บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การต่อสู้สองแนวทาง ทางรอดทางเลือกประเทศไทย

การต่อสู้สองแนวทาง ทางรอดทางเลือกประเทศไทย(๑)

เครือข่ายทางการเงิน
 
โดยแทน ราศนาเมื่อ 14 ธันวาคม 2011 เวลา 2:35 น.


 ๗๙ ปีของการพัฒนาประชาธิปไตย  ณ วันนี้ เราได้ประชาธิปไตยของชนชั้นนายทุนที่เป็นทุนสามานย์มาปกครองประเทศอย่าง เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ประชาชนไม่อาจมีทางเลือกอื่นได้ เป็นเพราะเราถูกปลูกฝังให้ยอมรับจนกลายเป็นมรดกทางความคิดไปแล้วว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบนำเข้าที่ผ่านมานั้น ดีที่สุดแล้วสำหรับประเทศไทย การใช้อำนาจเผด็จการทหารในประวัติศาสตร์การปกครองของไทยได้กลายเป็นข้อสม อ้างอันแข็งแรงของกลุ่มทุนที่นำมาตอกย้ำทุกเมื่อเชื่อวันว่า ระบอบประชาธิปไตยที่ดีจะต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยปิดบังความเป็นจริงอันเป็นสาระสำคัญเอาไว้ด้วยการอำพรางระบบซื้อสิทธิ์ ขายเสียงที่อยู่คู่กับการเลือกตั้งและชี้ขาดการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา
น่า แปลกใจไหมที่คนไทยและประเทศที่สมอ้างว่าเป็นประชาธิปไตยทั่วทั้งโลก แยกการต่อสู้ทางการเมืองออกจากความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ ทั้งๆที่การเมืองเป็นเพียงโครงสร้างชั้นบนส่วนความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจนั้น เป็นโครงสร้างพื้นฐานและเป็นตัวกำหนดโฉมหน้าทางการเมืองที่แท้จริง แปลกใจไหมที่คนไทยไม่รับรู้หรือเข้าใจว่า การเมืองเป็นเพียงปลายยอดภูเขาน้ำแข็ง ประเด็นเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็คือมวลมหึมาของภูเขาน้ำแข็งที่ถูกปกปิดเอาไว้ ใต้น้ำ
ในยุคแห่งการขูดรีดพลโลกรูปแบบใหม่ ความยากจนของประชาชนไม่ได้มาจากการขายแรงงานในอุตสาหกรรมหรือถูกขูดรีดค่า เช่านาจากเจ้าที่ดินคนใด หากมาจากการขายแรงงานในอนาคตของเขาให้กับอุตสาหกรรมการเงิน บางคนเรียกมันว่าอุตสาหกรรมหนี้สิน การล่มสลายของเศรษฐกิจครอบครัวของอเมริกันชนครอบครัวในยุโรปและที่อื่นๆจน เกิดปรากฏการณ์ OCCUPY WALLSTREET และขยายตัวออกไปทั่วโลกในขณะนี้เป็นข้อยืนยันว่า เหล่าทุนสามานย์ที่ถือคติ “ความโลภคือความดีงาม”(GREED IS GOOD)ได้นำพาโลกทั้งใบไปสู่หายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาสร้างนวัตกรรมการขูดรีดแบบใหม่จากหนี้สินและภาษี
 Mayer Amschel Rothschild คนตระกูล Rothschild     มหาอำนาจทางการเงินหนึ่งเดียวของยุโรปเคยกล่าวไว้ว่า  “ถ้าข้าพเจ้ามีอำนาจควบคุมการออกเงินตราของประเทศ ข้าพเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่าใครคือผู้ออกกฎหมาย”
นี่ คือเหตุผลที่แท้จริงของความไม่สามารถก้าวพ้นวิกฤติหนี้สินในยุโรปได้ เพราะบรรดาผู้นำของ ๑๗ ประเทศล้วนแต่เป็นนอมินีของมหาอำนาจทางการเงิน และไม่มีทางที่พวกเขาจะยินยอมเสียผลประโยชน์ด้วยการลงมือแก้ไขปัญหาแบบขุด รากถอนโคน เพราะนั่นเท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองและทำลายผลประโยชน์ทางชนชั้นของพวก เขาเอง
ในประเทศไทย ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เห็นก็คือ เรายังสาละวนอยู่กับการแบ่งสี จิกตีกันในเข่ง จับประเด็นการต่อสู้เฉพาะส่วน ไม่มองภาพรวมว่าขณะนี้อำนาจโลกได้เข้าครอบงำอำนาจรัฐจนเกือบจะเบ็ดเสร็จ อำนาจรัฐทุกวันนี้เป็นเพียงแค่นอมินีของกลุ่มทุนใหญ่และทุนสามานย์ ซึ่งแยกตัวออกไปสู่ชนชั้นนายทุนทางสากล คนพวกนี้ไม่มีประเทศ ไม่มีชาติ พวกเขาเป็นพลเมืองของเกาะเคย์แมน เกาะบริติชเวอร์จิน และประกอบธุรกิจร่วมกันเป็นโครงข่ายอุตสาหกรรมการเงินที่ครอบโลก นำพาพลโลกไปสู่หายนะหนี้สินด้วยการขูดรีดอนาคตของผู้คน ขูดรีดทรัพยากรโลกที่ควรเก็บรักษาเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง
เรา ยังไม่เข้าใจกันว่าประชาธิปไตยทางการเมืองของนายทุนนั้นอำพรางการขูดรีดทาง เศรษฐกิจอย่างเร้นลึก เราไม่เข้าใจหรือทำเป็นไม่เข้าใจว่า ประชาธิปไตยแบบนายทุนนั้นสร้างอำนาจการครอบงำและการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ในทางกลับกัน อำนาจผูกขาดทางเศรษฐกิจก็กำหนดโฉมหน้าการเมืองที่บิดเบือนไปตามผลประโยชน์ ของชนชั้นนายทุน (ตัวอย่างเล็กๆ-ประชาชนไทยกำลังจะถูกขูดรีดเงิน ๔๐๐ ล้านบาทไปอย่างหน้าด้านๆด้วยการสมอ้างว่าจะจัดหาเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพ เพื่อการปกป้องสถาบัน )
ผลิตผลทางการเมืองของประเทศไทยขณะนี้ เราจึงได้นายกรัฐมนตรีที่โง่เขลา เราได้ ส.ส.ในสภาห้าร้อยที่ให้ของลับกันในระหว่างประชุม กระโดดถีบกันหลังการอภิปรายแบบท้าตีท้าต่อย เรามีนักการเมืองที่เต็มไปด้วยบุคคลที่ด้อยคุณภาพไร้อุดมการณ์โลภโมโทสันและ ทุจริต  เราได้พวกนักกวนเมืองเดมาก็อก(demagogue)ซึ่งเป็นผลพวงของการเคลื่อนไหว แย่งชิงอำนาจด้วยการก่อความรุนแรงภายนอกสภา
การสมอ้าง ประชาธิปไตยเทียมหรือประชาธิปไตยของคนส่วนน้อย ทำให้ชนชั้นนายทุนได้ขยายสัมปทานอำนาจรัฐไปสู่ลู่ทางในการผูกขาดอำนาจทาง เศรษฐกิจและมีช่องทางในการขุดขายทำลายทรัพยากรสังคมและทรัพยากรของประเทศโดย การร่วมมือกับชนชั้นนายทุนมหามิตรทางสากลของพวกเขาอย่างเงียบงำ(ตอนนี้ ทักษิณกำลังทำธุรกิจอยู่ที่สิงคโปร์-ประเทศที่ส่งทูตคนแรกเข้ายินดีกับน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหลังชนะเลือกตั้ง)  ในขณะเดียวกันกับที่แบ่งสายงานให้พวกนักกวนเมืองเดมาก็อก(demagogue)สร้าง วาระปั่นป่วนวุ่นวายทางการเมือง เช่นการรื้อฟื้นประเด็นทางการเมืองต่างๆ การขยายการจัดตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง ฯลฯ
หากคนไทย ประเทศไทยยังมองปัญหาการเมืองแยกส่วนออกจากปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ทาง เศรษฐกิจ ปล่อยให้รัฐบาลทุนสามานย์ได้รับสัมปทานอำนาจรัฐในนามของการเลือกตั้งที่เต็ม ไปด้วยการทุจริตต่อไป เรากำลังเปิดโอกาสให้พวกเขานำแผ่นดินถิ่นเกิด นำเอาความเป็นชาตินำเอาสังคมไทยทั้งสังคมไปเข้าคิวต่อหางแถวของขบวนพลโลกที่ กำลังดุ่มเดินไปสู่หุบเหวของหายนะแห่งหนี้สินที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง.

                                                                                                                                                                                                    โครงข่ายอุตสาหกรรมการเงินบางส่วนภาพนี้หากขยายให้ใหญ่ขึ้นก็จะเห็นชินคอร์ป เป็นฐานในประเทศไทย




การต่อสู้สองแนวทาง ทางรอดทางเลือกประเทศไทย(๒)

oil capitalism

โดยแทน ราศนาเมื่อ 18 ธันวาคม 2011 เวลา 6:38 น.

 ความ รุนแรงที่ค่อยๆสะสมขึ้นทีละน้อยๆหลังการอุบัติขึ้นของ “ระบอบทักษิณ” จนกระทั่งประทุเป็นไฟสงครามเสื้อสี  ลามเลยมาจนถึงขณะนี้ ไม่ใช่ปรากฎการที่เป็นไปเอง ไม่มีสาเหตุ ไม่มีที่มาที่ไป แต่เป็นความต้องเป็นไปตราบเท่าที่ “อำนาจรัฐ”และการเมืองยังเป็นกลไกสำคัญในการนำมาซึ่งผลประโยชน์ของระบบทุน
 ปรากฎ การณ์ของระบอบทักษิณ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นไปเองหรือโดดเดี่ยวจากการปฏิวัติพลังการผลิตโลก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีภายหลังการปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศ ตรงกันข้าม ระบอบทักษิณในประเทศไทย ก็คือตัวแทนของกระบวนทัศน์ชนิดหนึ่ง เป็นวิธีคิดชุดหนึ่งของทุนนิยมโลกตอนปลาย ที่ได้เข้ากระแทกกระทั้นสั่นคลอนรูปการจิตสำนึกทางสังคมแบบดั้งเดิมของสังคม ไทย
ทุนนิยมโลกได้มีการปรับตัวอย่างก้าวกระโดดภายหลังการปฏิวัติ เทคโนโลยีสารสนเทศ นายทุนแห่งอุตสาหกรรมการเงินได้ก้าวขึ้นสู่ฐานะจักรพรรดิแห่งทุน อยู่ในสถานะนำและอยู่เหนือวิถีการผลิตแบบทุนอุตสาหกรรมโรงงานในขอบเขตทั่ว โลกถึงขั้นเบ็ดเสร็จ การขูดรีดยุคใหม่ได้ทวีความซับซ้อนและได้สร้างนวัตกรรมใหม่ ก็คือการขูดรีดเชิงซ้อนจากเดิมที่เป็นเพียงการขูดรีดแรงงานของกรรมาชีพใน โรงงาน มาสู่การขูดรีดรอบสองภายนอกโรงงานด้วยกลไกราคาและกลไกของดอกเบี้ย ลักษณะที่เกิดขึ้นใหม่ของความสัมพันธ์ทางการผลิตแบบใหม่ในยุคที่เงิน นอกจากจะเป็นสินค้าแล้ว เงินก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นปัจจัยของการผลิตด้วยเช่นกัน  ทำให้ลักษณะที่ก้าวหน้าของทุนนิยมในยุคต้นค่อยๆสิ้นสุดไป จักรพรรดิแห่งทุนอุตสาหกรรมการเงินได้สร้างนวัตกรรมเก็งกำไร โดยผ่านการรวมศูนย์ทุนอย่างเบ็ดเสร็จเข้าสู่ระบบการเงิน การคลังของประเทศทุนนิยมศูนย์กลาง และใช้การเปิดตลาดทุนและตลาดเงินเป็นช่องทางในการขูดรีดพลโลกอย่างขนานใหญ่
 ระบอบทักษิณได้ก่อกำเนิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้
เมื่อ นักการเมืองผู้ไร้วิสัยทัศน์พวกทาสทางความคิดของต่างชาติผลักดันให้การเปิด เสรีทางการเงินโดยการถูกมอมเมาว่าจะได้เป็น “ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย” จนกระทั่งเศรษฐกิจชาติล่มสลาย ในปี ๒๕๔๐ สถานการณ์ก็ได้กลายเป็นบันไดทองของ “ทักษิโณมิคส์”
ย้อนอดีตกลับไปสู่การตัดสินใจของธนาคารประเทศไทยซึ่ง ถูกกำกับโดยนักการเมืองที่ต้องการเห็นประเทศไทยเป็น “เสือตัวที่ห้าของเอเชีย”และเป็น “ศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค” เป็นผลพวงของแนวนโยบายที่ต่อเนื่องกันมาเป็นระยะเวลายาวนาน และสะท้อนความต้องการของฝ่ายการเมืองในขณะนั้นอย่างเต็มที่*(เอกสาร ศปร.) การเปิดเสรีที่ไม่มีการเตรียมการดังกล่าวได้เคยสร้างความเสียหายให้กับหลาย ประเทศมาก่อนหน้านี้  รัฐบาลขณะนั้นไม่ได้ทำการศึกษาหรือหาทางป้องกันความเสียหาย แต่กลับเปิดเสรีทางการเงินอย่างสุ่มเสี่ยงโดยมาตรการรองรับที่ผิดพลาด และ/หรืออาจจะเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ของฝ่ายการเมืองที่มีกลุ่มทุน หนุนหลัง
ก่อนหน้านี้ได้มีตัวอย่างของการเปิดเสรีทางการเงินในขณะที่ ระบบเศรษฐกิจชาติยังอ่อนแอ และได้ทำให้ประเทศชิลี ล่มสลายในระหว่างปี ๒๕๒๕-๒๕๒๗ เศรษฐกิจประทศสวีเดนพังพินาศ ระหว่างปี ๒๕๓๓- ๒๕๓๖ และในเม็กซิโกเผชิญกับภาวะใกล้สิ้นชาติใน ระหว่าง๒๕๓๗-๒๕๓๘ แต่นักการเมืองไทยไม่สนใจใฝ่รู้  ทั้งสามประเทศต้องเข้าคิวรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งต่อมาก็คือประเทศไทย เป็นการช่วยเหลือที่แลกมาด้วยเอกราช-อธิปไตยทางเศรษฐกิจ ประเทศไทยยอมเปิดเสรีทางการเงิน-การค้าในนามกฎหมาย ๑๑ ฉบับในยุคของรัฐบาลชวนหลีกภัย ๒ ซึ่งถูกโจมตีจากสังคมอย่างรุนแรงว่าเป็นกฎหมายขายชาติ
หลัง จากความผิดพลาดในการเปิดเสรีทางการเงินปี ๒๕๓๒ หลังจากนั้นเศรษฐกิจของประเทศก็ถูกเป่าให้โป่งพองอยู่ในภาวะฟองสบู่ มีการกู้เงินตราต่างประเทศในระยะสั้น มาลงทุนในระยะยาว และสัญญาณความเสียหายก็เริ่มเตือนหลังฟองสบู่แตก ภาวะเศรษฐกิจก็ตกต่ำต่อเนื่องมาตลอด
รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชาเข้าบริหารประเทศในปี ๒๕๓๗ ได้เพียงปีเศษก็ถูกกดดันอย่างหนักจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศและสื่อมวลชน ผลพวงความเสียหายในประเทศไทยหลังการเปิดเสรีทางการเงินของรัฐบาล ประชาธิปัตย์ในครั้งนั้น ตกทอดมาสู่รัฐบาลของนายบรรหาร ที่ได้รับแรงกระแทกกระทั้น จากคลื่นการเงินระดับโลกซึ่งผันผวนอย่างหนักก่อนจะเกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง เพียงปีเศษ เป็นคลื่นลม จากมรสุมขนาดยักษ์เป็นคลื่นสึนามิ ทางการเงินที่กำลังม้วนตัวมุ่งสู่ประเทศไทย
 - ปีบรรหารเศรษฐกิจพินาศล้านล้านล้านบาท(ฐานเศรษฐกิจ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๓๙)
-“เศรษฐกิจสู่ภาวะดิ่งเหว ลดเป้าขยายเหลือ ๗ เปอร์เซนต์ ส่งออกทรุดกระทบเศรษฐกิจเข้าภาวะชะงักงัน(กรุงเทพธูรกิจ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๓๙)
 -“ประเทศไทยโคม่า หลงจู๊เติ่งกลับบ้านได้แล้ว”(ประชาชาติธุรกิจ ๘ สิงหาคม ๒๕๓๙)
 รัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชาไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ตก ที่สำคัญมาจากขาดความรู้ความชำนาญทางด้านการเงินระหว่างประเทศ  ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาตินายเริงชัย มระกานนท์ซึ่งนายบรรหารให้การสนับสนุน ก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถในด้านการเงินระหว่างประเทศโดยตรง ทำให้รัฐบาลนายบรรหารที่มีอายุเพียงปีเศษและต้องตัดสินใจยุบสภาในที่สุด
สงครามเศรษฐกิจเกิดขึ้นแล้ว สงครามการขูดรีดพลโลกรูปแบบใหม่ได้เข้ามาสู่เมืองไทยแล้วโดยผ่านนวัตกรรมทางการเงินระดับโลก และตลาดหุ้น ตลาดทุน ตลาดเงินอันเปรียบเสมือนเส้นทางเงินผีผ่าน” (Monetary Gateway) ของสลัดการเงินจากประเทศศูนย์กลางทุนนิยมโลก
 ปัญหา เศรษฐกิจกลายเป็นวาระสำคัญ เร่งด่วนของชาติ ท้าทายกระบวนทัศน์อันอับจนของนักการเมืองผู้เคยเสวยสุขอยู่กับงบประมาณ แผ่นดิน รัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธแห่งพรรคความหวังใหม่พยายามสร้าง “ความหวังใหม่”ของประเทศในตอนนั้น เขาได้เสนอ ดรีมทีมทางเศรษฐกิจเพื่อ เป็นจุดขายให้กับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งใหม่ ผลก็คือได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่ต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ ชาติ ได้จำนวน ส.ส. มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ (๑๒๕ ต่อ ๑๒๓)
หลัง การเลือกตั้ง แนวคิดในการจัดตั้งรัฐบาลคือไม่เอาประชาธิปัตย์ ความหวังใหม่เคยเป็นฝ่ายโจมตีแนวทางเศรษฐกิจของประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ทางเลือกจึงตกไปอยู่ที่การเจรจาจัดตั้ง ดรีมทีมเศรษฐกิจร่วม กับพรรคชาติพัฒนาโดยมีนายอำนวย วีรวรรณเป็นหัวหน้าทีมของพรรคความหวังใหม่ ในซีกของพรรคชาติไทยพัฒนาก็มีนายกร ทัพพะรังสีเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งต่อมาได้เกิดความขัดแย้งไม่สามารถร่วมงานกันเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อันเป็นวิกฤติเศรษฐกิจได้ ดรีมทีม(Economic dreamteam)จึงกลายเป็น ไนท์แมร์ทีม(Economic nightmare team)หรือ “ทีมฝันร้ายทางเศรษฐกิจ” ประชาชนทั้งประเทศผู้รอคอยความหวัง โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอกชนฝันสลาย เพราะรัฐบาลไม่สามารถรับมือกับภาวะวิกฤติเฉพาะหน้าขณะนั้นได้ ประเทศชาติเข้าสู่วิกฤติอย่างทั่วด้าน  ต่อมาได้พบข้อเท็จจริงที่ เป็นคำสารภาพจากปากของหนึ่งในดรีมทีมเศรษฐกิจ ได้ให้ข้อสรุปอันเป็นที่เจ็บปวดหัวใจของคนไทยทั้งชาติว่า
อุปสรรคในการทำงานกลับอยู่ที่ประเด็นทางการเมือง ซึ่งบ่อยครั้ง ผลประโยชน์ทางการเมืองไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่การตัดสินใจก็ต้องเป็นไปตามการเมือง(ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี  เขียน-เดินกลางฝน/เมื่อผมเป็นดรีมทีมของรัฐบาลจิ๋ว
 
 
  เศรษฐกิจ ไทยได้ถูกผนวก เข้าในเศรษฐกิจโลกไปแล้วอย่างเบ็ดเสร็จตามโครงข่ายการเงินนี้ SHIN CORP กลายเป็นฐานอุตสาหกรรมการเงินโลกผ่าน TEMASEK HOLDINGS ของสิงคโปร์




การต่อสู้สองแนวทาง ทางรอดทางเลือกประเทศไทย(๓)

ทักษิณ

โดยแทน ราศนาเมื่อ 18 ธันวาคม 2011 เวลา 21:59 น.

สถานการณ์ ประเทศวิกฤติขนาดนั้น นักการเมืองก็ยังคงมุ่งแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะหน้าจนละเลยผลประโยชน์ชาติ ขัดแย้งกันเองจน กระทั่งประเทศชาติต้องยอมศิโรราบ ให้กับการรุกเข้ามาของทุนนิยมศูนย์กลาง ค่าเงินบาทถูกโจมตีโดยต่อเนื่องจากสลัดการเงินจอร์จ โซรอสและบรรดาเฮดจ์ฟันด์กลุ่มอื่นๆ
 รัฐบาล ชวลิต ยงใจยุทธอยู่ได้ไม่ถึงปีก็ต้องยกธงขาว ยอมแพ้ นายกรัฐมนตรีตัดสินใจลาออกในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ เป็นช่วงเวลาเดียวกัน กับที่สึนามิทางการเงินโลกเข้าฝั่งประเทศไทย สร้างความเสียหายยับเยินให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะระบบการเงิน-การคลังของประเทศไทยอย่างหนักหน่วง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาในประวัติศาสตร์
การล่มสลายของเศรษฐกิจ ประเทศไทยในปี ๒๕๔๐ เป็นผลโดยตรงจากการนำพาประเทศเข้าไปเชื่อมต่อกับระบบการเงินโลกอย่างเดียงสา  การเปิดเสรีทางการเงินในปี ๒๕๓๒ สมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย รองรับด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยในปี ๒๕๓๔ จากระบบเคาะกระดานประมูลอย่างเปิดเผยในปี ๒๕๑๘ (open auction)มาเป็นการใช้ระบบสารสนเทศโดยคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าระบบ ASSET (Automated System for the Stock Exchange of Thailand)ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของนวัตกรรมซื้อขาย เป็นสัญญาณการเข้าสู่ยุคมืดของตลาดหุ้นไทย ภายใต้เงื้อมเงาของนักเก็งกำไรที่เป็นทุนสามานย์โลกและระบบ “นอมีนี” (nominees) อันเป็นระบบอำพรางหุ้น และการแสวงหากำไรในรูปแบบที่เรียกว่าเป็นการลงทุน รูปแบบใหม่ซึ่งผู้ถือหุ้นหรือนักเก็งกำไรไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวต่อสาธารณะ เป็นกรรมวิธีที่มาจากกรอบความคิดใหญ่ว่า รัฐต้องผ่อนคลาย กฎเกณฑ์ควบคุมให้กับสถาบันการเงิน ในยุคของการเปิดเสรีใหญ่รอบที่สองของระบบเศรษฐกิจโลกในนาม “ลัทธิเรแกน-แธทเช่อร์”
ข้อสรุปโดยพื้นฐานสำหรับความ เสียหายของประเทศไทย ก็คือ ก้าวไม่ทันต่อการปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศ และยังมีรากฐานเศรษฐกิจที่อ่อนแอ  มีรัฐบาลที่มาจากฝ่ายการเมืองผู้เห็นแก่ได้ แสวงผลประโยชน์ส่วนตนละเลยผลประโยชน์ชาติ เดียงสาต่อระบบการเงินระหว่างประเทศ  ทำให้ถูกโจมตีตลาดทุน-ตลาดเงินอย่างง่ายดาย ประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยและเอกราชทางเศรษฐกิจไปอย่างไม่มีทางทวงกลับคืนได้
ผนวกด้วยหนี้ที่มีต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF)จำนวน ๕๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
รัฐบาล ชวน หลีกภัย ได้เข้าบริหารประเทศใหม่อีกครั้งหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๐ การหวนกลับมาของรัฐบาลชวน หลีกภัย ไม่ได้มีนัยใน การเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศแต่อย่างใด แต่ได้กลับมาสานต่อภาระหน้าที่ของการทำประเทศให้เป็นเมืองขึ้น โดยจะต้องขึ้นตรงต่อการบังคับบัญชา ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รัฐบาลชวนหลีกภัยยอมทำตามเงื่อนไขของ IMF ทุกประการจนเกิดกฎหมาย ๑๑ ฉบับที่สะท้อน ข้อเรียกร้องของนายทุนต่างชาติผ่าน IMF เกิดขบวนการผู้รักชาติรักประชาธิปไตยต่อสู้เรียกร้องให้นายชวน หลีกภัยยุบสภาหรือลาออก ชูคำขวัญ “ชวนขายชาติ”และ “รัฐบาลขายชาติ” และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายทั้ง ๑๑ ฉบับ ซึ่งกลายเป็นจุดตายของรัฐบาลชวน หลีกภัย
ขาตัดสินใจยุบสภาในวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ปี ๒๕๔๔ หลังจากบริหารประเทศได้เกือบจะครบเทอม
ภายใต้ความสับสนอลหม่าน วิกฤติเศรษฐกิจในประเทศไทยที่กลายเป็นเปลวเพลิงทางเศรษฐกิจลามเลียไปทั่วโลก หรือที่เรียกกันว่าวิกฤติต้มยำกุ้งก็ปรากฎเงาร่างของบุคคลผู้หนึ่งกับชุดความคิดชนิดหนึ่ง ที่เฝ้ามองสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยสายตาอันเป็นประกาย ถึงความมุ่งหวังบางสิ่งบางอย่างจากความเสียหาย  เขาเป็นนักธุรกิจที่มีสายตายาวไกล  ดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องต้องกันกับยุคสมัย คือ ธุรกิจการสื่อสารเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ เขาเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ที่เริ่มเข้าฝังตัวในพรรคพลังธรรม ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศในปี ๒๕๓๗ เป็นรองนายกฯในปี ๒๕๓๘ ยุคของนายบรรหาร ศิลปอาชา และเป็นรองนายกฯอีกครั้งหนึ่งในปี ๒๕๔๐ ของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธ เขาคือ ทักษิณ ชินวัตรหัวหน้าพรรคพลังธรรม พรรคเล็กๆพรรคหนึ่ง ซึ่งภายหลังเล็ก และแคบเกินกว่าที่จะรองรับ วิสัยทัศน์และพันธกิจของเขาที่มีต่อการเมือง และธุรกิจของเขาได้
ตาดูดาวนโยบายยาวไกลเท้าติดดินอาศัยชนชั้นรากแก้ว
เราเพิ่งจะผ่านพ้นยุคของสงครามเย็นระหว่างโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์ และจากจุดนี้ไปมันจะเป็นสงครามเศรษฐกิจ ซึ่งมีความโหดร้ายพอๆกัน ในอดีต ประเทศตกอยู่ภายใต้การครอบงำของจักรวรรดินิยมด้วยการใช้เรือปืนกับกองทัพ แต่ ณ วันนี้ รูปแบบของสงคราม ได้เปลี่ยนแปลงไป มันเป็นเรื่องของการขับเคลื่อนทุนและการแข่งขันด้วยเทคโนโลยี มันไม่ใช่การแย่งยึดดินแดน หากแต่เป็นการแย่งยึดเศรษฐกิจ และจากพ.ศ.๒๐๐๐ เป็นต้นไป สงครามนี้จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น”(ปาฐกถาทักษิณ ชินวัตรเมื่อวันที่  ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๑)
ทักษิณ ชินวัตรเป็นนักธุรกิจเพียงไม่กี่คนหรือเพียงไม่กี่กลุ่มที่หลุดลอดกรงเล็บ วิกฤติเศรษฐกิจมาได้ นอกจากนี้ยังมีข่าวร่ำลือกันหนาหูด้วยว่า เขาเป็นหนึ่งในนักการเมือง นักการเงินการธนาคาร ซึ่งในขณะที่เกิดวิกฤติ ได้ใช้ข้อมูลวงในหรือที่เรียกว่า “Insider trading” ทำกำไรจากการลอยตัวค่าเงินบาท เนื่องเพราะการได้อยู่ได้กุมข้อมูลภายในศูนย์อำนาจ เขาย่อมรู้ว่าเมื่อใดจะเกิดการตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งจะทำให้เกิดการได้-เสียจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมโหฬารเกิดขึ้น และหากจะฟังจากน้ำเสียงของเขาเอง แม้จะไม่เป็นหลักฐานที่แจ่มชัดนัก แต่ก็มีสำเนียงที่พอจะทำให้เข้าใจได้อยู่ว่า เหตุผลใดเขาจึงไม่ได้บาดเจ็บไปกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ตรงกันข้าม เขากลับเริ่มมองช่องทางในการกระโจนเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัวเพื่อ เป้าหมายบางสิ่งบางอย่างของเขา
การเมืองและธุรกิจเป็นสองสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เราจำเป็นต้องเข้าใจความเป็นจริงข้อนี้  หากจะเปรียบการเมืองเป็นเสมือนดวงอาทิตย์ ส่วนธุรกิจเปรียบเป็นโลก ถ้าหากโลกเข้าไปใกล้ดวงอาทิตย์จนเกินไป โลกก็จะร้อน แต่ถ้าโลกเคลื่อนตัวห่างออกไปโลกก็จะหนาวเย็น รวมความแล้วมันแยกออกจากกันไม่ได้(ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๕*โปรดบันทึกถ้อยคำนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ต่อไป-ผู้เขียน)
ผมกล้าที่จะพูดว่า กลุ่มชินวัตรได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์น้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน”(จากหนังสืออัตชีวประวัติ ตีพิมพ์ พ.ศ.๒๕๔๑)
อัน เนื่องมาจากกระบวนทัศน์ที่ตามทันโลกตามทันสถานการณ์และความถึงพร้อมด้าน การเงิน ไม่ยากเลยที่ทักษิณ จะระดมสรรพกำลังอันเป็นมันสมองทางสังคม ทั้งทางวิชาการและนักธุรกิจรุ่นใหม่ๆที่เบื่อหน่ายกับระบบการเมืองแบบเก่า นักอุดมการณ์ฝ่ายซ้าย หรือแม้กระทั่งราษฎรอาวุโสในแวดวงต่างๆ จะให้การสนับสนุนในการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร
ด้วย วิกฤติเศรษฐกิจในปี ๒๕๔๐ ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ทางการเมืองครั้งใหญ่ พรรคการเมือง ลักษณะอนุรักษ์ที่มีอายุยืนยาว ไม่กล้าได้-กล้าเสีย ไม่กล้าตัดสินใจใดๆที่ทัน ต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของสถานการณ์โลก  พรรคการเมืองขนาดกลางที่มีการบริหารแบบ “หลงจู๊” ไม่อาจต่อกรกับกระบวนทัศน์นายทุนโลกหลังการปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศได้ พรรคการเมืองเกิดใหม่ ที่พยายามรวบรวมเหล่าสัมภเวสีทางการเมือง ถึงแม้จะพยายามปั้นแต่ง วาทะกรรมทางการเมืองเพื่อเสนอตัว เป็นพรรคที่ให้ความหวังกับสังคม ก็มองข้ามไม่พ้นจมูกของตนเอง
ทักษิโณมิกส์คือสมญานามของระบอบเศรษฐกิจแบบใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจโดยทักษิณและทีมงานเศรษฐกิจที่เป็นคนรุ่นใหม่ ระบอบประชานิยมคือชื่อเรียกขานที่เน้นหนักไปทางด้านการเมือง
อะไรคือทักษิโณมิกส์-อะไรคือประชานิยม ลองมาสืบค้นกันอย่างจริงจังกันดูว่า ทำไม เหตุใด ที่นอกเหนือไปจากเม็ดเงินอันท่วมท้นแล้ว เหตุไฉนยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยยังถวิลหา ทำไมมีนักวิชาการที่เรียกตนว่าชนชั้นเอลิต”(red elite-ผู้เขียน)ที่มีชื่อเสียงในทางสังคมก็ยังแสดงจุดยืนว่าพร้อมจะยืนข้างสัญลักษณ์การต่อสู้และวาทกรรมทางการเมืองของกองกำลังฝ่ายของทักษิณ..??
ระบอบ ทักษิโณมิคส์ ถูกนิยามในหลายความหมายด้วยกัน แต่ที่ใกล้เคียงรูปแบบเศรษฐกิจที่ทักษิณดำเนินอยู่ก็คือ นโยบายเศรษฐกิจแนวคู่ขนาน (Dual Track Policy)
กล่าวคือ สูตรในการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจไทยโดยการกระตุ้นและแทรกแซงทุกภาค ส่วนโดยรัฐ แนวทางแรกก็คือ การกระตุ้นการส่งออก กระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว แนวทางที่สองก็คือ กระตุ้นระดับรากแก้ว โดยเน้นไปที่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย สร้างผู้ประกอบการ รายใหม่ๆเข้าสู่ระบบและ ที่สำคัญก็คือกระตุ้นการบริโภคของประชาชน
ดร.แด เนียล ลีแอน Danial Lian หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบริษัทมอร์ แกน สแตนลีย์ หนึ่งในวาณิชธนากรที่ใหญ่ที่สุดของโลกเรียกระบบทักษิโณมิคส์นี้ว่าเป็นระบบ Social Capitalism*(*ยังเป็นประเด็นการถกเถียงและคัดค้าน) เขาวิเคราะห์ว่า เป็นการประยุกต์ระบอบทุนนิยมเข้ากับสังคมนิยม เพราะระบอบทุนนิยมเป็นระบบที่มีเป้าหมายแต่ไม่มีอุดมการณ์ ส่วนสังคมนิยมเป็นระบบที่มีอุดมการณ์แต่ไม่มีเป้าหมาย *(ดร.แดเนียล ลีแอน/มอร์แกน สแตนลีย์)ทักษิณเคยนำแนวคิดนี้ไปกล่าวอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับระบอบ เศรษฐกิจและการเมืองที่เขาสร้างขึ้น
ว่ากันว่า นโยบายเศรษฐกิจคู่ขนาน เป็นการปรับสังคมเศรษฐกิจฐานล่างให้เป็นแบบสังคมนิยมที่มีเป้าหมาย ส่งเศรษฐกิจฐานบน ให้ระบบบทุนนิยมที่นอกเหนือจากการกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตแล้ว บางส่วนของนโยบายทักษิโณมิคส์ก็คือ การแทรกตัวเข้าสู่ตลาดหุ้นทำให้ตลาดหุ้นเติบโต เพื่อใช้เป็นช่องทางระบายหุ้นรัฐวิสาหกิจออกไปให้มากที่สุด เป็นการเชื่อมโยง ระหว่างดัชนีตลาดหุ้นกับการสร้างมูลค่า ทรัพย์สินของรัฐเพื่อประโยชน์ ทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้โดยรัฐบาลใช้กลไกเชื่อมโยงจากตลาดหุ้นไปสู่อุปสงค์รวมระบบเศรษฐกิจ ด้วยวิธีการนำสินทรัพย์ ในตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงเป็นกระแสเงินสด ใช้ต่อสายป่านเข้ามาหมุนเศรษฐกิจอีกรอบ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ใช้ตลาดหุ้นสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ และผลักดันให้รัฐวิสาหกิจออกจากภาระหน้าที่ของรัฐ
นั่นคือที่ มาของความพยายามแปรรูปรัฐวิสาหกิจตั้งแต่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย องค์การการสื่อสารแห่งประเทศไทย และการๆไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มธุรกิจที่เป็น ฐานรากให้กับระบอบทักษิโณมิคส์ ในขณะที่ประชาชาระดับรากแก้ว ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่ากำลังถูกปล้นชิง และเป็นเพราะทักษิโณมิคส์เองก็ได้จับความต้องการทุนและแหล่งทุนของคนระดับ รากแก้ว จึงใช้กระตุ้นอย่างรุนแรงให้เกิดการบริโภคเพื่อขยายอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจ ของประเทศให้มากขึ้น ไม่ว่า จะเป็นโครงการพักการชำระหนี้ภาคเกษตรกร โครงการธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการเอื้ออาทรต่างๆ
ทักษิโณมิคส์เป็นระบอบที่ก้าวหน้าจริงหรือ ทำไมยังมีคนระดับรากแก้วโหยหาถึงขั้นยอมเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อเรียกร้องหาสิ่งนี้ ทำไมจึงมีเสรีชนจำนวนไม่น้อยให้ราคาค่างวดกับสิ่งๆนี้ และทำไมบรรดานักวิชาการชั้นนำกล้าแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าพวกเขาคือปัญญาชนแดงหรือ RED ELITE ความขัดแย้งระหว่างชุดความคิดที่ว่า ทุนทักษิณมีลักษณะที่ก้าวหน้ากว่าทุนอนุรักษ์ กับอีกหนึ่งชุดความคิดที่ว่าทุนทักษิณเป็น ทุนสามานย์ผลพวงจากสองชุดความคิดนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างบุคคลต่อบุคคล คนในครอบครัวเดียวกัน คนในชาติเดียวกัน ยังสะท้อนเข้ามาเป็นความขัดแย้งในขบวนแถวของประชาชนอย่างร้าวลึก ท่าทีต่อการอธิบายปัญหานี้จะใช้ท่าทีแบบกำปั้นทุบดิน แล้วสวมหมวกกล่าวหากันแบบรวบรัดไม่ได้อย่างเด็ดขาด
คนไทยส่วนใหญ่  ยังไม่รู้ว่าขณะนี้เราเป็นเมืองขึ้นทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์




Thaksin in flags
โดยแทน ราศนาเมื่อ 24 ธันวาคม 2011 เวลา 6:55 น.
 He made a fortune of two billion US dollars in four years.He was elected prime minister by  a landslide.He escaped conviction for corruption by a sliver.He believes he can take Thailand into the first world in eight years by running the country like company.
To some,he is Thailand’s best premier ever, and a new leader for Asia.To others he is a threat to democracy,human right,public morality,and the rule of law.
Pasuk Phongpaichit and Chris Baker (Thaksin The business of politics in Thailand)
ความ สามารถในการสร้างความมั่งคั่งระดับสองพันล้านเหรียญสหรัฐฯของทุนสามานย์ ภายในระยะเวลาเพียงสี่ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ถูกคำพิพากษาในคดีคอร์รัปชั่นจนต้องหลบลี้หนีความจริงไปอยู่ยังต่างแดน และวางแผนทุกอย่างในการดิ้นรนกลับเข้ามาแย่งชิงอำนาจรัฐเพื่อปูทางให้กับการ กลับมาของตัวเอง  แม้กระทั่งบงการเผาบ้านเผาเมือง การบ่อนเซาะทุกสถาบันหลักเพื่อให้เกิดสภาพ”รัฐล้มเหลว”เพื่อการแปรรูปรัฐ ชาติให้เป็นแบบบรรษัท  ตามเยี่ยงอย่าง”สิงคโปร์โมเดล”( Singapore model) ปรากฏการณ์นี้ย่อมไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่เปิดเผยของเหล่า สัมภเวสีทางการเมืองที่ทุ่มเงินซื้อเสียงในการเลือกตั้งเท่านั้น  หากยุทธศาสตร์ใหญ่ก็คือ การขุดรากถอนโคนวัฒนธรรมสังคมไทยอย่างทั่วด้านเพื่อการครองอำนาจยาวนานไม่ ใช่ด้วยคุณธรรม แต่ด้วยทุนอธรรม ไม่ใช่ด้วยความเอื้ออารี แต่ด้วยโครงการเอื้ออาทรที่เต็มไปด้วยพันธการของหนี้สิน
วิสัยทัศน์ ที่นำเอารูปแบบบรรษัทมาสวมแทนรูปแบบการปกครองแบบเดิมดำเนินมาตั้งแต่จุด เริ่ม ด้วยสารพัดโครงการแปรรูป  การแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นไปเป็นของเอกชนบนข้ออ้างว่า จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพและกำไรเพิ่มขึ้น เนื้อแท้ก็คือการรุกเข้าแย่งชิงกรรมสิทธิ์ของส่วนรวมไปเป็นของทุน แทรกแซงผลกำไรของสังคมไปเป็นของส่วนตน  แปรรูประบบราชการด้วยรูปแบบ ซีอีโอ (Chief Executive Officer -CEO) ทำให้ผู้ว่าราชการกลายเป็นผู้บริหารสาขาบรรษัท  บัตรประจำตัว “ข้าราชการ”ถูกเปลี่ยนคำไปเป็น บัตรประจำตัว “เจ้าพนักงานของรัฐ” นับเป็นการสร้างสัญญะใหม่ที่มีเป้าหมายสำคัญแสดงออกถึงแนวคิดท้าทายสถาบัน ดั้งเดิมอย่างชัดเจน
 โดยการชูธง”ยุทธการการล้มเจ้า” เป็นปลายหอกเข้าทิ่มแทงวัฒนธรรมพึ่งพาตัวเองโดยหักหาญ ทุนสามานย์ไม่มีสัญชาติ ไม่มีญาติธรรม เขาพร้อมที่จะบิดเบือนโฉมหน้าของสังคม พร้อมร่วมมือกับกลุ่มทุนด้วยกันทำสร้างธุรกิจแบบเครือข่ายนำพาชาติเข้าไป เป็นนอมินีของทุนโลก ทุนการเงินที่กำลังกลืนกินรัฐชาติทุกหนแห่งด้วยหายนะแห่งหนี้สิน
ดังนั้น เนื้อแท้ของ “ยุทธการล้มเจ้า” สถาบันเก่าแก่ถูกทำให้เสมือนเป็นสถาบันของความล้าหลังซึ่งถูกท้าทายครั้ง แล้วครั้งเล่า เป็นเพราะทุนสามานย์ต้องการทำลาย “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นแนวคิดให้คนไทยหันเข้าหาตนเอง พึ่งพาตนเอง มีเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่เศรษฐกิจมอมเมาให้คนมีแต่ความโลภโมโทสัน เขาต้องการสะบั้นบังเหียนที่ชะลอรถม้าที่ฝูงม้าป่ากำลังชักลากถูไปริมขอบ หุบเหวของความหายนะ เพราะมันเป็นอุปสรรคขัดขวางการกระตุ้น เร้าสังคมให้บริโภคแล้วบริโภคอีกอันเป็นการลดรายได้หรือทำให้ธุรกิจของเขามี กำไรลดน้อยลง หายนะของชาติของสังคมคือกำไรอันอุดมของพวกทุนสามานย์    เขาไม่เพียงต้องการล้มล้างสถาบัน แต่เขาต้องการทำลายจิตสำนึกความเป็นไทของคนทั้งชาติ เพื่อหวังให้ตกอยู่ในอำนาจเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไปของทุน.

หนังสือของอ.ผาสุก พงษ์ไพจิตรกับคริส เบเกอร์ “ทักษิณกับธุรกิจการเมืองในประเทศไทย”



ขอบคุณบทความทั้งหมดจาก พี่ แทน ราศนา ครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง