'ประสงค์ สุ่นศิริ'ลั่นกต.ตกต่ำที่สุด
กระทรวงการต่างประเทศตกต่ำที่สุด : สัมภาษณ์พิเศษ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยสมถวิล เทพสวัสดิ์
ไม่ใช่เฉพาะ "ดร.ปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เท่านั้นที่แสดงความแปลกใจหลังทราบข่าวว่าตัวเองได้รับการเสนอชื่อให้เข้ามา ทำหน้าที่เป็น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" แม้กระทั่งประชาชนเองหลายคนก็งงและกังขา โดยมองว่าการจัดวางคนไม่ถูกกับงานและความสามารถจนกระทั่ง "ดร.ปึ้ง" ได้เข้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ผ่านไปได้ระยะหนึ่งเสียงครหาก็ตามมาหลายเรื่อง
แต่เรื่องที่สังคมให้ความสนใจมากที่สุดคือเรื่องการออกพาสปอร์ตให้แก่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" แม้ว่าท่าทีของ "ดร.ปึ้ง" เกี่ยวกับเรื่องการออกพาสปอร์ตให้แก่ "ทักษิณ" มีจุดยืนและแสดงความชัดเจนมาตั้งแต่ต้นแต่ไม่มีใครคิดว่าจะดำเนินการอย่าง "เงียบและรวดเร็ว" แค่เข้ามาดำรงตำแหน่งเพียง 2 เดือนเท่านั้น
รวมทั้งท่าทีไม่ทำหนังสือประท้วงรัฐบาลกัมพูชาต่อกรณีทหารกัมพูชายิง เฮลิคอปเตอร์ของไทย โดย "ดร.ปึ้ง" มองว่า "เป็นเรื่องเข้าใจผิดที่สามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งกัมพูชาก็ได้แสดงความเสียใจผ่านทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม มาแล้วว่า เป็นเรื่องความผิดพลาดของการสื่อสาร ไม่ควรเอาเรื่องจนก่อให้เกิดความบาดหมางใจกันอีก"
สังคมจึงตั้งข้อสงสัยถึงเรื่องการบริหาร "อำนาจ" ในฐานะเป็น "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" ได้กระทำสิ่งที่เหมาะที่ควรหรือไม่อย่างไร
"น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้ความเห็นต่อการแสดงบทบาทของ "ดร.ปึ้ง" ในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุดในกระทรวงการต่างประเทศว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ใช้ไม่ได้มากที่สุด การกล่าวอ้างเรื่องความสัมพันธ์สามารถพูดคุยกันได้ภายหลัง เมื่อกัมพูชาทำผิดแล้วไม่ขอโทษเป็นกิจจะลักษณะ หรือแม้ว่าจะขอโทษแล้วก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่ทหารกัมพูชายิงเฮลิคอปเตอร์ ของไทยด้วย ดังนั้นจึงต้องประท้วง เมื่อทำผิดก็ต้องชดใช้ด้วย
"ผมรู้สึกสงสารกระทรวงการต่างประเทศและประเทศไทย ที่มีผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงที่มีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจ ทำงาน 3-4 เดือน ทำให้กระทรวงการต่างประเทศตกต่ำที่สุด และขอเตือนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ตามกฎระเบียบของกระทรวงอย่างตรงไปตรงมา คำสั่งที่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ วัฒนธรรมการทำงาน ไม่จำเป็นต้องทำตาม" อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าว
ส่วนเรื่องการออกพาสปอร์ตให้แก่ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" น.ต.ประสงค์กล่าวว่า การออกหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตให้บุคคลทั่วไป หรือคนอื่นๆ มีกฎเกณฑ์กระทรวงการต่างประเทศกำหนดไว้แล้ว โดยเฉพาะคุณสมบัติต้องห้าม ได้กำหนดไว้ ข้อ 21 ที่ระบุที่ไม่ให้ผู้ต้องคดีจำคุก หรือได้รับคำสั่งศาลไม่ให้ออกนอกประเทศ มีหมายจับ เป็นข้อห้ามชัดเจน
หนังสือเดินทางไทย มี 4 ประเภท ได้แก่ หนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ หนังสือเดินทางบุคคลทั่วไปและหนังสือเดินทางชั่วคราว ซึ่งทั้ง 4 ประเภท มีข้อกำหนดปฏิบัติมานานแล้ว การออกหนังสือเดินทางให้พ.ต.ท.ทักษิณ จึงผิดกฎเกณฑ์ของกระทรวงชัดเจน
"การออกพาสปอร์ตให้คุณทักษิณ ถือว่าผิดทั้งระเบียบ ข้อกำหนด กระทรวงการต่างประเทศใครสั่งการ รวมทั้งผู้ที่ร่วมอยู่ในขั้นตอนการออกพาสปอร์ตให้ถือว่ามีความผิดด้วยทั้ง นั้น เพราะคุณทักษิณมีหมายจับอยู่หลายคดี การที่รัฐมนตรีต่างประเทศออกพาสปอร์ตให้คุณทักษิณ ผมจึงเห็นว่าเป็นการทำผิดกฎกระทรวงการต่างประเทศ และยังทำผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะคุณทักษิณมีหมายจับ แต่คุณสุรพงษ์ยังไปออกหนังสือเดินทางให้อีก" น.ต.ประสงค์กล่าว
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นายสุรพงษ์ต้องรับผิดชอบเพราะเป็นคนสั่งการ เพราะนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงชัดเจนทำตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการคืนสิทธิการทำหนังสือเดินทางให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงว่ามีการสั่งการ แต่เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ที่ร่วมดำเนินการก็ต้องรับผิดชอบด้วย
ส่วนที่นายสุรพงษ์อ้างว่าที่ออกหนังสือให้พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เป็นภัยต่อประเทศ น.ต.ประสงค์ เห็นว่า คำกล่าวอ้างของนายสุรพงษ์ เป็นการเอาสีข้างเข้าถู โดยไม่ดูข้อกำหนดบุคคลต้องห้ามออกพาสปอร์ตให้กรณีใดบ้าง ถือเป็นการกระทำที่ไม่รอบคอบ ไม่ดูหลักเกณฑ์
กรณีที่ นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ แถลงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางโดยใช้พาสปอร์ตของมอนเตเนโกร ไม่ใช้พาสปอร์ตไทย อดีต รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า แสดงให้เห็นว่านายนพดล ก็ยอมรับสถานะของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่สัญชาติไทย แต่ใช้สัญชาติมอนเตเนโกร ก็แสดงว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่คนไทยแล้ว
"คุณทักษิณได้ยื่นหนังสือขอทำพาสปอร์ตที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ในวันที่ 26 ตุลาคม ก็ส่งหนังสือเดินทางไปให้คุณทักษิณทันที เหมือนได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว"
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าไม่มีหนังสือเดินทางของไทยพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เดินทางโดยพาสปอร์ตมอนเตเนโกรได้ น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณขอพาสปอร์ตไทยมีความมุ่งหมายเพื่อต้องการแสดงให้บาง ประเทศเห็นว่าตนเองมีหนังสือเดินทางที่ออกให้โดยรัฐบาลไทย ซึ่งแสดงว่า ไม่มีคดีติดตัว แม้ไม่ใช่ แต่ถ้าเดินทางเข้าประเทศอังกฤษ สหรัฐ ก็สามารถใช้พาสปอร์ตอ้างกับประเทศเหล่านี้ได้
น.ต.ประสงค์ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า การคืนพาสปอร์ตให้แก่พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาล และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลกระทรวงทุกกระทรวงต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีเมื่อรู้เรื่องแล้วไม่ยกเลิกพาสปอร์ต เพื่อทำให้ถูกต้อง ก็ถือว่าต้องรับผิดชอบด้วย
คมชัดลึก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น