ดีและไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยวหรือ เลือกประธานาธิบดี เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่เลือกในหลวง ถึงอย่างไรพระองค์ยังทรงเป็นประมุขต่อไป การเลือกแบบนี้เหมือนกับการเลือกนายก อบต.ทั้งหลาย
3. ยกเลิกความผิด “ยุบพรรค” และตัดทิ้ง บทลงโทษให้กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งหรือเว้นวรรคการเมือง 5 ปี กรณีกก.บห. ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ประเด็น
นี้ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนามีความคับแค้นอย่างมากเพราะได้รับผล
กระทบที่ถูกยุบพรรคโดยตรง จนเขียนไว้ในหลักการของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ที่สองพรรคนำเสนอว่า นี่เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐธรรมนูญ2550
พรรคชาติไทยพัฒนาโดยชุมพลระบุว่า
รัฐธรรมนูญนี้ทำให้พรรคการเมืองเป็นอัมพาต ถูกยุบเป็นว่าเล่น ถ้าไม่ได้แก้
อนาคตพรรคการเมืองสูญพันธุ์แน่ สภาพพรรคการเมืองเป็นพรรคนอมินีทั้งนั้น
กรรมการบริหารก็นอมินี ทุกคนหลบฉากหมด ขณะที่ นักการเมืองก็ตกเป็นของคนสวน
คนใช้ อย่างที่เกิดขึ้นในเมืองไทยปัจจุบัน บทบัญญัตินี้บอกว่า
ถ้าผิดไม่เฉพาะลงโทษผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น
ยังถือว่าคนทั้งหมดในบ้านหรือพรรคผิดด้วย และยังถือว่าบ้านทำผิดด้วย
ก็ต้องรื้อให้หมด
เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่เขียนไว้ใน
หลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญ2550
ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย
ไม่ส่งเสริมระบบพรรคการเมืองทำให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ เกิดความไม่มั่นคง
ต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน
ประเด็น ยุบพรรค ความผิดเหมาเข่งจึงน่าจะถูกยกเลิกทิ้งแน่นอน
ประเด็น ยุบพรรค ความผิดเหมาเข่งจึงน่าจะถูกยกเลิกทิ้งแน่นอน
4. ล้างบาง “องค์กรอิสระ” ยุบ “ศาลฎีกานักการเมือง” ทิ้ง
เหตุผล ของร่างพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเขียนตรงกันว่า ปัญหาอีกเรื่องในรัฐธรรมนูญ 2550 คือ กระบวนการ ได้มาซึ่งองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย และการ ได้มาซึ่งบุคคลองค์กรอิสระต่างๆ ขาดการเชื่อมโยงกับอำนาจของประชาชนและขัดต่อหลักความเป็นประชาธิปไตยและเปิด ช่องให้มีการตัดสิน “สองมาตรฐาน”
เหตุผล ของร่างพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเขียนตรงกันว่า ปัญหาอีกเรื่องในรัฐธรรมนูญ 2550 คือ กระบวนการ ได้มาซึ่งองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตย และการ ได้มาซึ่งบุคคลองค์กรอิสระต่างๆ ขาดการเชื่อมโยงกับอำนาจของประชาชนและขัดต่อหลักความเป็นประชาธิปไตยและเปิด ช่องให้มีการตัดสิน “สองมาตรฐาน”
การอภิปรายของสส.สองพรรคนี้รวมถึง
สว.เลือกตั้งสายรัฐบาลส่วนใหญ่ต่างถล่มไปที่องค์กรอิสระอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
ไม่แต่พุ่งที่ไปตัวองค์กรอย่างศาลรัฐธรรมนูญหรือ ปปช.
ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยได้รับผลกระทบตรงเท่านั้น
ยังแตะไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
และศาลปกครองที่ถูกมองว่า พิจารณาซ้ำซ้อนกับ ศาลรัฐธรรมนูญ
คำอภิปรายที่แหลมคมสุดมาจาก วัฒนา
เมืองสุข สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย คนใกล้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
และเป็นผู้เดินเกมปรองดองอยู่ ที่ว่า
ต้องมีการปรับปรุงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เนื่องจากมีหลักการขัดกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทาง
การเมืองเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (International Covenant on
Civil and Political Rights) หรือ ICCPR
ที่กำหนดให้ผู้ถูกพิพากษามีสิทธิได้รับการต่อสู้คดีในศาลที่สูงกว่า
แต่ของไทยเป็นระบบตัดสินแบบศาลเดียว แม้ว่าในรัฐธรรมนูญ 2550
จะกำหนดให้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้หากมีหลักฐานใหม่โดยให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
พิจารณา
แต่ก็ยังมีคำถามว่าที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาถือเป็นศาลสูงกว่าในความหมายตาม
กติการะหว่างประเทศดังกล่าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้านจับทางว่า
นี่เป็นหัวใจหลักที่รัฐบาลต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนที่มาองค์กร
อิสระและกำหนดกติกาใหม่ที่มาที่เอื้อกับเสียงข้างมากให้พรรคเพื่อไทย
หรือเปิดช่องให้เกิดการแทรกแซงได้ เหมือนที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ
และอาจถึงขั้น โละทิ้งองค์กรอิสระหมดก็ว่าได้ เนื่องจาก
มีคำให้สัมภาษณ์ของฝ่ายกฎหมายเพื่อไทยว่า ควรยกเลิกองค์กรอิสระ
เพราะเป็นอำนาจที่ 4 ที่ใช้อำนาจตรวจสอบเหนือสภาผู้แทนราษฎร
และเหนือรัฐบาลซึ่งมาจากตัวแทนประชาชน
โดยองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้
อำนาจรัฐและการทุจริต ปัจจุบัน ประกอบด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง
(กกต.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างเสร็จ มีแนวโน้มสูงที่ กรรมการในองค์กรอิสระเหล่านี้จะพ้นจากตำแหน่งและคัดเลือกกันใหม่ด้วยโครง สร้าง ที่มา ที่จะถูกกำหนดโดยสสร.ชุดใหม่
ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ร่างเสร็จ มีแนวโน้มสูงที่ กรรมการในองค์กรอิสระเหล่านี้จะพ้นจากตำแหน่งและคัดเลือกกันใหม่ด้วยโครง สร้าง ที่มา ที่จะถูกกำหนดโดยสสร.ชุดใหม่
5. สว.ให้มาจากการเลือกตั้ง
ถึงแม้ประเด็นนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่หยิบมาอภิปรายกันมาก เพราะยังต้องพึ่งเสียงสว.ในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระสุดท้าย แต่ก็มีซุ่มเสียงให้แก้ไขที่มาของ สว.จากปัจจุบันที่เป็นลูกผสมระหว่าง สว.เลือกตั้ง กับ สว.สรรหาฝ่ายละครึ่ง เป็นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมดโดยอ้างว่าอำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชน และเมื่อวุฒิสภาใช้อำนาจตรวจสอบรัฐบาลด้วยดังนั้นก็ต้องมีที่มาจากประชาชน
ถึงแม้ประเด็นนี้พรรคเพื่อไทยจะไม่หยิบมาอภิปรายกันมาก เพราะยังต้องพึ่งเสียงสว.ในการผ่านร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระสุดท้าย แต่ก็มีซุ่มเสียงให้แก้ไขที่มาของ สว.จากปัจจุบันที่เป็นลูกผสมระหว่าง สว.เลือกตั้ง กับ สว.สรรหาฝ่ายละครึ่ง เป็นให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนทั้งหมดโดยอ้างว่าอำนาจอธิปไตย เป็นของประชาชน และเมื่อวุฒิสภาใช้อำนาจตรวจสอบรัฐบาลด้วยดังนั้นก็ต้องมีที่มาจากประชาชน
6. แก้ไขที่มาตุลาการ ผู้พิพากษาให้ยึดโยงประชาชน
