เพราะความหมายของ “สถานการณ์” คำนี้...หมายถึง “สถานการณ์ที่ไม่ดี” เมื่อมีผู้มาแก้ไขสถานการณ์ได้ ผู้นั้นก็จะกลายเป็น “วีรบุรุษ-วีรสตรี” แต่สำหรับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แล้ว...จบไปแล้วกับคำว่า “วีรสตรี”
เหตุเพราะมีการวางแผน การบริหารจัดการสถานการณ์ได้อย่าง “ยอดแย่” และ “ล้มเหลว” การประสานงานระหว่างหน่วยราชการต่างๆ ก็เป็นไปอย่าง “ยุ่งเหยิง” และ “โยนลูกกันไป-มา”
แทนที่จะมุ่งหน้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย และมุ่งเน้นไปที่การ “เข้าถึงพื้นที่” แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นคนละเรื่อง โดย “คนที่ไม่ได้รับการเหลียวแล” จากภาครัฐ ต้องออกมาฟ้องผ่านสื่อมวลชน ที่กล้าเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัย...ได้มากกว่า
ทั้งยังมีการโทษฝ่ายนั้น-ฝ่ายนี้ ในเรื่องการให้ข้อมูลที่เป็นจริง จนวันหนึ่ง...เราได้เห็น “เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายกรัฐมนตรี ออกมาโทษ “กรมชลประทาน” ที่พยากรณ์ปริมาณน้ำผิดพลาด แถมยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า “ชาวบ้านที่เดือดร้อนไม่ได้ด่า” แต่คนที่ด่าคือ “พรรคฝ่ายค้าน” อย่าง “ประชาธิปัตย์”
แม้แต่ตัว “ยิ่งลักษณ์” เอง...หากจับสังเกตคำให้สัมภาษณ์ดีๆ ก็จะพบหลายครั้งว่า มักจะ “โทษฟ้าฝน” ที่ตกลงมาว่ามีเยอะมาก โดยลืมนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกระทำลงไปว่า “ถูกต้องเหมาะสม...หรือไม่”
โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่มอบหมายให้ “พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” รมว.ยุติธรรม มาเป็นผอ.ศูนย์ฯ ซึ่งถือว่า “ผิดฝาผิดตัว” เป็นอย่างยิ่ง แทนที่จะตั้งให้ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์” รมว.มหาดไทย ที่เคยผ่านงานกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว จะรู้ดีมากกว่า ว่าแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร
อย่าง “สิ่งของ” ที่ได้รับบริจาค...ก็ไม่ได้มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ วางกองๆ กัน ใครจะหยิบไป หากเป็นพวกพ้องตัวเองก็ทำได้สบายใจเฉิบ ขณะที่คนที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยจริงๆ กลับไม่ได้รับการเหลียวแล
นอกจากนี้...มีใครเคยรู้หรือไม่ว่า...แม้แต่ “คนมีสี” เอง ยังขัดขากันเองในการเข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ในพื้นที่ที่ “ทหารบก” ดูแลอยู่ “ทหารเรือ” ก็เข้าไปไม่ได้
อย่าลืมว่า...มหาอุทกภัยในครั้งนี้ หลายพื้นที่ที่ไม่เคยประสบภาวะน้ำท่วม...ต่างเจอกันถ้วนหน้า ทำให้ “ชาวบ้านหลายคน” ที่ไม่เคยเผชิญชะตากรรม ทำอะไรไม่ถูก เตรียมการป้องกันไม่เป็น ผิดกับพื้นที่ที่ต้องเผชิญภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกๆ ปี ที่ “ชาวบ้านเหล่านั้น” จะรู้ดีว่า เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จะทำตัวอย่างไร
ที่น่ารังเกียจและน่าสมเพชอย่างยิ่ง...คือการออกข่าวแบบสะเปะ สะปะ ทำให้ผู้คนตื่นตระหนก จนทำให้ “ข้าวของ-เครื่องใช้-น้ำดื่ม” หมดเกลี้ยงในพริบตา ภาพของผู้คนยื้อแย่งกันไปซื้อของเพื่อกักตุนเอาไว้ใช้ เผื่อฉุกเฉิน กลายเป็นเรื่องที่สะท้อนการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ “กระทรวงพาณิชย์” ที่ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” ดูแลอยู่ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาที่ว่านี้ได้ แต่สามารถเล่นบท "ดราม่า" ร้องไห้ออกทีวีว่าจนปัญญาแก้ปัญหาน้ำท่วมของนิคมไฮเทค
ที่ตลกแบบขำไม่ออกคือ ร้านสะดวกซื้อของค่าย “ขาใหญ่ค้าเกษตร” กลับไม่มีแม้แต่ “ไข่” ที่ตัวเองก็มีฟาร์มผลิตอยู่
ดูจากข่าวที่ “เฉลิม” พูดในที่ประชุมครม.ว่า “เราบริหารอารมณ์ ความรู้สึกและสถานการณ์ได้ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ก็อยากย้อนใส่ว่า ถือว่าโชคดีที่เพิ่งผ่านพ้นเลือกตั้งไป เพราะถ้าเผอิญอยู่ในช่วงใกล้จะมีเลือกตั้ง แล้วการบริหารจัดการของ “รัฐบาลพี่คิด-น้องทำ” ยังเป็นแบบนี้ ก็ไม่แน่ว่า “ตัวเลข” จะชนะแบบถล่มทลายเหมือนครั้งที่ผ่านมาหรือไม่
เพราะไล่ดูเรียงจังหวัดที่ประสบภาวะวิกฤตในคราวนี้ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ “พรรคเพื่อไทย” ชนะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเห็นฝีมือการบริหารจัดการแก้ไขเฉพาะหน้าที่ไร้ระเบียบ-ไร้แบบแผนแล้ว คิดหรือว่า “คนที่เดือดร้อน” จะคิดไม่เป็น
พูดอย่างนี้ก็อยากสะกิดติงไปถึง “พรรคประชาธิปัตย์” เช่นกัน...วันก่อนเห็นภาพการสร้างข่าวไม่ให้ตกกระแส ทั้งเดินหน้าตรวจเยี่ยมน้ำท่วม หรือการบุกไปยัง “ศปภ.” แล้วเจอะเจอกันระหว่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่หลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี
แต่ความจริงแล้ว เป็นเครื่องสะท้อนความล้มเหลวของ “ตัวอภิสิทธิ์” มากกว่า เพราะมันขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคราวตัวเองนั่งเป็น “ผู้นำประเทศ” ที่ไม่กล้าลงพื้นที่ เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย อย่างนี้ก็เหมาะจริงๆ กับที่ใครหลายคนตราหน้าว่า “เหมาะสมอย่างยิ่ง” กับการเป็น “ฝ่ายค้านตลอดกาล”
ฉายภาพต่างๆ เหล่านี้ให้เห็น ไม่ใช่เพื่อตั้งหน้าตั้งตา “ตำหนิ” อย่างเดียว...เพียงแต่เห็นแล้วว่า “นักการเมือง” ที่เสนอหน้าเข้ามาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนนั้น...ไร้ประสิทธิภาพอย่างไร และทำไมประเทศไทยถึงมีปัญหามาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา...เอวัง “ไทยแลนด์” !!!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น