Share
ก่อนที่วิกฤติน้ำจะลามไปถึง "น้องสาว" ที่ชื่อนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายต่างๆ ที่มีต่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล
จึงย่อมเป็นหน้าที่ของ "พี่ชายที่แสนดี" อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเปิดหน้า "ออกโรง" เปลี่ยนบทจาก "ผู้กำกับ" มาสู่ "นักแสดงนำ" แทนกระทันหัน !!
เพราะไม่เช่นนั้นแล้ววิกฤติน้ำอาจกระทบต่อ "เสถียรภาพ" ของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 1" ไปโดยปริยาย ทั้งที่เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียงเดือนเศษเท่านั้น
และหากเสถียรภาพของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ 1" ได้รับการกระทบกระเทือน มีอันต้องซวนเซ เพราะไม่สามารถ "กู้" ภัยพิบัติจากน้ำท่วมไปได้ตลอดรอดฝั่งอย่างจริงจังแล้ว
แน่นอนว่า "ความหวัง" ทั้งหลายทั้งปวงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมมีอันพังทลายลงไปต่อหน้าต่อตาด้วยเช่นกัน !
การเปิดมุมมองและ "ตัวตน" ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากดูไบผ่านสื่อไทยฉบับหนึ่งล่าสุด เพื่อเสนอแนะสิ่งที่ อดีตนายกฯทักษิณ เชื่อว่าน่าจะเป็น "ประโยชน์"ต่อบ้านเกิดของเขาเองในยามที่ทุกอย่างกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะคับขัน เนื่องจากวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ณ เวลานี้
ประเด็นที่พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดปมเอาไว้คือการเสนอความคิดที่ว่า ไทยต้องเตรียมหามาตรการรองรับ ฟื้นฟูหลังน้ำท่วม โดยต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อย "1 แสนล้านบาท" โดยไม่จำเป็นต้อง "กู้" พร้อมทั้งระบุว่ารัฐบาลมี "แหล่งทุน" เตรียมจัดหาเอาไว้แล้ว และยังเชื่อว่าที่จะนำมาใช้นั้นต้องเกินแสนล้านบาทอย่างแน่นอน
"ดังนั้นที่เราฝันไว้ในอดีตว่า เราอยากจะแก้ไขปัญหาน้ำอย่างบูรณาการ ก็ถึงเวลาที่ต้องทำกันจริงจังเสียทีและต้องทำอย่างเร็วด้วย ไม่งั้นเจอทุกปี เอาเงินตรงนั้นมาผ่อนส่งสร้างระบบป้องกันดีกว่า ไม่ใช่น้ำท่วมอย่างเดียว น้ำแล้งด้วย" (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯให้สัมภาษณ์ บางกอกโพสต์ จากประเทศดูไบ)
อย่างไรก็ดี หากจับความเคลื่อนไหวในฝ่ายการเมืองที่มีต่อสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่รอบนี้แล้ว จะเห็นได้ว่า แม้นายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ดูจะให้ความสำคัญและทุ่มเทกับการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้มากเท่าใดก็ตาม แต่ยังดูเหมือนว่า "ไม่เพียงพอ" ต่อการดึงความเชื่อมั่นคืนกลับมาจากประชาชน เหมือนที่ผ่านมาได้แต่อย่างใด
ขณะที่ "น้องสาว" กำลังเผชิญหน้ากับสารพัด "คำถาม" และยืนอยู่บน "ความคาดหวัง" ของประชาชนนั้น แน่นอนว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับ "แรงกดดัน" อยู่ไม่น้อย ด้วยเหตุนี้จะด้วยความจงใจหรือเจตนาดีของพี่ชาย ที่ชื่อพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ก็ตาม
จึงได้มีความเคลื่อนไหวจากบรรดากุนซือ ทั้งสมาชิกบ้านเลขที่ 111+109 และแกนนำคนเสื้อแดง ต่างพากันแวะเวียนไปที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กันอย่างคึกคัก
เช่นเดียวกันกับแกนนำคนเสื้อแดง อย่าง ขวัญชัย ไพรพนา ซึ่งเวลาละบทบาทจากการระดมพลพรรคเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมในกทม.แต่เลือกที่จะหอบข้างของและเงินบริจาคมาร่วมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ศูนย์ศปภ. วานนี้ ( 11 ต.ค.) ที่ดอนเมืองแทน
การดำเนินบทบาทเช่นนี้ของเครือข่ายระบบทักษิณ นั้นแน่นอนว่าพวกเขาย่อมได้รับเสียงตอบรับที่เป็น "บวก" ไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ท่ามกลางวิกฤติที่พี่น้องคนไทยกำลังเผชิญหน้ากับภัยธรรมชาติอย่างหนักหนาสาหัสเช่นนี้ หากนักการเมืองฝ่ายใด คนใด ยังไม่เปลี่ยนบทบาทการแสดงให้เหมาะสมสอดคล้อง เพื่อตอบสนองกับความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ผลลัพท์ที่จะได้รับกลับไป ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีและสวยงามนัก
อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของฟากรัฐบาล -แกนนำคนเสื้อแดงและพ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังมุ่งเน้นเรื่องของการทำงานมากกว่าการเล่นเกมการเมืองนั้น อาจทำให้เสียงเรียกร้องจากพรรคประชาธิปัตย์และสว.บางกลุ่ม บางส่วนที่พยายามจะเสนอให้รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อรับมือกับอุทกภัยครั้งนี้ มีอันต้องจางหาย และเบาลงไปในที่สุดด้วยหรือไม่ ?
และหากท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลเลือกที่จะไม่นำพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาเป็น "เครื่องมือ" เพื่อบริหารจัดการและรับมือกับภัยธรรมชาติ ครั้งใหญ่ครั้งนี้จริงๆแล้ว จะมีผลต่อการทำงานมากน้อยแค่ไหน หรือไม่
เนื่องจากในการประเมินกันจากฝ่ายที่ออกมาเสนอแนะให้รัฐบาลหยิบเครื่องมือดังกล่าวมาใช้นั้น เพื่อหวังที่จะให้รัฐบาล "เปิดทาง" ให้กับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำงานอย่างกองทัพ นั้นเป็นเพราะหวังผล อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่
เพราะหากมีการใช้พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวจริงๆแล้ว สิ่งจะเกิดขึ้นตามมาคือการที่ "อำนาจ" ในการสั่งการและ "งบประมาณ" จะถูกกระจายไปสู่ฝ่ายต่างๆ ให้เกิดความคล่องตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะว่ากันว่ากองทัพคือหน่วยงานสำคัญที่จะเกิดความคล่องตัวสูงสุดนั่นเอง !
ทีมข่าวคิดลึก.สยามรัฐ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น