ประเด็น นี้ไม่มีบทสรุปหรือการนำเสนอว่า จะมีวิธีการ กลไกอย่างไร หรือจะแก้จุดไหน จะที่มาของ ผู้พิพากษา หรือ องค์คณะตุลาการ เพียงแต่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาหลายคน พูดหลักการกว้างๆว่า ต้องหาระบบถ่วงดุลอำนาจขององค์กรตุลาการ ซึ่งตรงกับหลักคิดของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” เมื่อตอนเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาว่า จะต้องแก้ไขให้ตุลาการเชื่อมโยงกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แย้งว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเพราะไม่มีที่ไหนในโลกให้ศาลมาจากการเลือกตั้งเพื่อมา ตัดสินสิ่งถูกสิ่งผิด เสียงข้างมากมีไว้เพื่อเลือกรัฐบาลมาปกครองประเทศ ไม่ใช่มาตัดสินคดีความถูกต้อง
ประเด็น นี้ไม่มีบทสรุปหรือการนำเสนอว่า จะมีวิธีการ กลไกอย่างไร หรือจะแก้จุดไหน จะที่มาของ ผู้พิพากษา หรือ องค์คณะตุลาการ เพียงแต่พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาหลายคน พูดหลักการกว้างๆว่า ต้องหาระบบถ่วงดุลอำนาจขององค์กรตุลาการ ซึ่งตรงกับหลักคิดของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” เมื่อตอนเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาว่า จะต้องแก้ไขให้ตุลาการเชื่อมโยงกับประชาชน
อย่างไรก็ตาม อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แย้งว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเพราะไม่มีที่ไหนในโลกให้ศาลมาจากการเลือกตั้งเพื่อมา ตัดสินสิ่งถูกสิ่งผิด เสียงข้างมากมีไว้เพื่อเลือกรัฐบาลมาปกครองประเทศ ไม่ใช่มาตัดสินคดีความถูกต้อง
7.นิรโทษกรรม ล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก
เป็น ประเด็นที่ฝ่ายค้านและสว.สรรหาอภิปรายอย่างกว้างขวางว่า นี่คือเบื้องหลังหรือวาระซ่อนเร้นในการล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้และเขียนรัฐ ธรรมนูญใหม่เพื่อช่วยเหลือคนต่างประเทศ โดยจับคำพูดของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี มาเป็นหลักฐานที่ว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ จะออกกฎหมายปรองดองเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.และสส.พรรคเพื่อไทยที่ว่า เมื่อได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็จะได้เดินทางกลับไทย ถึงแม้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และ นพ.เหวงจะปฏิเสธ แต่ฝ่ายค้านบอกว่า ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญวันนี้ ก็ไม่มีใครเดือดร้อน นอกจากพรรคเพื่อไทยและคนทางไกลเท่านั้นที่เดือดร้อน
เป็น ประเด็นที่ฝ่ายค้านและสว.สรรหาอภิปรายอย่างกว้างขวางว่า นี่คือเบื้องหลังหรือวาระซ่อนเร้นในการล้มล้างรัฐธรรมนูญนี้และเขียนรัฐ ธรรมนูญใหม่เพื่อช่วยเหลือคนต่างประเทศ โดยจับคำพูดของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี มาเป็นหลักฐานที่ว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ จะออกกฎหมายปรองดองเพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช.และสส.พรรคเพื่อไทยที่ว่า เมื่อได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็จะได้เดินทางกลับไทย ถึงแม้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม และ นพ.เหวงจะปฏิเสธ แต่ฝ่ายค้านบอกว่า ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญวันนี้ ก็ไม่มีใครเดือดร้อน นอกจากพรรคเพื่อไทยและคนทางไกลเท่านั้นที่เดือดร้อน
เหล่านี้เป็นพิมพ์เขียวหลักที่อาจปรากฎในเนื้อหา รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นผู้กำหนดเกมอยู่ ...
เขียนโดย isranews
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น