บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เปิดราชกิจจานุเบกษาค้นหาตุลาการพ้นตำแหน่ง-เรียกคืนเครื่องราชย์ ปี2552-2554 มากสุด


เปิดราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามมาตรา 32 (6) (7) พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะพุ่งพรวด เป็นประวัติการณ์ คาด ก.ต. ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ เข้มงวดเอาจริง ฟันไม่เลี้ยง หากไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
     ช่วงนี้ กำลังมีการสอบคัดเลือกเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา  (สนามใหญ่) มีเนติบัณฑิตเข้าชิงชัยกว่า 7,000คน
     แต่จะมี คนเก่ง ที่สอบผ่านเข้าไปเป็น ผู้ช่วยผู้พิพากษา เพียงหลักสิบ หลักร้อย เท่านั้น
     ค่าตอบแทน และสิทธิประโยชน์ ของ ตุลาการ  โดยเฉลี่ย  1.21แสนบาท/เดือน ถือว่า สูงกว่าวิชาชีพ อื่นๆ
     ทั้งนี้ก็เพื่อให้บรรพตุลาการ ดำรงความบริสุทธิ์ยุติธรรม   ไม่ต้องข้องแวะกับอามิสสินจ้างใด ๆ
      ทั้งนี้ เหตุที่ทำให้ ตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส่วนใหญ่แล้ว เป็นไปตาม  พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543   ส่วนที่ 3   ว่าด้วยการพ้นจากตำแหน่ง 
      มาตรา 32  (7)     บัญญัติไว้ชัดเจนว่า  ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง   เนื่องจาก  ถูกสั่งลงโทษไล่ออก ปลดออก หรือให้ออก
       และมาตรา 32  (6 ) ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา  15  มาตรา 34  หรือมาตรา  35

       ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมามีตุลาการถูกไล่ออก ไม่ใช่น้อย
       ทั้งนี้ เป็นเพราะคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม มีความเข้มงวดเอาจริงกับตุลาการผู้ไม่ยึดมั่นในจริยธรรม
       อย่างไรก็ตาม ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีการลงโทษตุลาการ มากกว่า ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา
      จากการตรวจสอบจากราชกิจจานุเบกษาพบ เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในช่วงปี 2552-2554ดังนี้
      ราชกิจจานุเบกษา วันที่  25   กุมภาพันธ์  2554  เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายสมศักดิ์ จันทกุล พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ประจำสำนักงานศาลยุติธรรม เนื่องจากถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ  ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ  เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 3  สิงหาคม  2553  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรม ราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรพรรดิมาลา ทั้งนี้ ตามข้อ  7 (4 ) ของ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์
     พ.ศ. 2548   ประกาศ ณ วันที่  26  มกราคม พ.ศ.  2554   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่  27  ธันวาคม  2553   เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า  มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายอาคเนย์ เปาอินทร์ พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา  หัวหน้าคณะในศาลอาญา เนื่องจากถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง ตั้งแต่วันที่  21  มกราคม  2552  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย  ประกาศ ณ วันที่  29  พฤศจิกายน พ.ศ.  2553   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 17  ธันวาคม  2553เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำ  ผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา  32 (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการ ศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่ 8  ตุลาคม  2551  และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามข้อ 7 (4) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     พ.ศ. 2548  จำนวน  2  ราย ดังนี้
     1. นายธนา วิริยะวินิจเจริญ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดพระโขนง และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
 2 . นายอภิชาติ รอดจากทุกข์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดสมุทรปราการ  และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
    ประกาศ ณ วันที่  11  พฤศจิกายน พ.ศ.  2553  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี
    ราชกิจจานุเบกษา วันที่  14ตุลาคม  2553เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายประยุทธ นีระพล พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษา ศาลอาญาธนบุรี เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (6 ) แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ  ตั้งแต่วันที่  23  กรกฎาคม 2553  เพราะเหตุประพฤติตนไม่สมควรที่จะให้คงเป็นข้าราชการตุลาการต่อไป และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ มงกุฎไทย
ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญ จักรพรรดิมาลา
     ประกาศ ณ วันที่  14  กันยายน พ.ศ. 2553   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี


     ราชกิจจานุเบกษา วันที่  23  กันยายน  2552เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี  เรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายมานะ ภูสอดเงิน พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่ง เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7 ) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ ตั้งแต่วันที่  13  กรกฎาคม  2552  เพราะเหตุกระทำผิดวินัย อย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย
         ประกาศ ณ วันที่  11  สิงหาคม พ.ศ.  2552    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

      ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 13  กรกฎาคม2552เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการ พ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก ถูกลงโทษปลดออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่  12  มีนาคม  2552  เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา จำนวน 2  ราย ดังนี้
     1. นายทพพงศ์ ทำเนียบ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก
   2. นายชัยฤกษ์ หิมพานต์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
    ประกาศ ณ วันที่ 15  มิถุนายน พ.ศ.  2552  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี

      ราชกิจจานุเบกษา วันที่  24เมษายน 2552เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
      ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ นายหัสนัย น้อมสุวรรณศรี พ้น จากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากถูกลงโทษให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฯ ตั้งแต่วันที่ 21มกราคม 2552เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต  ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย
     ประกาศ ณ วันที่  23กุมภาพันธ์ พ.ศ.  2552    ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

     ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 28  มกราคม  2552เผยแพร่  ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการพ้นจากตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
     ประกาศระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการตุลาการ พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกลงโทษ ให้ออกจากราชการ ตามมาตรา  32  (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมฯ ตั้งแต่วันที่  25  สิงหาคม 2551  เพราะเหตุกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับ พระราชทานทุกชั้นตรา จำนวน 2  ราย ดังนี้
    1 .นายเนติวิทย์ ศิริลักษณ์ พ้นจากตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และเรียกคืน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก และชั้นมหาวชิรมงกุฏ
  2 . นางฐิติรัตน์ บุตรดี พ้นจากตำแหน่ง ผู้พิพากษาศาลแพ่ง และเรียกคืนครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก และชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย
     ประกาศ ณ วันที่  12  ธันวาคม พ.ศ.  2551  ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  ชวรัตน์ ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี

     ทั้งนี้ จากการค้นหาในราชกิจจานุเบกษา ไม่เพียง ข้าราชการตุลาการ เท่านั้นที่ต้องพ้นตำแหน่งและเรียกคืนเครื่องราชย์ แต่พนักงานอัยการ  สำนักงานอัยการสูงสุดก็ต้องพ้นตำแหน่งไม่ใช่น้อย
      แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนหลังกลับไปดู ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง ให้ข้าราชการตุลาการ พบว่า ในช่วงปี 2552-2554 หรือในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีจำนวนครั้งและจำนวนรายมากที่สุด

ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง