บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

• พิสูจน์แดงล้มเจ้ามีจริง?? พิสูจน์ปชต.แบบ"ธิดา"??

      ทีนิวส์    

  “ สีแดงเป็นเพียงสัญลักษณ์ต้านรัฐธรรมนูญ 50 แต่มีคนหาเรื่องเอาสีแดงไปโยงลัทธิล้มเจ้า เรื่องบ้าเรื่องบอ   ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลบสีแดงออกจากธงชาติหรืออย่างไร  ถ้าคิดว่าสีแดงมันน่ากลัวขนาดนั้น    สีแดงมันจะเกี่ยวกับลัทธิได้อย่างไร   ในขณะที่นิยามของคนเสื้อแดงคือคนที่รักประชาธิปไตย  แต่ก็มีความพยายามนำสีแดงไปโยงลัทธิล้มเจ้า ไปโยงกองกำลังติดอาวุธ  ทั้ง ๆ ที่เรามีแต่ตีนตบ ...” (ธิดา ถาวรเศรษฐ์  21 กันยายน 2554)


                           นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่   นางธิดา   ถาวรเศรษฐ์     รักษาการประธานนปช.   ออกมาตอบโต้กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง  การสุมความคิดเรื่องล้มเจ้า  และ  การสะสมกองกำลังติดอาวุธในหมู่คนเสื้อแดง   ผ่านการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ (  21 กันยายน 2554 )    ???  



                            โดยเฉพาะกองกำลังติดอาวุธ  ที่  นางธิดา   ท้าทายให้มีการตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่า   ในขณะที่ภาพคนชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงเข้าใส่ทหาร   บริเวณแยกคอกวัว   เมื่อวันที่  10  เมษายน  2552   ยังคงอยู่ในความทรงจำอันเจ็บปวดของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ไม่คิดว่าการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยแยกผ่านฟ้า  จะถูกยกระดับกลายเป็นเหตุมิคสัญญี  



                           ไม่นับรวมหลักฐานจากคำพูดของ  นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง   ที่ย้ำแล้วย้ำอีกถึงสภาพความพร้อมของกองกำลังติดอาวุธ     ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนเมษายน  ต่อเนื่อง  พฤษภาคม 2552    เพียงแต่   นางธิดา  มักเลือกบางมุมของเหตุการณ์มานำเสนอ  เพื่อประโยชน์ของแดงนปช.ฝ่ายเดียว


                            สำคัญยิ่ง  นางธิดา  คงจะลืมไปว่าก่อนหน้านั้นใช่หรือไม่  ที่เป็นคนเขียนข้อความผ่านเฟสบุ๊ค  ว่า    ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเสียหายแต่อย่างใด   ที่มีขบวนการคนเสื้อแดงแยกตัว  แยกกลุ่มเป็นแดงสยาม หรือ  กลุ่มอิสระอื่น ๆ ...


                             ทั้ง ๆ ที่  นางธิดา  ก็รู้จัก  แดงสยาม   หรือ  แดงกลุ่มอื่น ๆ เป็นอย่างดี   ว่า  มีพฤติกรรมเป็นอันตรายต่อสถาบันเบื้องสูงในระดับใด   โดยเฉพาะหัวขบวนแดงสยาม อย่าง  จักรภพ เพ็ญแข   ที่ประกาศตัวเป็นคนล้มเจ้าอย่างเปิดเผย  ???


                            มิหนำซ้ำกับ   นางธิดา   ในฐานะรักษาการประธานแดงนปช.   ก็แสดงตัวตนมาโดยตลอดในเรื่องการโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย   ที่ยังไม่เคยมีการนิยามความหมายอย่างชัดเจนว่า  คืออะไรกันแน่    หลังจากพรรคเพื่อไทยคว้าชัยชนะเลือกตั้ง   เป็นรัฐบาลด้วยคะแนนเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาด   ??? 


                             และขณะที่หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า     แม้   นางธิดา  จะไม่ได้แสดงตัวตนหรือวางกรอบความคิดในทางเปิดเผยว่าอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกล้ม เจ้า   แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมา      นางธิดา   ก็ไม่เคยแสดงท่าทีเป็นฝ่ายตรงข้าม  กับพวกล้มเจ้าอย่างชัดเจนแต่อย่างใด


                            ยกตัวอย่างจากบทความเรื่อง “ตีหญ้า ล่องูออกจากรู”   ของ  นางธิดา  เมื่อวันที่   9  กันยายน 2554     ซึ่งแสดงออกถึงท่าทีความประนีประนอมยิ่งกับหมู่คนเสื้อแดงที่มีความเห็นต่าง กัน   ในเรื่องแนวทางการต่อสู้เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ


                         “เป้าหมายเรา   คือ   ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง  จำเป็นต้องสร้างแนวคิดที่ “ไม่ใช่จารีตนิยม , ไม่ใช่อนุรักษ์นิยม , หรือไม่ใช่อภิชนนิยม  แต่เป็นเสรีนิยม ที่อนุญาตให้ความเห็นแตกต่างกันอยู่ร่วมกันในสังคมได้” 


                           ไม่เท่านั้น  นางธิดา  ยังปรารภไปถึงกลุ่มขบวนการล้มเจ้า  ด้วยการเตือนสติด้วยว่า  ความหุนหันใช้อารมณ์เป็นใหญ่      อาจกลายเป็นปัญหาต่อขบวนการสร้างปริมาณมวลชน    ภายใต้มูลฐานความคิดในเชิงแตกแยก   ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย  ๆ   ถ้าเทียบเคียงกับสภาวะผู้คนในสังคมไทยที่ยังมั่นคงอยู่กับความจงรักภักดี  


                          “พวก ใจร้อน   ใจเร็ว   หรือ   พวกต้องการแสดงว่า   ฉันนั้นก้าวหน้ากว่าใคร   เป็นผู้กล้ายิ่งกว่าใคร   โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ    จะฟาดหัว   ฟาดหาง    ผู้อื่น      ที่พูด    หรือ  ปฏิบัติไม่เหมือนกับตน   ก็ต้องหันกลับไปดู  กลุ่มจารีตนิยมที่ด่าทอกันเป็นตัวอย่าง …”


                           “ การเอาอัตวิสัยมากำหนดการกระทำ   โดยไม่สอดคล้องกับภววิสัยทั้งในขบวนประชาชนเองและนอกขบวนประชาชน   นอกจากทำไม่ได้ผลแล้วก็ยังขัดแย้งกับประชาชนเอง   และเกิดผลเสียกับขบวนประชาชนด้วย      และนี่คือบทที่หนึ่งของการต่อสู้ของประชาชน  นั่นคือ  ต้องแยกมิตร  แยกศัตรูให้ถูกต้อง  และ มีท่าทีต่อมิตร  และท่าทีต่อศัตรูอย่างถูกต้อง… ”


                            จากแนวคิดของ  นางธิดา   สะท้อนถึงความเป็นห่วงในระดับสำคัญ   ถึงการเคลื่อนไหวของแนวร่วมแดงอีกบางส่วน   ที่มุ่งตรงเป้าหมายไปยังสถาบันเบื้องสูง   ท่ามกลางข้อพิจารณาประกอบว่า  นี่เป็นอีกครั้งที่    นางธิดา    ไม่ได้แสดงความชัดเจนถึงระดับจะแยกปลา  แยกน้ำกับหมู่เหล่าคนล้มเจ้า   ???


                              และจุดสำคัญ  ใช่หรือไม่  ที่นางธิดา  ก็ยอมรับว่า   มีมวลชนคนเสื้อแดง  ประเภทใจร้อน   ใจเร็ว  ที่เลือกแนวทางการต่อสู้โดยสถาบันเบื้องสูงเป็นเป้าหมาย  จากข้อเขียนที่ปรากฏข้างต้น ...


