พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาลเมานต์เออเบิร์น (Mount Auburn) ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่า โรงพยาบาลเคมบริดจ์ (Cambridge Hospital) ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
เมื่อเวลา ๐๘.๔๕ น. ของวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๗๐ ตรงกับปีเถาะ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงเล่าถึง การตั้งพระนามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ในหนังสือ "เจ้านายเล็ก ๆ ยุวกษัตริย์" ว่า
"หลังจากที่พระโอรสประสูติได้ไม่ถึง ๓ ชั่วโมง ทูลหม่อมฯ" ทรงรีบส่งโทรเลขถวายสมเด็จพระพันวัสสาฯ ว่า
"ลูกชายเกิดเช้าวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลขด้วย"
สมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จฯ ไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗
พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามว่า "ภูมิพลอดุลเดช"
เมื่อทางรัฐบาลสยาม ได้กราบบังคมทูลเชิญพระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ตามกฏมณเฆียรบาล
“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
คือปฐมบรมราชโองการเมื่อครั้งทรงครองราชย์
ประหนึ่งเหมือนคำมั่นที่ทรงให้สัญญากับชาวสยาม
จนเมื่อครั้งพระองค์จะเสด็จออกจากประเทศสยามเพื่อทรงศึกษาต่อ
ประชาชนที่รู้ข่าวต่างไปรอเฝ้าส่งเสด็จ
ในใจปวงราษฏร์นั้น โหยหาพระองค์เป็นยิ่งนัก
ด้วยเพราะสถานในตอนนั้น ประชาชนเหมือนไร้ที่พึ่ง
พระองค์ทรงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและกำลังใจ
ในขณะที่พระที่นั่งได้เคลื่อนออกไป
ได้มีประชาชนคนหนึ่งตะโกนออกไปว่า
“อย่าทิ้งประชาชน”
พระองค์ทรงนึกขึ้นในพระหทัยว่า
อยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า
“หากประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะละทิ้งอย่างไรได้”
แต่รถก็ได้แล่นออกไปไกลแล้ว
นับจากวันนั้น จนถึงวันนี้
พระองค์ทรงรักษาสัญญา
ทรงงานด้วยความปรีชาสามารถ
และตรากตรำพระวรกายของพระองค์
เพื่อรักษา “สัญญา” ที่พระองค์ทรงให้ไว้กับประชาชน
จากเด็กชายเล็กๆ ต้องมาแบกรักพระราชภาระที่หนักอึ้งและยิ่งใหญ่
พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่าเอนกอนันต์พื่อประชาชนชาวสยาม
มิเพียงแต่ชาวสยามเท่านั้นที่แซ่ซ้องพระเกียรติคุณของพระองค์
ทั่วโลกต่างสดุดี ด้วยศรัทธา “กษัตร์ย์” แห่งสยาม
พระองค์ทรงดำรงและตั้งตนอยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างบริสุทธิ์
พระองค์ทรงดำรงอยู่ภายใต้กฏหมายเฉกเช่นชาวสยามทั่วไป
พระองค์ทรงทำหน้าที่ “ลูก”ของแม่ให้พสกนิกรได้เดินรอยตาม
พระองค์ทรงทำหน้าที่ “พ่อ”ของลูกให้ชาวสยามได้ยึดเป็นแบบอย่าง
และ
พระองค์ทรงทำหน้าที่ “พ่อแห่งแผ่นดิน”
ให้กับประชาชนชาวสยาม ได้อย่างจะหาผู้ใดเสมอเหมือนอีกแล้ว
พระองค์ทรงไร้ข้อกังขาที่จะให้ประชาชนรักพระองค์
รักเสมือน “พ่อ” รักด้วยใจพิสุทธิ์
เหมือนที่พระองค์ทรงรักประชาชนเสมือน “ลูก”
สมดั่งพระนามที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เคยมีรับสั่งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงความหมายของพระนาม "ภูมิพล" ไว้ว่า
"อันที่จริงเธอก็ชื่อภูมิพล ที่แปลว่า กำลังของแผ่นดิน แม่อยากให้เธออยู่กับดิน"
ประมุขแห่งแผ่นดินเป็นได้ไม่ยาก
แต่ประมุขที่ทั่วโลกศรัทธาเป็นยาก
ต้องมี วาสนา บารมีและคุณงามความดี
ที่สำคัญ คือต้องมี เลือดขัตติยา
65 ปี ที่”พ่อ” ทรงทำเพื่อ “ประโยชน์สุข” ของลูกๆ
65ปี ที่ “พ่อ” ไม่ทรงละทิ้ง “ลูก”
เพียงแค่ 1 วัน เราจะทำให้ “พ่อ” มีความสุข ไม่ได้หรือ?
ทำความดี อย่าให้คนไม่ดีปกครองบ้านเมือง
เพื่อ”ประโยชน์สุข”แก่ประเทศชาติ
และ “แผ่นดินของพ่อ”
วันนี้ “เรา” เหล่าปวงประชา ซึ่งเป็น “ละอองธุลีพระบาท”
สมควรอย่างยิ่งที่จะ “ให้สัญญา” กับพระองค์
ว่าจะ ”จงรักภักดีราชวงศ์จักรี จนกว่าชีวิตจะหาไม่”
“Defend the KING , Protect the KINGDOM”
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น