บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แย่งกันหาเสียง กับ ‘ประชานิยม’ แต่ลืมเศรษฐกิจพอเพียง


เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ว่า “ประชานิยม” หรือ “populist policy” ซึ่งเป็นคำน่ากลัวและอันตรายในหลายๆ แห่งของโลก

  ที่ถูกนักการเมืองนำมาเป็นประเด็นหาเสียง ของพรรคการเมืองในไทยได้อย่างหน้าตาเฉย
 เป็น “ความเพี้ยน” ของประเทศไทย ที่ต้องคอยดูว่าหนังเรื่องนี้ “พระเอกจะตายตอนจบ” อย่างไร
 อีกทั้งพรรคใหญ่สองพรรคต่างก็แข่งกันใช้ความเป็น “ประชานิยม” (แม้จะเรียกต่างกัน) จนไม่มีใครที่ทำงานการเมืองเรื่องเลือกตั้งกล้าหาเสียงด้วยการบอกกล่าวความจริงกับประชาชนว่า “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ฟรี”
 และเราจะไม่มีทางเห็นนักเลือกตั้งกล้าบอกกับชาวบ้านว่าการยื่นอะไรต่อมิอะไรให้ ดูเหมือนฟรีและง่ายๆ นั้น ความจริงคือการสร้าง “การเสพติด” ที่จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่
 และจะเป็นการสร้าง “วัฒนธรรมแห่งการพึ่งพา” ที่ประชาชนจะต้องคอยแบมือขอนักการเมือง
 การที่นักการเมืองแย่งกันเสนอ “ของฟรี” ให้แก่ชาวบ้าน และหลีกเลี่ยงการที่จะเสนอทางออกให้ประชาชนต้องสร้างความแข็งแกร่งบนพื้นฐาน ของการเรียนรู้การบริหารจัดการด้วยตนเองนั้น คือ การทำลายความเข้มแข็งระดับรากหญ้าอย่างเห็นได้ชัด
 คุณเห็นพรรคการเมืองไหนหาเสียงด้วยนโยบาย “เศรษฐกิจพอเพียง” หรือไม่?
 คุณเห็นนักเลือกตั้งคนไหนกล้าบอกให้ชาวบ้านพึ่งพาตนเอง และสร้างอำนาจต่อรองของตนมากขึ้น แทนที่จะหวังได้รับของแจกของแถมจากนักการเมืองหรือไม่?
 คำตอบคือไม่มี และตราบเท่าที่นักการเมืองของไทยคือนักเลือกตั้ง นี่จะเป็นแนวโน้มต่อไป
 และคำว่า “ประชานิยม” ก็จะกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนแสวงหา แทนที่จะเป็นนโยบายที่ควรจะต้องถูกวิเคราะห์ วิพากษ์และตรวจสอบอย่างที่หลายๆ ประเทศในโลกเจอผลร้ายของมันมาแล้ว
  วันก่อน คุณเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโสสายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า นโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองขณะนี้ที่เป็น “ประชานิยม” จะส่งผลให้ประชาชนคาดหวังและส่งผลต่อเงินเฟ้อในอนาคต และการใช้จ่ายของรัฐบาลได้
 ขณะเดียวกัน เขาก็คาดว่าการเลือกตั้งของคนไทยเพิ่มขึ้นมากนัก เพราะในช่วงที่ผ่านมา การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในอัตราที่สูงอยู่แล้ว
 ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่ารายได้เกษตรกรที่ขยายตัวสูงมาก โดยในเดือนนี้ขยายมากถึง 62.9% และรายได้จากการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากค่าจ้างที่ดีขึ้น รวมถึงชั่วโมงการทำงานของแรงงานเพิ่มมากขึ้นด้วย
 คุณเมธี บอกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย กังวลถึงอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะว่าในขณะนี้การส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้ายังไม่สิ้นสุด ทำให้โอกาสที่สินค้าจะแพงขึ้นอีกหลายรายการ
 ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าคนที่อาสามาบริหารประเทศ มิอาจแยกออกระหว่างการสร้างความแข็งแกร่งของชุมชนกับสิ่งที่เรียกว่า “สวัสดิการ” สำหรับผู้ด้อยโอกาส
 เมื่อเขาเห็นว่าชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของการเลือกตั้งอยู่บนพื้นฐานของ “หนึ่งคนหนึ่งเสียง” วิธีการทำงานของพวกเขา ก็คือ การสร้างความนิยมด้วยการยื่นข้าวของให้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องอ่าน
 ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่ยอมทำอะไรจริงจังเกี่ยวกับการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน คนเมืองกับคนชนบท อย่างเป็นกิจจะลักษณะ
 เพราะไม่ว่านักการเมืองที่ได้อำนาจทางการเมืองมา จะเสนออะไรให้แก่คนชนบท ก็ไม่มีวันที่จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคมได้ ตราบที่ยังขาดความกล้าหาญที่จะทำให้คนร่ำรวยต้องเสียสละมากกว่านี้
 และสร้างอำนาจต่อรองของคนด้อยโอกาส ด้วยการกระจายอำนาจการตัดสินใจอย่างแท้จริง มิใช่ทำสิ่งที่มักง่าย แต่ไม่ยอมให้โอกาสสร้างกลไกสังคมที่จะยกระดับของตนให้ เพื่อลดช่องว่างของสังคมอย่างจริงจัง



กาแฟดำ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง