นพดล อินนา
เอ่ยชื่อ “ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์” อดีตรมว.มหาดไทย ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เจ้าของฉายา “มือปราบสายเดี่ยว” ที่ ทำงานตรงไปตรงมา ส่งผลให้ผู้เสียประโยชน์เกิดความเห็นขัดแย้ง จนเป็นสาเหตุของการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีของ “ร.ต.อ.ปุระชัย” ให้ถูกย้ายไปเป็น “รมว.ยุติธรรม” ในเวลาต่อมา ก่อนจะโบกมือลาพรรคไทยรักไทย เพราะมีความเห็นทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน
ภาพลักษณ์ของ “ร.ต.อ.ปุระชัย” นั้น สังคมให้การตอบรับอย่างมาก ถึงขนาดเมื่อปี 2550 เคยมีการทำโพลล์ และพบว่า “เขา” คือบุคคลอันดับ 1 ที่คนไทยอยากให้เป็น “นายกรัฐมนตรี”
ต้นปี 2554 “ร.ต.อ.ปุระชัย” ได้หวนคืนสนามการเมืองอีกครั้ง โดยช่วงแรกมีข่าวจะไปร่วมก่อตั้ง “พรรคประชาสันติ” แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ “เขา” และ “ผองเพื่อน” ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2554 ด้วยการประกาศตั้ง “พรรครักษ์สันติ” โดยไม่มีรายชื่ออยู่ในคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ได้ลงเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 โดยมี “นพดล อินนา” คนสนิท-คนใกล้ชิด ลงสมัครบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2
เมื่อผลการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554 ออกมา ปรากฏว่า “พรรครักษ์สันติ” ได้รับเลือกตั้งเพียง 1 ที่นั่งเท่านั้น ท่ามกลางความผิดหวังของใครหลายคน
วันนี้ “ไทยอินไซเดอร์” ขอนำไปสนทนากับ “นพดล อินมา” คนใกล้ชิดของร.ต.อ.ปุระชัย เพราะเคยมีใครบอกไว้ว่า คำพูดของเขาจะสะท้อนความคิดของ “มือปราบสายเดี่ยว” นั่นเอง และเป็นคำเตือนไปถึง “พรรคประชาธิปัตย์” ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคใหญ่ด้วย
ถือเป็นคำวิจารณ์ที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่น่าสนใจและต้องรับฟัง...!!!
Q : มองการทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างไร
A : หลังเลือกตั้งมาแล้วน่าเห็นใจ ในแง่ของก่อนการเลือกตั้ง พรรครัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำ (หมายถึงพรรคเพื่อไทย) ได้หาเสียงโดยเสนอนโยบายต่างๆกับประชาชนอย่างมากมาย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลก็ถูกไล่ล่าโดยนโยบายที่ตัวเองนำเสนอตอนหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งตรงนี้มันจะทำให้ความคาดหวังของพี่น้องประชาชนซึ่งตั้งความหวังไว้กับ รัฐบาลนี้มาก สมมติว่า 10 เรื่อง ถ้ารัฐบาลทำได้ 9 เรื่อง และทำไม่ได้ 1 เรื่อง ความ คาดหวังที่ตั้งความหวังไว้สูง จะทำให้ “ความหวัง” นั้นตกลงมาอย่างรวดเร็ว หมายความว่า “กระแสความนิยมจะตกมาอย่างรวดเร็ว” เพราะฉะนั้นถ้าเป็นอย่างนี้ รัฐบาลไม่มีเวลาฮันนีมูน ซึ่งขณะนี้ก็เข้าใจว่าเร่งดำเนินการอยู่ ประกอบกับช่วงที่รัฐบาลมารับหน้าที่ ก็เกิดสภาวะน้ำท่วมหนักหลายจังหวัด ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้เวลาส่วนหนึ่งก็หันเหไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่กำลัง ประสบอุทกภัยอยู่
“ทุกอย่างประดังประเดมาอยู่ในช่วงนี้พอดี และเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของรัฐบาลก็ไม่ทราบ ที่เป็นช่วงที่อยู่ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพอดี ซึ่งขณะนี้ประชาชนหลายฝ่ายโดยเฉพาะข้าราชการเขาก็กำลังจับตามองอยู่ว่า รัฐบาล...จริงอยู่รัฐบาลมีความชอบธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายตามปฏิทินหรือตาม ฤดูโยกย้าย แต่ว่าประเด็นที่คนเขาสงสัยกันอยู่ การแต่งตั้งโยกย้ายเป็นไปอย่างที่ใช้คนถูกกับงาน หรือว่ามีความเหมาะสมมาก-น้อยแค่ไหน”
Q : กระแสการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี ออกจากเลขาธิการสมช. เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ได้นั่งเก้าอี้ผบ.ตร. จะเป็นชนวนเหตุหนึ่งที่รัฐบาลถูกโจมตีว่าเป็นรัฐบาลที่ทำเพื่อเครือญาติหรือ ไม่
A : อันนี้รัฐบาลก็ต้องพิสูจน์ คือจะเป็นเครือญาติหรือไม่อย่างไร ผมคงไม่แตะไปที่ตัวบุคคล ไม่วิพากษ์วิจารณ์ไปที่ตัวบุคคล แต่ว่ารัฐบาลต้องพิสูจน์ว่า การที่จะแต่งตั้งโยกย้ายใครสักคนหนึ่งเข้ามาดำรง ตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่ง เขาคนนั้นมีความสามารถมีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับในองค์กรมากน้อยแค่ไหน ตรงนี้สำคัญที่สุดจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการก็ คือ ต้องใช้คนให้เหมาะสม ให้ถูกกับงาน คนนั้นเมื่อแต่งตั้งมาแล้ว ทำงานได้จริงหรือไม่ มีประสิทธิภาพหรือไม่ และที่สำคัญดีกว่าคนก่อนหรือไม่ ดีกว่าคนที่ถูกโยกย้ายไปหรือไม่ อันนี้ต้องพิสูจน์กัน สมมติแต่ง ตั้งโยกย้ายไปแล้ว ปรากฏว่าดีเท่ากัน ความสามารถเท่ากัน ผลงานที่ผลิตมาสู่พี่น้องประชาชนมีความเท่ากัน ก็จะเกิดคำถามอีกว่าแล้วไปโยกย้ายเขาทำไมละ คนเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกัน ถ้าเข้ามาแล้วเขาทำงานได้ดีกว่าคนที่ถูกโยกย้ายไป อันนั้นก็ถือว่าเป็นผลงานของเขาไป ในทางตรงข้ามถ้ามาแล้วกลับทำงานแย่กว่าคนเดิมอีก อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ประชาชน คงตั้งคำถามตัวใหญ่ๆว่า เอ๊ะ...เกิดอะไรขึ้น แล้วก็จะโยงไปสู่อย่างที่ถามเรื่องเครือญาติ
Q : ส่วนตัวมองสถานการณ์ของรัฐบาลขณะนี้เป็นไปอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังโหมโรงตีข่าวหรือไม่ว่าเป็น “รัฐบาลทำเพื่อคนๆเดียว”
A : ตรงนี้ยังไม่ชัดเจนถึงขนาดนั้น เพราะว่าเรื่องต่างๆยังไม่เกิดขึ้นในลักษณะที่ว่าอย่างที่เป็นข่าวกัน เรื่องนิรโทษกรรมก็ดี เรื่องการแก้กฎหมายช่วยใครคนใดคนหนึ่ง ยังไม่ชัดเจนซะทีเดียว แต่อันนี้จะเป็นข้อพึงระวัง ข้อเตือนใจให้กับรัฐบาลว่า ขณะนี้ไม่เฉพาะฝ่ายค้าน สังคมส่วนหนึ่งไม่น้อยทีเดียวก็จับตามองอยู่ว่ารัฐบาลเขาเลือกมาเพื่อมาแก้ ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนคนส่วนใหญ่ของแผ่นดิน ไม่ใช่มาช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ถ้ารัฐบาลไม่สามารถพิสูจน์ตรงนี้ได้ จะเป็นเรื่องที่กระแสความนิยมจะเสื่อมลงเร็ว ประกอบกับตัวท่านนายกรัฐมนตรีเองที่มีความสัมพันธ์กับอดีตนายกฯทักษิณ ตรงนี้เวลาจะเดินทำอะไรยังไง ท่านต้องระมัดระวังเป็นกรณีพิเศษ คือความเป็นเครือญาติไม่สามารถตัดออกไปได้ คือทำเสมอตัว ทำดีเสมอตัวคนก็ยังมีข้อสงสัยเลย เพราะฉะนั้นท่านต้องทำให้ดีกว่าสิ่งที่คนเขาจับตามองอยู่ ผมคิดว่าจะเป็นทั้งข้อดีข้อเสียอยู่ในตัวเดียวกัน
Q : การที่รัฐบาลพยายามจะแก้ข้อกล่าวหานี้ จะเป็นไปได้แค่ไหน เพราะในขณะเดียวกันกลับมีคนในพรรคเพื่อไทยเองที่ออกมาแสดงท่าทีสอดรับทั้ง เรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ เรื่องการรื้อฟื้นคดีที่ดินรัชดาฯ

A : 15 ล้านเสียงหรือจะมากกว่านั้นก็สุดแล้วแต่ เขาเลือกมาต้องยอมรับว่า เลือกมาให้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของ แผ่นดิน ประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือพรรคพวก หรือพวกพ้อง อันนี้ต้องตีประเด็นนี้ให้ออก เพราะฉะนั้นผมไม่เชื่อว่า 15 ล้าน หรือมากกว่านั้น เขาเลือกพรรคเพื่อที่จะมาทำประโยชน์ให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง...คงไม่ใช่
Q : กรณีที่รัฐบาลกระทำการบางอย่างเพื่อคุณทักษิณจะกลายเป็น “จุดตาย” ของรัฐบาลหรือไม่
A : ผมยังไม่คิดว่าอดีตนายกฯทักษิณจะมีระดับความสำคัญถึงจะทำให้ รัฐบาลล่มได้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะล้มก็คือเรื่องสัญญาประชาคม นโยบายต่างๆ อย่าลืมว่าแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ง่าย แล้วหลายเรื่องประชาชนก็จะทวงถาม เอ๊ะ...ทำไม-ไม่ทำละ ตอนที่หาเสียงทำไมสัญญาไว้อย่างโน้นอย่างนี้ ตรงนี้จะเป็นประเด็นหลัก ประเด็นที่สอง คือเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น อันนั้นจะเป็นเรื่องที่ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้มากกว่าที่จะเป็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ผมยังคิดว่าไม่ใช่
Q : ถ้ารัฐบาลจะล้มก็คงเพราะสะดุดขาตัวเอง
A : ตรงนี้แหละครับ รัฐบาลจะถูกไล่ล่า ไม่ใช่โดยฝ่ายค้าน แต่โดยนโยบายของตัวเองที่ตอนหาเสียงนำเสนอกับประชาชนไป ถ้าทำไม่ได้ก็จบ
Q : การยกเรื่องรัฐบาลทำเพื่อคนๆเดียว ทำเพื่อเครือญาติมาโจมตี ยังไม่สามารถจุดประเด็นให้เกิดแรงกระเพื่อม มาสั่นคลอนรัฐบาลได้
A : ยังไม่ใช่ประเด็นที่จะนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ จริงๆอยากจะแนะนำว่า ถ้า จะตรวจสอบรัฐบาล ควรจะเอานโยบายต่างๆ ตอนที่หาเสียงมากางกันเลย เรื่องนี้เริ่มเมื่อไหร่ เริ่มยังไง แล้วใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์บ้าง มันผิดหรือมันถูกข้อกฎหมายมากน้อยแค่ไหนยังไง เพราะมันมีหลายเรื่องเหลือเกินที่รัฐบาลดำเนินการ อย่างเป็นต้นว่าแม้กระทั่งเรื่องที่เข้าครม.ไปแล้ว กรณีซื้อรถยนต์คันแรกจะได้ภาษีคืน แล้วต้องครองรถไป 5 ปี สมมติว่าเขาผ่อนส่งไม่ได้ จะทำยังไง แล้วเปลี่ยนมือไม่ได้ แล้วรถไปคาอยู่ตรงไหนยังไง มันมีประเด็นรายละเอียดเยอะแยะมากมาย หรือว่าขึ้นเงินเดือน 1.5 หมื่นบาทของปริญญาตรี แล้วคนที่จบปริญญาตรี 5 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึง 5 ปีก่อนหน้านั้น เขาเงินเดือนยังไม่ถึงหมื่นห้าจะปรับให้เขามั๊ย อย่างนี้เป็นต้น เพราะ ฉะนั้นมันองคาพยพใหญ่ทั้งหมดที่นำเสนอแนวนโยบายประชานิยมไม่ใช่ทำง่ายๆ เพราะฉะนั้นมันจะกระทบไปหลายส่วน นี่คือสิ่งที่คิดว่าฝ่ายค้านควรที่จะดำเนินการตรวจสอบมากกว่า
Q : ฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ควรเปลี่ยนบทบาทฝ่ายค้าน ที่มุ่งนำประเด็นการเมือง ปัญหาส่วนตัวมาโจมตี แต่ควรมุ่งเน้นตรวจสอบการทำนโยบายของรัฐบาล
A : ใช่ครับ แล้วประชาชนก็มีส่วนร่วม เพราะเขาจะได้หรือเสียประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลอันนี้ เพราะฉะนั้นจะเป็นเรื่องที่สามารถที่จะทำให้รัฐบาลจะอยู่หรือจะไปอยู่ตรงนี้ เลย ไม่ใช่อดีตนายกฯทักษิณหรอกครับ ผมว่า....ถ้าตีประเด็นให้แตก ตรงนี้จะสำคัญกว่า
Q : “ม็อบล้มรัฐบาล” ยังสามารถใช้ได้อยู่หรือไม่กับสถานการณ์ปัจจุบัน
A : ม็อบ...ถ้า เป็นเรื่องอดีตนายกฯทักษิณ ผมคิดว่าคงจุดม็อบยาก ไม่ง่าย แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ตามนโยบาย อันนี้พอคนที่เป็นมนุษย์คาดหวังว่าจะได้ประโยชน์แล้วบังเอิญไม่ได้ตามที่ผู้ บริหารสัญญาไว้ ตรงนี้ไม่มากก็น้อย เขาต้องเรียกร้องสิทธิ์ของเขา ถือเป็นสิทธิ์ เพราะไปสัญญากันไว้แล้ว ประชานิยมตอนเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเขาหวังตรงนี้ เขาถึงไปเลือก พอทำให้เขาไม่ได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นการจุดชนวนอันหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่พอใจ การเรียกร้องกลุ่มต่างๆเกิดขึ้น
Q : รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภาฯถึง 300 เสียง แต่ถ้าไม่สามารถเอาเอานโยบายที่ประกาศไว้กับประชาชนมาปฏิบัติได้ รัฐบาลก็มีโอกาสจะล้ม เสียงข้างมากก็ไม่มีความหมายอะไร
A : ในอดีตก็เป็นอย่างนั้นมาแล้วนี่ อดีตมีมากกว่า 300 เสียงตอนนี้อีก 377 ด้วยซ้ำไป ก็ยังอยู่ยาก อยู่แค่ 11 เดือนเท่านั้นเอง
Q : บทบาทนายกฯยิ่งลักษณ์ จะต้องเป็นไปในลักษณะใด
A : ต้อง ทำงานอย่างรวดเร็ว ต้องเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินจริงๆ ในแง่ที่ว่าสามารถสั่งการรัฐมนตรีต่างๆไปดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้ ตรงนี้สำคัญรอการพิสูจน์ว่า ท่านสามารถเป็นผู้นำในตรงนี้ได้หรือไม่ ประการที่สอง นายกฯไม่เคยอยู่ในวงการราชการ ซึ่งวงการราชการมีความสลับซับซ้อนในตัวของตัวเองมาก สมัยก่อนถึงกับว่ามีพรรคราชการอยู่อีกพรรคหนึ่งด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นตรงนี้ถ้าท่านรู้จักใช้คน หมายความว่าทีมที่ปรึกษาต่างๆที่จะกลั่นกรองงานเข้าใจในระบบของราชการดี ก็จะทำให้การประสานงานระหว่างฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติสามารถที่จะขับ เคลื่อนไปได้ แต่ถ้าทำตรงนี้ไม่ได้ก็จะเกิดลักษณะของเกียร์ว่าง
Q : ถ้าเปรียบเทียบการทำงานระหว่างคุณทักษิณที่จะรวมอำนาจมาอยู่ที่ตัวเองเพียง คนเดียว ในขณะที่นายกฯยิ่งลักษณ์จะแบ่งงานให้คนอื่นได้รับผิดชอบ จนกระทั่งถูกโจมตี ว่าเป็น “นายกฯคุณหนู”

A : คงไม่หรอกครับ คืออย่างนี้ในทางตำรวจหลังจากมีพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2547 ก็มีการแบ่งอำนาจหน้าที่ค่อนข้างชัดเจน มี “ก.ต.ร.” มี “ก.ต.ช.” แล้วในระดับการบังคับบัญชาต่างๆเป็นไปตามลำดับชั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเป็นห่วงซึ่งขณะนี้ คือเรื่องของการที่จะไปกำกับดูแล อันนี้สำคัญว่าถ้ากำกับดูแลดี ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป คือถ้าตึงเกินไปบางทีเขาจะเรียกว่า “จับแพะ” ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าหย่อนเกินไปในวงการตำรวจก็ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเป็นกลยุทธ์ของการรบริหาร ซึ่งตรงนี้การที่นายกฯมอบให้ท่านรองนายกฯเฉลิม อยู่บำรุง ไปกำกับดูแล ท่านก็กำกับดูแลได้ส่วนหนึ่งในแง่ของก.ต.ร. แต่ในส่วนของก.ต.ช.ท่านนายกฯต้องเป็นประธานเอง เพราะกฎหมายไม่ได้เปิดโอกาสให้มอบอำนาจหน้าที่ให้รองนายกฯมาเป็นประธานได้ ดังนั้นท่านเองต้องดูตรงนี้พอสมควรทีเดียว
Q : ข้ออ้างของการที่รัฐบาลต้องการให้พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ (ดามาพงศ์) มานั่งในตำแหน่งผบ.ตร. คือการปราบปรามยาเสพติด ข้อกล่าวอ้างอย่างนี้ในที่ประชุมก.ต.ช. สามารถยกขึ้นมาใช้ในการพิจารณาตำแหน่งได้หรือไม่
A : ตอนที่ผมอยู่ในก.ต.ช. เวลาพิจารณาตำแหน่งผบ.ตร. เราดูในหลายมิติ 1.ใน เรื่องงานบริหาร 2.เรื่องการปราบปราม 3.เรื่องการเป็นที่ยอมรับของบุคลากร 2 แสนกว่านายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4.อาจจะเป็นเรื่องของอาวุโส หลายๆองค์ประกอบด้วยกัน ในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดก็เป็นส่วนหนึ่งใน 4 หรือ 5 องค์ประกอบอย่างที่ว่า เพราะฉะนั้นการโยกย้ายผบ.ตร.คงต้องดูภาพรวม เพราะตำแหน่งผบ.ตร.นอกจากปราบปรามยาเสพติดแล้วยังมีหน้าที่อื่นๆอีกหลาย หน้าที่ที่จะต้องไปดำเนินการ
Thaiinsider Co., Ltd.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น