บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

"บิ๊กอ๊อด"ชงศึกษาแก้พรบ.กลาโหม/เด็กเพื่อไทย"ตท.10"ย้ำต้องรื้อใหม่/สว.จี้สอบอำเภอเสื้อแดงเข้าข่ายกบฎ

"ยุทธ ศักดิ์"ชงศึกษาแก้พ.ร.บ.กลาโหมทุกมาตราที่มีปัญหา ยันทำเพื่อส่วนรวม เตรียมถกผบ.เหล่าทัพหาจุดที่สมดุล "สุรวิทย์" ไม่ขวาง"ประชา"ส่งเรื่องให้กมธ.  ด้าน "ตท.10" เพื่อไทยยันต้องรื้อ  "สมเจตน์"ลั่นห้ามแตะพ.ร.บ.กลาโหม สวน"ตู่"จ้องรื้อกม.สนช. 177 ฉบับหวังทำลายกองทัพเป็นด่านแรก จี้ฝ่ายมั่นคงสอบตั้งอำเภอเสื้อแดง เข้าข่ายกบฏ "ปชป."ประณาม "ธิดา" เชิญ "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม" ร่วมแถลงข่าวเรื่องแก้รธน.         
    เมื่อวันที่ 13 ต.ค.54 พล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา  รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้แก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ว่า  ส่วนตัวยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะเอาเวลาช่วยน้ำท่วมอย่างเดียว ทั้งนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องที่ฝ่ายรับผิดชอบพูด และแสดงความคิดเห็นไปก่อน ค่อยมาคุยกันทีหลัง ตนไม่มีปัญหาอะไร  แต่หากว่าส่วนใหญ่ ส่วนรวมเห็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามวิถีทางทางการเมืองของเสียงมาก ปล่อยให้เป็นเรื่องของสภา อย่าปล่อยให้เป็นเรื่องของบุคคลคนเดียว
    เมื่อถามว่า หากการแก้ไขไม่เป็นไปตามที่เหล่าทัพ ต้องการจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับการเมืองหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า  ฝ่ายที่จะแก้ไขควรต้องศึกษาพระราชบัญญัติทุกมาตรา ให้ไปดูว่าหากจะแก้ไข ต้องแก้ไขตรงไหนบ้าง ไม่ใช่ดูเฉพาะมาตราเดียว เพราะยังมีมาตราอื่นที่มีปัญหา เมื่อดูในพระราชบัญญัติแล้วควรดูระเบียบ กฎกระทรวงกลาโหมที่เขียนขึ้นจากพระราชบัญญัตินี้ด้วย  เป็นการศึกษาครอบคลุมให้หมด ถ้าแก้ไขต้องแก้ไขพร้อมกัน ซึ่งการดำเนินการต้องทำเพื่อส่วนรวม ดูให้ครบถ้วนแล้วพูดกันทีเดียว แล้วดูว่าจุดสมดุลอยู่ตรงไหน ตนเชื่อว่าฝ่ายทหารและการเมืองเห็นจุดสมดุลที่เกิดขึ้นจะเข้าใจกันและไปด้วย กันได้ อย่าเอียงขวาหรือเอียงซ้ายมากเกินไป ซึ่งตนอยู่ตรงกลาง ถ้าเรื่องนี้มาถึงเมื่อไหร่  ตนมีหน้าที่นำเข้าสู่ที่ประชุมสภากลาโหมเพื่อพิจารณาร่วมกันก่อน
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวถึงการที่ ส.ส.เพื่อไทยพยายามผลักดันให้แก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ว่า วิปรัฐบาล ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องนี้ เพราะยังไม่ทราบว่าเนื้อหาที่จะมีการแก้ไขเป็นอย่างไร แต่ถ้ายังมีความสับสนกันอยู่ วิปรัฐบาลก็ไม่ควรจะหยิบยกขึ้นมาหารือในขณะนี้ เพราะตอนนี้รัฐบาลและทุกภาคส่วนกำลังมุ่งทุ่มเทในการให้ความช่วยเหลือและ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมกันอยู่
    ส่วนที่ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยังยืนยันจะนำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมกรรมาธิการในวันที่ 19 ต.ค.นั้น ก่อนที่จะนำเข้าสภาฯนั้นมันมีหลายขั้นตอนและเราคงไปห้าม ส.ส.ไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีเอกสิทธิ์ในการทำงานด้านกฎหมาย แต่จะผ่านหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภา
    เมื่อถามถึงกรณีที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ยังคงประกาศจะสังคายนากฎหมาย 177 ฉบับ ที่อ้างว่าออกมาโดยมิชอบและขัดต่อรัฐธรรมนูญ และจะถูกมองว่าเป็นการไปตามราวี คมช. นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า กฎหมายถ้านำขึ้นทูลเกล้าฯ และลงพระปรมาภิไธยแล้ว เราก็ต้องยอมรับว่าได้ผ่านมาอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ถ้าจุดใดหรือข้อใดที่เห็นว่าเป็นปัญหาก็สามารถหยิบยกขึ้นมาปรับปรุงแก้ไข ได้ หลักการของกฎหมายเป็นอย่างนั้น จะแก้ไขกี่ฉบับก็ได้ เรามีสิทธิที่จะหยิบยกขึ้นมาแก้ไขได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภา ซึ่งคงต้องหารือกันต่อไปว่าจะมีการแก้ไขกี่ฉบับและแก้ไขอย่างไร
    วันเดียวกัน พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัศมี คณะทำงานห้องกรกฏและสมาชิกกลุ่ม ตท.10 ในพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหม ว่า ส่วนตัวยืนยันว่า พ.ร.บ.กลาโหมต้องมีการแก้ไข ไม่เช่นนั้นก็จะมีผลต่อการบังคับบัญชาและการนำนโยบายไปปฏิบัติ ทั้งนี้ตามสากลทั่วไป สาระสำคัญของพ.ร.บ.กลาโหม คือกำหนดให้กรณีที่ต้องนำกำลังพลออกมาปฏิบัติหน้าที่นั้นต้องผ่านที่ประชุม ของสภากลาโหม แต่อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายซึ่งเกี่ยวข้องกับสายการบังคับบัญชา การนำนโยบายไปปฏิบัติควรให้เป็นอำนาจของผู้บริหารในองค์กร ซึ่งกรณีของประเทศไทยหากเห็นว่าคำสั่งไม่เป็นธรรมก็สามารถร้องคัดค้านไปที่ ศาลปกครองได้ ทั้งนี้ การแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหม เป็นอำนาจของรมว.กลาโหมในการริเริ่ม
    ที่รัฐสภา พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะเสนอแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหม ภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมลดลงว่า ไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ที่มีวัตถุประสงค์ไม่ให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ แล้วผลักดันญาติผู้พี่คือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์บริหาร เป็นสิ่งที่กองทัพไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเหมือนการทำธุรกิจที่ให้ผู้จัดการสาขาข้ามชั้นขึ้นมาเป็นผู้บริหาร องค์กร ทำให้พล.อ.ชัยสิทธิ์อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้เพียงปีเดียวก็ต้องไปนั่งเป็นผบ.ทหารสูงสุดแทน เพราะไม่สามารถทำงานได้ แสดงให้เห็นว่าการที่ฝ่ายการเมืองเข้ามาจัดวางตัวบุคคลในกองทัพ ไม่เหมือนกับทหารมองทหารด้วยกันเอง ดังนั้นความพยายามของฝ่ายการเมืองครั้งนี้ก็เพื่อต้องการทำให้กองทัพอ่อนแอ ต้องถามว่าทำเช่นนี้เพื่อเหตุใด ทีนักการเมืองยังไม่อยากให้กองทัพแทรกแซง เนื่องจากตัวเองไม่อยากเสียอำนาจ แต่ขณะเดียวกันพยายามแทรกแซงเพื่อลดอำนาจกองทัพ
    พล.อ.สมเจตน์ กล่าวต่อว่า ยอมรับว่ากองทัพเป็นหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล และต้องอยู่ภายใต้รัฐบาล แต่วันนี้นักการเมืองยังไว้วางใจไม่ได้ คนดีมีน้อยมาก เป็นอย่างนี้แล้วเราจะให้นักการเมืองมาแทรกแซงกองทัพก็คงไม่เหมาะสม เพราะยังไม่เห็นว่าหน่วยงานใดที่ถูกการเมืองแทรกแซงแล้วจะเป็นองค์กรที่ดี หากคุณอยากแทรกแซงกองทัพต้องไปปรับปรุงตัวเองให้เป็นนักการเมืองที่ดีเสีย ก่อน ถ้าทำได้ตนก็ยอมรับ ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าต้องรื้อพ.ร.บ.กลาโหม รวมไปถึงกฎหมายอีก 177 ฉบับที่ผ่านความเห็นชอบของ สนช. ซึ่งองค์ประชุมไม่ครบนั้น หากกล่าวเช่นนี้ก็ต้องย้อนกลับไปถึงทุกรัฐบาลที่เข้าข่ายลักษณะนี้ เพราะจริงๆเรื่องนี้เพิ่งมาเกิดเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตีความให้กฎหมาย 3 ฉบับตกไปเพราะองค์ประชุมไม่ครบ อย่ามาเลือกปฏิบัติเฉพาะ 177 ฉบับของ สนช. ถามว่าแล้วประเทศชาติจะวุ่นวายขนาดไหน การเลือกพ.ร.บ.กลาโหมขึ้นมาก่อน เพราะต้องการทำลายกองทัพใช่หรือไม
    เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ล่าสุดมีการเปิดอำเภอเสื้อ แดงที่ จ.อุดรธานี พล.อ.สมเจตน์ ตอบว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของอำเภอเสื้อแดงหรือต่อไปจะเป็นจังหวัดเสื้อแดง ดูเหมือนจะเป็นการใช้อำนาจรัฐซ้อนอำนาจรัฐ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อาจเข้าข่ายการเป็นกบฏต่อราชอาณาจักร เพราะประเทศไทยเป็นหนึ่งเดียวมีโครงสร้างหมู่บ้าน อำเภอ หรือจังหวัดอยู่แล้ว หากคนเสื้อแดงตั้งขึ้นมาอีก ต่อไปผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือผู้ว่าราชการจังหวัดจะปกครองได้หรือไม่ อยากให้ฝ่ายความมั่นคงตั้งแต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย รวมไปถึงกองทัพ เข้าไปตรวจสอบให้ดีว่าเป็นพฤติการณ์ของกบฏหรือไม่ หากเข้าข่ายต้องจัดการทางกฎหมายโดยด่วน
    ขณะที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่าจะแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหมหลังจากที่น้ำลด และ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ ระบุว่าจะนำเรื่องการดังกล่าวเข้าที่ประชุมของคณะกรรมาธิการ ในวันที่ 19ต.ค. ว่า เชื่อว่ากลุ่มเสื้อแดงที่ออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ของกลุ่ม เสื้อแดง และการที่ออกมาพูดในลักษณะนี้ถือว่าเสื้อแดงให้ความสำคัญกับการแก้ไขพ.ร.บ. กลาโหมสำคัญกว่าการที่ประชาชนเดือดร้อนสาหัสที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติ ศาสตร์ นอกจากนี้ การที่เชิญ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายต่างประเทศของคนเสื้อแดง มาร่วมแถลงข่าวในเรื่องการแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหมด้วยนั้น ถือเป็นการเชิญทนายต่างประเทศมาทำร้ายคนในประเทศ ขณะที่พี่น้องที่อยู่ข้างท่านส่วนหนึ่งลอยคออยู่กลางน้ำ อย่างนี้หรือที่บอกว่าจริงใจในการแก้ไขปัญหาของประชาชน
    นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า การที่กลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยพยายามแก้กฎหมายในการแต่งตั้งทหาร ไม่แน่ใจว่าสติสัมปชัญญะยังครบอยู่ดีหรือไม่ นายโรเบิร์ตเ องก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเลย ที่จะมาพูดเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญของไทย ถือเป็นการพูดที่ขาดจรรยาบรรณ และขาดความเป็นสมบัติผู้ดี ไม่ใช่คนไทยไม่มีสิทธิมายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศไทย เพราะกระบวนการต่างๆ เราคนไทยพูดกันเองได้ นายโรเบิร์ต มาพูดถึงมือที่มองไม่เห็น ยืนยันว่ามีแต่มือที่มีความจงรักภักดีที่เป็นเกราะป้องกันจากทนายคนนี้ที่ พยายามเข้ามาแทรกแซง
    ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้ร.ต.อ.เฉลิม และพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รรท.ผบ.ตร. จับกุม นายโรเบิร์ต อัมสวเตอร์ดัม ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ว่า เห็นเรื่องนี้จากข่าว และจะไปตรวจสอบว่าการที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือไม่ เป็นการร้องทุกข์เรื่องอะไร และพนักงานสอบสวนดำเนินการไปถึงไหนแล้ว การร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วจะไปทึกทักว่ากระทำความผิดตามที่เราร้องทุกข์กล่าว โทษไม่ได้ ต้องดูที่การรวบรวมพยานหลักฐาน และสำนวนการสอบสวนว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนจะตรวจสอบเรื่องนี้ คงจะใช้เวลาไม่นาน 1 ชม.คงจะทราบเรื่อง
    "การที่ใครสักคนหนึ่งไปร้องทุกข์กล่าวโทษคนหนึ่งคนใด ไม่ใช่ว่าทันทีที่ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้วบุคคลนั้นจะต้องตกเป็นผู้ต้องหา ทันที มันไม่ใช่ มันมีขั้นตอนการสืบสวนสอบสวน รวมบรวมพยานหลักฐาน น้ำหนักแห่งคดี ถ้าไม่มี พนักงานสอบสวนก็ระงับการสอบสวน"
    เมื่อถามว่า มองว่าเป็นความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะโยงประเด็นให้ไปเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ต้องการอย่างนี้อยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่มีปัญหาเพราะการเมืองยุคนี้มันทันกัน พรรคประชาธิปัตย์เก่งการเมือง พวกตนก็ไม่ด้อยกว่าแน่นอน เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์หยิบยกขึ้นมาตอกย้ำเพิ่มน้ำหนักว่าพรรคเพื่อไทยไม่จงรัก ภักดี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่แสดงความคิดเห็น เพราะประชาชนได้ตัดสินไปแล้วว่าข้อกล่าวหาต่างๆ ประชาชนไม่เชื่อ และประชาชนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีความมั่นคงต่อสถาบัน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง