จากเจ้าพระยาถึงฝั่งโขง
วันที่ 17 สิงหาคม คณะอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ของนักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งมีนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เป็นประธาน และกรรมการ ประกอบด้วย นพ.วิชัย นางบัญญัติ ทัศนียะเวช อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ รศ.ดร.ดรุณี หิรัญรักษ์ อดีตคณบดีคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ศ.พิเศษ สิทธิโชค ศรีเจริญ รองประธานสภาหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ จากทีดีอาร์ไอ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าผลการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ณ อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน
นพ.วิชัย กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้วางหลักในการตรวจสอบข้อเท็จจริงไว้ 3 ข้อ คือ 1.พยายามทำเพื่อประเทศชาติผลประโยชน์ของประชาชน และสื่อมวลชน 2.พยายามทำสิ่งที่เป็นพันธกิจของนักหนังสือพิมพ์ คือ ทำความจริงให้ปรากฎ และ 3.ในการพิจารรณข้อจริง คำให้การ และข้อสรุป จะยึดหลักฐานและหลักวิชาการ โดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
“การ ตรวจสอบ มีการเชิญผู้มีชื่อถูกพาดพิงทั้งหมดมาให้ถ้อยคำ 4 ท่าน อีก 3 ท่านไม่มา และตรวจสอบการนำเสนอข่าวและสิ่งที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับ โดยกำหนดช่วงต้นเดือนมิถุนายน- 3 กรกฎาคม 2554 นำมาศึกษาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ พร้อมขอความร่วมมือจากสื่อที่ถูกพาดพิง หลังจากทราบว่า มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในองค์กรของตนแล้ว มีการขอข้อมูลทั้งหมด มาประกอบการพิจารณา”
สำหรับผลการตรวจสอบที่สำคัญๆ นั้น นพ.วิชัย กล่าวว่า จากพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้จากการตรวจสอบ คณะอนุกรรมการฯ มีข้อสรุปว่า
1.อี เมล์ที่เป็นปัญหานน่าจะส่งมาโดยบัญชี (accout) และรหัสผ่าน (password) ของนายวิม (รุ่งวัฒนะจินดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และเชื่อได้ว่า นายวิม น่าจะเป็นผู้เขียนข้อความในอีเมล์ฉบับดังกล่าวเอง ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการ
2. ในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยน่าจะมี “การบริหารจัดการสื่อมวลชน” ทั้งในระดับองค์กร และระดับบุคคลอย่างเป็นระบบ) เช่น มีการเลือกลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์บางฉบับ มีการประสานประเด็นข่าวกับผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ในระดับต่างๆ ตลอดจนน่าจะมีการจัดส่งภาพของตนไปลงตีพิมพ์ เป็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ที่มีความสัมพันธ์ด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า พรรคเพื่อไทยอาจมีการ “ดูแล” ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนที่ทำข่าวของพรรคบางรายด้วย
3. หนังสือพิมพ์บางฉบับที่ถูกพาดพิง ได้นำเสนอข่าวในช่วงเลือกตั้ง โดยมีความเอนเอียงในทางที่เป็นประโยชน์แก่พรรคเพื่อไทยอย่างค่อนข้างเป็น ระบบ ทั้งการพาดหัวข่าว การเลือกภาพที่นำมาลง การบรรยายประกอบภาพ และนำเสนอข่าวและบทความต่างๆ ที่มีเนื้อหาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
4.อนุกรรมการฯ ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า มีการให้สินบนผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ตามเนื้อหาอีเมล์ดังกล่าวจริง หรือไม่ แต่เมื่อได้ตรวจสอบบทความที่ผู้ถูกพาดพิงแต่ละคนนำเสนอผ่านหนังสือพิมพ์ต้น สังกัดแล้ว เชื่อว่า ผู้ถูกพาดพิงส่วนใหญ่น่าจะไม่ได้มีพฤติกรรมการรับสินบนตามที่เป็นข่าว แม้จะมีข้อสงสัยต่อท่าทีของผู้ถูกพาดพิงบางรายว่า เหตุใดจึงมีพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งน่าจะขัดต่อวิสัยปรกติของบุคคลทั่วไปในสถานการณ์ดังกล่าว
นพ.วิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า
จากการศึกษาวิเคราะห์เนื้อหาข่าว การบรรยายประกอบภาพ พาดหัวข่าว และบทความที่เกี่ยวข้องกับผู้ถูกพาดพิงในอีเมล์ พบว่า มีหนังสือพิมพ์ 2-3 ฉบับมีความเอนเอียงอย่างชัดเจน เช่น ลงข่าว ภาพ ในทางที่เป็นบวก ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างชัดเจน เราไม่เชื่อคำพูด แต่ทั้งหมดจากหลักฐาน ดูจากสื่อที่ปรากฏ ส่วนกรณีผลสอบระบุว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะมีการบริหารจัดการสื่อมวลชนว่า คำนี้ มีนัยและมีความหมายพิเศษ ตีความได้หลากหลาย ซึ่งจากการผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะอนุกรรมการฯ ก็มีข้อเสนอแนะต่อสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ในฐานะองค์กรกำกับดูแลจริยธรรม 5 ข้อ ด้วย
ขณะที่นายสุนทร จันทร์รังสี รองประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ผลการสอบอีเมล์อื้อฉาวนั้น ยอมรับมีจริง และมีการบริหารจัดการสื่อมวลชนของพรรคเพื่อไทยจริง ซึ่งรายงานผลสอบชุดนี้จะเป็นมาตรฐานทำให้นักหนังสือพิมพ์ที่ดี รักษาระยะห่างของสื่อกับแหล่งข่าวได้ด้วย
สำหรับข้อวิพากษ์วิจารณ์ ผลการตรวจสอบจะเป็นมวยล้ม และไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น รองประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า หากได้อ่านผลการศึกษาและพิจารณาจะพบว่า มีสาระพอสมควร
0000
เข้าไปอ่านรายงานผลการสอบสวนฉบับเต็มได้ที่นี่ ( คลิก )
0000
น่าอับอายขายขี้หน้า สื่อมวลชนที่มักอ้างตัวว่าเป็นฐานันดรที่ 4 มีศักดิ์ศรี มีจรรยาบรรณ
เป็นหนังสือฉบับไหนบ้างเข้าไปดูเถอะครับ ไม่รู้จะด่ายังไงถึงจะสาสมความชั่วร้าย
ถ้าอยากเป็นลิ่วล้อนักการเมืองก็บอกไปเลยว่า รับใช้พรรคการเมืองใด
อย่ามาแอบอิงความเป็นสถาบันสื่อมวลชนอีกเลย
สงสารครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนมาคงต้องเอาปี๊บคลุมหัว
แคน ไทเมือง
00000
ผลสอบบางตอน…
เปิดจดหมายลับหมอวิชัย โชควิวัฒน ส่งถึงมาร์ค
วันที่ 18 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน ในฐานะประธานอนุกรรมการเฉพาะเรื่องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการส่งอีเมล์ของ นักการเมืองระบุการให้เงินและผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ซึ่งสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติแต่งตั้งขึ้น ได้สรุปผลสอบสวนไม่พบการกระทำผิด แต่กลับกล่าวหาการเสนอข่าวและภาพของข่าวสดและมติชนว่าเอนเอียงเข้าข้าพรรค เพื่อไทยนั้น จากพยานหลักฐานพบความสัมพันธ์ของนายแพทย์วิชัยที่น่าสนใจบางประการ
โดยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เคยทำจดหมายส่วนตัวทำถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 กันยายน 2552 เสนอให้แต่งตั้ง น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ ที่ปรึกษาระดับ 11 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีใจความดังนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายแพทย์ชูชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งล่าสุดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 91 ศพ โดยปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และกล่าวหาว่านปช. เป็นฝ่ายผิดแทบทุกกรณี ซึ่งจะเห็นได้ว่าในจดหมายที่เขียนโดยนายแพทย์วิชัยนั้น ใช้คำว่า“นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนาน”
โดยนายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน เคยทำจดหมายส่วนตัวทำถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 1 กันยายน 2552 เสนอให้แต่งตั้ง น.พ.ชูชัย ศุภวงศ์ ที่ปรึกษาระดับ 11 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีใจความดังนี้
“กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรีที่รักและนับถือยิ่ง
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ อ่อนแอทั้งวิชาการ การบริหาร และคุณธรรม หากไม่มีการแก้ไขนอกจากจะไม่สามารถเผชิญกับปัญหายากๆ อย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอกสอง และไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบลได้แล้ว โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะเกิดปัญหาการทุจริตซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลรุนแรงและร้ายแรงยิ่ง กว่ากรณีทุจริตยา 1,400 ล้าน
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้จึงต้องการผู้นำ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่ กล้า แข็ง มีความรู้ ความสามารถ บารมีเพียงพอ และเชื่อถือไว้วางใจได้ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ ซึ่งมองไปทั่วแล้ว ผมขอกราบเรียนว่า น่าจะถึง นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ลูกหม้อเก่ากระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 อยู่ที่สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับมาทำหน้าที่นี้
ผมเชื่อมั่นว่า นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนาน ซึ่งท่านชวน หลีกภัย รู้จักและคุ้นเคยดี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา”
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้ อ่อนแอทั้งวิชาการ การบริหาร และคุณธรรม หากไม่มีการแก้ไขนอกจากจะไม่สามารถเผชิญกับปัญหายากๆ อย่างไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอกสอง และไม่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลอย่างนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบลได้แล้ว โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ จะเกิดปัญหาการทุจริตซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลรุนแรงและร้ายแรงยิ่ง กว่ากรณีทุจริตยา 1,400 ล้าน
กระทรวงสาธารณสุขขณะนี้จึงต้องการผู้นำ โดยเฉพาะปลัดกระทรวงที่ กล้า แข็ง มีความรู้ ความสามารถ บารมีเพียงพอ และเชื่อถือไว้วางใจได้ เข้ามากอบกู้สถานการณ์ ซึ่งมองไปทั่วแล้ว ผมขอกราบเรียนว่า น่าจะถึง นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ลูกหม้อเก่ากระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้เป็นข้าราชการพลเรือนระดับ 11 อยู่ที่สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กลับมาทำหน้าที่นี้
ผมเชื่อมั่นว่า นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนาน ซึ่งท่านชวน หลีกภัย รู้จักและคุ้นเคยดี
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายแพทย์ชูชัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งล่าสุดถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 91 ศพ โดยปกป้องรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ และกล่าวหาว่านปช. เป็นฝ่ายผิดแทบทุกกรณี ซึ่งจะเห็นได้ว่าในจดหมายที่เขียนโดยนายแพทย์วิชัยนั้น ใช้คำว่า“นายแพทย์ชูชัย มีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติต่างๆเหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้อย่างยิ่ง ข้อสำคัญยังเป็นผู้ที่ทุ่มเททำงานให้พรรคประชาธิปัตย์มาอย่างยืนหยัดยาวนาน”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น