แต้มที่ซ่อนคนเหลี่ยมจัด ทวงเงินที่ถูกยึดไปคืนมา

แต้มที่ซ่อนคนเหลี่ยมจัด ทวงเงินที่ถูกยึดไปคืนมา คันหู'ฮ่องกง vs ห้องกรง' ความเป็นจริงที่เจ็บปวด!

เกมการเมืองเวลานี้ที่ "ขั้วอำนาจเหลี่ยมจัด" กำลังเร่งเครื่องเต็มสูบในเวลานี้ ทั้งเรื่อง "โยกย้ายข้าราชการ" โดยเฉพาะ "เก้าอี้ผู้นำหมาต๋า" ที่ต้องการให้ "พี่เมีย" ได้ขึ้นมากุมอำนาจใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อจะคอยสกัดและจัดการกับมวลชนขั้วตรงข้าม...ถ้าคิดแหยม หรือกรณีของ “การขุดฏีกาแดงแรงฤทธิ์” ขึ้นมาขู่ฟ่อดๆ เพื่อให้มีการอภัยโทษให้ "นักโทษเหลี่ยมจัด" อันเป็นการปูทางให้สามารถกลับมาแดนสยามได้อย่างสะดวกโยธิน
แม่แต่การเร่งจุดประเด็นเรื่อง "แก้รัดทำมะนวยฉบับหัวคูณ" โดยอ้างสารพัดเรื่องนั้น ก็เพราะมีเป้าหมาย “บางอย่าง” แฝงอยู่
ทั้งสามอย่างนี้...ที่จำเป็นต้องเร่งเดินหน้า เพราะมีบทเรียนในอดีตมาแล้วว่า การมัวแต่คิด แต่ไม่ทำ...สุดท้าย "ผลลัพธ์" จะได้ไม่คุ้มเสีย!!!
ดังนั้นการชูประเด็นในช่วงหาเสียงว่า "นักโทษคิด โคลนนิ่ง-ลูกสมุน(ต้อง)ทำ" ก็เพื่อส่งสัญญาณถึง "เครือข่าย" ว่า “ต้องทำตามที่ข้าสั่ง...เท่านั้น”
เพราะคนอย่าง "นักโทษเหลี่ยมจัด" นั้น ได้ชื่อว่า "ขี้เหนียว...สุดๆ" การจะควักเงินตัวเองนั้น...ถ้าไม่ได้หน้า หรือไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ รับรองได้ว่า "ไม่มีทาง" แต่ถ้าเป็นเงินหลวง-เงินภาษีประชาชนแล้วละก้อ...ถึงไหน-ถึงกัน
ดังนั้น...เป้าหมายแฝงที่เกริ่นไว้ตอนต้นก็คือ การทวงเงิน 4 หมื่นกว่าล้านบาทที่ถูกยึดไว้...กลับคืนมาอยู่ในกระเป๋าตัวเองและครอบ ครัว...ให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
จึงไม่แปลกที่จะมีการขุดฏีกาแดงแรงฤทธิ์ขึ้นมาในช่วงจังหวะ "เหล็กกำลังร้อน" เพราะเพิ่งได้รับชัยชนะมา  แถมมีการอ้างหน้าตาเฉยว่า การที่ “ศาลแพ่ง” ตัดสินแล้วสัญญาซื้อขายที่ดินรัชดาฯเป็นโมฆะ ก็เลยอ้างว่า "นายใหญ่เหลี่ยมจัด" ก็บริสุทธิ์ ดังนั้นศาลฎีกานักการเมืองก็ต้องนำคดีมาพิจารณาใหม่
พร้อมกันนี้ก็เดินหน้าวางกรอบการทำงาน เพื่อตะลุยแก้รัดทำมะนวยฉบับหัวคูณ ที่มีนัยยะแอบแฝง นั่นคือการมุ่งเน้นไปที่การแก้มาตรา 309
ซึ่งมาตราดังกล่าว ระบุไว้ว่า “บรรดาการใดๆที่ได้รับรองไว้ในรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้”
ถ้าพูดกันภาษาบ้านๆ ก็คือว่า มาตรา 309 นี้...เป็นการนิรโทษกรรมให้คณะนายทหารที่ทำปฏิวัติ (คมช.) และปกป้องการปฏิบัติงานขององค์กรต่างๆ ที่ตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร ซึ่งนั่นหมายรวมถึง “คณะกรรมการปราบทุจริต” (ป.ป.ช.) “คณะกรรมการปราบโกง” (คตส.) และ “ศาลรัดทำมะนวย” ด้วย
ซึ่งองค์กรต่างๆ ที่ว่านี้คือ “หอกข้างแคร่” ที่ทิ่มแทงหัวใจ “นักโทษเหลี่ยมจัด” และพวกพ้องมาโดยตลอด 5 ปีเศษที่ผ่านมา...ซึ่งหากสามารถเดินหน้าแก้ในมาตรานี้ได้สำเร็จ เท่ากับว่า “องค์กรต่างๆ เหล่านี้” จะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย...นั่นหมายความว่า “แต้มที่ซ่อนไว้” ก็คือ “เรื่องเงิน” จะถูกหยิบยกขึ้นมา...“ทวงคืน”...โดยทันที
เพราะถ้าสามารถทำให้ “องค์กรต่างๆ เหล่านี้” ไม่มีจริงหรือเสมือนไม่เคยมี...ความผิดทั้งหลายทั้งปวงที่โดนกระทำ ก็จะไม่มีเช่นกัน ดังนั้นข้ออ้างเรื่อง “ยึดทรัพย์ไม่ได้” ก็จะถูกขุดมาเล่นแบบเต็มแพ็คเกจ โดยมี “มวลชนแดงแรงฤทธิ์” ที่ถูกป้อนข้อมูลใส่โปรแกรมสมอง...ก็จะออกมาตีฆ้องร้องป่าว...ช่วยกันใน ทันที
ที่ผ่านมา...น้อยครั้งมากที่ “นักโทษเหลี่ยมจัด” จะพูดถึง “เรื่องเงิน” เพราะรู้ดีว่า ถ้าปล่อยของ-ปล่อยปมนี้ออกมา จะถูกแรงต้านจากหลายฝ่าย-หลายขั้ว ที่มองแบบตรรกะธรรมดาว่า “ขายก๋วยเตี๋ยว...ยังเสียภาษี แล้วทำไมขายหุ้น...ไม่ต้องเสียภาษี” ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวที่แตกต่างกับคดีซื้อขายที่ดิน...ที่ “เมียซื้อ-ผัวเซ็นค้ำ” แล้วผิดกัน...แบบลิบลับ
และปมปัญหานี้ “นักโทษเหลี่ยมจัด” ที่ชอบเล่นกับกระแสอารมณ์คน ก็รู้ดีว่า เปิดไปเร็วเมื่อไหร่ เผลอๆ แผนที่คิดไว้อาจเหลวไม่เป็นท่าก็ได้ จึงพยายามไม่พูดถึง
แต่เพราะ “คนใกล้ตัว-คนใกล้ชิด” ต่างหาก...ที่พอมีอำนาจแล้วก็เหลิง...เที่ยวป่าวประกาศไปในวงเพื่อนฝูงที่ใกล้ชิด...ทำให้ “แต้มที่ซ่อนไว้” หลุดมาเข้าถึง “ไต่กอ” อีกจนได้...(อีกแล้ว...555)
ส่วนกรณีการติดคุก...จะเห็นว่า “นักโทษเหลี่ยมจัด” เฉยๆ เอาม๊ากมาก เพราะไม่มีทางเด็ดขาดที่จะกลับมาเข้าอยู่ “ห้องกรง” ดังนั้นการเร่งรัดเรื่องฏีกาแดงที่ค้างเติ่งไว้ 2 ปี จึงจำเป็นต้องหยิบขึ้นมา รวมถึงกรณี “การอ้างคำพิพากษาของศาลแพ่ง เพื่อหวังรื้อคดีในศาลฎีกาฯให้พิจารณาใหม่” ก็เลยถูกงัดขึ้นมา

เพราะไม่ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร “ตัวเอง...ก็มีแต่ได้กับได้”แต่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า “ตัวเขา” สามารถท้าทายได้กับ “ทุกอำนาจ” ในแดนสยามเมือง(เคย)ยิ้มแห่งนี้
ไม่ต้องดูอื่นไกล...การจงใจแต่งตั้ง “โจกแดง” ที่มี่คดีความติดตัว ทั้งคดีก่อการร้าย-หมิ่นเบื้องสูง และรอการพิสูจน์อยู่ โดยปล่อยให้เข้าไปมี “ตำแหน่งทางการเมือง” หรืออย่างการรีบเร่งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงต่างๆ โดยนำ “คนที่เคยรับใช้ตัวเอง” หรือ “ยอมสวามิภักดิ์” ให้ก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่ มีตำแหน่งที่จะคอยทำงานตามที่สั่งได้...ก็เช่นกัน
ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดว่า “ใครยอมทำงานให้-ใครถวายกายให้” กับ “ขั้วอำนาจเหลี่ยมจัด” เมื่อถึงเวลามีอำนาจ ก็ต้อง “ได้รางวัลตอบแทน” ทั้งเงิน-ทั้งอำนาจ-ทั้งตำแหน่งต่างๆ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ “ขั้วอำมาตย์” ที่ “ใครจะทำงานให้” ก็ต้องยอมรับสภาพ “ทำฟรี-ได้แต่หน้าอย่างเดียว”
พูดถึงเรื่องนี้ ก็อดออกอาการ “คันหู”  ไม่ได้ว่า เพราะเวลานี้มีการเปรียบเปรยแบบเจ็บแสบไว้ว่า ใครทำงานให้เหลี่ยม...ได้ไป “ฮ่องกง” ช็อปปิ้ง-จิบไวน์ ฯลฯ ส่วนใครทำงานให้อำมาตย์...ได้ไป “ห้องกรง” นอนตบยุงอย่างเจ็บปวด...555
ทีนี้รู้กันหรือยัง...ตาสว่างกันหรือยัง...ว่าทำไม “ขั้วอำมาตย์” ถึงสู้ “ขั้วเหลี่ยมจัด” ไม่ได้สักที...เพราะยังยึดติดอยู่กับ “ความคิดเดิมๆ” นั่นเอง แต่โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไปมาก “ความภักดี...อย่างเดียว” ไม่ได้ทำให้ “ชีวิต-ครอบครัว” มีสุขเลย
ตื่นเสียที...ถึงเวลา “ปรับความคิด” เพื่อเตรียมสู้กับ “สงครามนอกรูปแบบ-สงครามโลกไฮเทค” กันได้แล้ว พวกโลว์เทคทั้งหลาย “ปล่อยวาง” กันเสียที
เอาอีกแล้ว “คันหู” อีกแย้ว...“คันหู ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เอาสำลีมาปั่นก็ไม่หาย คันจริง มันคันอยู่ข้างใน คันหูทีไร ขนลุกทุกที”...555
....................................
คอลัมน์ “ซุบซิบไทยอินไซเดอร์”
โดย “ไต่กอ”