                            ขณะเดียวกันกับแนวคิดของ   นางธิดา   ดังต่อไปนี้       ก็อาจเป็นสิ่งที่ปุถุชนสามารถใช้วิจารณญาณมองลึกไปถึงตัวของแกนนำแดง นปช.    ในฐานะคนที่มีจุดยืนต้านอำมาตย์อย่างแน่วแน่ได้ไม่มากก็น้อย  สำหรับมุมมองเรื่องการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์  ... 


                            “ เรื่อง ฎีกาประชาชนห้าล้านฉบับในหนึ่งเดือน  เป็นตัวอย่างของ กรณีการเคลื่อนไหวของประชาชนใน ลักษณะแนวร่วม ตั้งแต่ปี 2552  …  (เพราะ)  มีแกนนำบางท่านไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง  จนถึงกับแยกตัวออกไป   และ  ก็มีแกนนำที่แม้จะไม่เห็นด้วย  แต่ไม่เห็นว่า จะทำให้เกิดความเสียหายอะไร  ตรงข้ามกลับเป็นการตรวจสอบประชาชนได้ และก็มีแกนนำที่สนับสนุนเห็นด้วยเต็มที่… ”


                               นี่  คือสิ่งที่เรียกว่า  “แนวร่วม”  ที่มีทั้งความเหมือน  และความแตกต่างกัน  ฝ่ายประชาชนต้องเข้าใจว่า ภาวะ  “แนวร่วม”  ยังดำรงอยู่ในขบวนเราจนถึงปัจจุบัน   แน่นอนว่า ภาวะเช่นนี้มีทั้งจุดแข็ง  และจุดอ่อน   จุดแข็งคือมีผู้เข้าร่วม ขบวน กว้างใหญ่ไพศาล  จุดอ่อนคือ ขาดเอกภาพในองค์กรนำทางความคิด และวิธีการทำงานที่ยังต้องแสวงหาจุดร่วม สงวนจุดต่างอยู่”


                             นอกเหนือจากการยอมรับใน ระดับสำคัญ (อีกครั้ง)  ของ  นางธิดา  ที่ยอมรับว่ามีแกนนำบางส่วนที่ไปไกลถึงสถาบันเบื้องสูง      กรณีของฎีกาแดงก็เป็นแนวทางการเคลื่อนไหว  ที่ทำให้เกิดความต่างทางความคิดในลักษณะของความเห็นด้วย และ ไม่เห็นด้วย  ผสมปนเปอยู่ในความคิดของบรรดาแกนนำ   แต่การคบค้าสมาคมระหว่างแดงแนวร่วมต่าง ๆ    ก็ยังดำเนินไปตามปกติ  ตามทฤษฎีความคิดแสวงหาจุดร่วม  สงวนจุดต่าง     
 

                          แต่อะไรที่เป็นจุดขัดแย้งของ ความคิดเรื่องฎีกาแดง   ก็มีความน่าเชื่อถือว่าประโยคข้อความต่อไปนี้ของ   นางธิดา    น่าจะมีส่วนเกี่ยวเนื่องอยู่ไม่น้อย      ตามมุมมองที่เป็นไปได้ว่าบางฝ่ายในหมู่คนเสื้อแดง   อาจไม่เห็นด้วยกับการก่อเหตุของการสร้างแรงกดดันต่อสถาบันฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่การโต้กลับอย่างรุนแรงจากมวลชนผู้จงรัก ภักดี  ???   
 

                          เรื่องฎีกาเป็นการแสดงกำลัง เชิงสันติวิธีที่รวดเร็ว  และเป็นประวัติศาสตร์ที่ประชาชนจำนวนมากนับล้านถวายฎีกาถึงพระเจ้าแผ่นดิน  ไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอ้างรัฐธรรมนูญหรือกฏหมายใด ๆ ก็ตาม ... 



                        ถ้าเรื่องนี้ไม่สร้างความสั่นสะเทือนต่อระบอบ อำมาตยาธิปไตย  ไฉนพวกอำมาตย์   และ  สมุนบริวาร  จะดาหน้าออกมาเต้นแร้งเต้นกา ขัดขวาง และใช้วิธีสุดท้ายคือ เอา(ฎีกา)ไปขังคุก แช่เย็น  จนสิ้นสุดรัฐบาลชุดก่อน”



                     โดยเหตุผลที่ทำให้เชื่อได้ว่าประโยคดังกล่าว  มีน้ำหนักเพียงพอจะเป็นคำตอบของคำถามกับที่มาของความขัดแย้งข้างต้น   ก็ควรได้มีการพิจารณาจากสิ่งที่  นางธิดา   ใช้คำว่า  ถ้าเรื่องนี้ (ฎีกาแดง) ไม่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบอบอำมาตยาธิปไตย   ไฉนพวกอำมาตย์และสมุนบริวารจะ.....ขัดขวาง?? ”


                     แปลความกันตรงไปตรงมาก็ทำให้ต้องมีคำถามกลับไปถึง  นางธิดา  อีกครั้งว่า  ฎีกาแดงสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระบอบอำมาตยาธิปไตย   จริง ๆ แล้วคำว่า  อำมาตยาธิปไตย  นางธิดา  หมายถึงใคร  หรือ   หรือ   สถาบัน  หรือ  องค์กรอะไร    ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข    


                     ในขณะที่ประโยคต่อมามีคำว่า  (ไฉน)  พวกอำมาตย์   และสมุนบริวาร ดาหน้าออกมาเต้นแร้งเต้นหา  ขัดขวาง ...??     ซึ่งกับคำว่า อำมาตย์  ในประโยคหลัง  ถ้าเรียงตามข้อเท็จจริงของกระแสข่าวที่ผ่านมา  นางธิดา   คงหมายถึงการเคลื่อนไหวของรัฐบาลอภิสิทธิ์   หรือ  องค์กรหลักใด ๆ ก็ตาม   ที่คัดค้านการยื่นถวายฎีกา  


                    หรือ อำมาตย์  ในที่นี้อาจหมายรวมไปถึงสถาบันองคมนตรี    ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ  คนเสื้อแดง  ก็เคยนิยามว่าเป็นพวกอำมาตย์     ขณะที่สมุนบริวาร ในความหมายของ   นางธิดา   คงหนีไม่พ้น     นักวิชาการ   และ สื่อมวลชน อย่าง  “สนข.ทีนิวส์”    ฯลฯ


                        และถ้าย้อนความแปลกลับอีกครั้ง   ใช่หรือไม่ที่  นางธิดา  ต้องการสื่อให้เห็นว่า  ฎีกาแดงได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสถาบันเบื้องสูง  และส่งผลให้รัฐบาลอภิสิทธิ์   หรือ  หน่วยงานใด ๆ หรือ ใคร  ๆ  ก็ตาม   ต้องออกมาแสดงการคัดค้าน  และ   จะแปลความได้หรือไม่ว่าระบอบอำมาตยาธิปไตย  ก็คือ ระบอบพระมหากษัตริย์นั่นเอง  ???  



                       ไม่เท่านั้นกับอีกหนึ่งประโยคที่     นางธิดา     เขียนว่า     “    นี่มันยุค  พ.ศ. 2554    แล้ว   หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง  2475   มาร่วม 80  ปีแล้ว    ภายใต้การครอบงำของระบอบอำมาตยาธิปไตย    ประชาชนไทยยังต้องมาถวายฎีกาถึงพระเจ้าแผ่นดินแบบนี้อีก ฟังดูแล้วน่าขำ ... ” 




                    ก็ยิ่งน่าสนใจในระดับสำคัญว่า  แท้ จริงแล้วสถาบันพระมหากษัตริย์  มีความหมายสูงค่าเพียงไร  สำหรับกระบวนการการยื่นถวายฎีกาอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ  ที่ผ่านมา  และ การโหยหาประชาธิปไตยของ   นางธิดา  ในฐานะรักษาการประธานนปช.  เป็นรูปแบบการปกครองในลักษณะใดกันแน่ ????


0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง