บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์' เปิดโปง 5ขุมทรัพย์นักการเมือง


ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ จัดเสวนาในหัวข้อเรื่อง “ขุมทรัพย์นักการเมือง” เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2554 โดยเชิญ 3 วิทยากร โดยได้นำเสนอ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช และ นวลน้อย ตรีรัตน์ ไปแล้ว สัปดาห์นี้จะขอนำเสนอบทอภิปรายของ ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย 
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (Thailand Information Center for Civil Rights and Investigative Journalism: TCIJ) ร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาในหัวข้อเรื่อง “ขุมทรัพย์นักการเมือง” โดยเชิญ 3 วิทยากร ได้แก่ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตกรรมการปฏิรูปประเทศ, ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยทั้งสามได้ร่วมกันฉายภาพแหล่งขุมทรัพย์ทางการเมืองที่สำคัญ โดยไล่เรียงทั้งในเชิงประวัติศาสตร์จนถึงโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ ของประเทศ
 
ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) สรุปสาระสำคัญมานำเสนอดังนี้ 
 
ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ 
 
“คำถามหนึ่งที่มีคนถามว่า คอร์รัปชั่นมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ใต้โต๊ะก็สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกนักธุรกิจก็พูดกันว่าสูงถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ทำไมไม่มีพรรคการเมืองไหนชูนโยบายปราบคอร์รัปชั่นเลย ทุกพรรคตอบว่ามีหมด แต่ไม่ตอบว่าทำไมไม่ชูขึ้นมาหรือเลี่ยงที่จะตอบ
 
“หัวข้อ ‘ขุมทรัพย์นักการเมือง’ ผมอยากจะเข้าเรื่องเลยจากประสบการณ์และการรวบรวมข้อมูล ผมอยากจะแบ่งขุมทรัพย์นักการเมืองออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ
 
“ประเภทแรกคือตลาดหุ้น เป็นรายได้หลักของนักการเมืองในยุคหนึ่งจนถึงยุคปัจจุบันอาจจะซาๆ ลงไปหรือไม่เห็นหลักฐาน ราวๆ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วคือธนาคาร กลุ่มที่เกี่ยวพันกับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการหรือบีบีซีมีการปั่นหุ้นขึ้น ตอนนั้นบีบีซีปล่อยกู้ให้นักการเมืองกลุ่ม 16 และนักธุรกิจต่างประเทศไปซื้อหุ้นบริษัท ก. เหมือนเอาเงินบีบีซีมาซื้อ เสร็จแล้วก็เอามาใส่ตะกร้าล้างน้ำประมาณ 1 ปี หุ้นก็ขึ้นไปหุ้นละ 2 บาท 3 บาท แล้วก็ขายทิ้งโดยให้อีกกลุ่มหนึ่งมาซื้อ กลุ่มนี้ก็ใช้เงินกู้ของบีบีซีเหมือนกัน เขาจะได้ส่วนต่างประมาณ 3-4 บาท จากหุ้น 300 ล้านหุ้น เป็นการปั่นหุ้นแบบง่ายๆ
 
“แล้วก็มีการใช้ข้อมูลภายใน มีอดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ รัฐมนตรีศึกษา ก็คนเดียวกัน ในสมัยรัฐบาลทักษิณเคยใช้ข้อมูลภายใน ก็ถูกจับได้ ถูก ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ปรับไป 61 ล้าน เรื่องนี้ออกมาก่อนถูกตั้งเป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ไม่กี่วัน แต่ก็ตั้งครับ เพราะตอนนั้นตั้งเสาไฟฟ้าก็ได้
 
“ถัดมาสมัยทักษิณ 2 ก็จะเห็นกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งร่ำรวยจากหุ้นบริษัทปิกนิค ไม่ใช่หุ้นอย่างเดียวนะครับ ต่อมามีการพัฒนาที่เรียกว่าหุ้นกู้แปลงสภาพหรือวอร์แรนท์ เทคนิคที่จะหากินคือการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน ถ้าใครซื้อหุ้นเพิ่มทุน หุ้นสามัญ เขาก็จะแถมวอร์แรนท์หนึ่ง หุ้นแปลงสภาพพวกนี้ราคาจะขึ้นกับหุ้นสามัญเพราะเมื่อถึงเวลาหนึ่งคุณสามารถ เอาหุ้นกู้แปลงสภาพไปซื้อหุ้นสามัญได้ สมมติว่าขณะนั้นคุณซื้อมา 15 บาท แต่หุ้นสามัญ 20 บาท คุณก็ได้กำไร 5 บาท ก็ปั่นหุ้นสามัญขึ้นไปก่อน กลุ่มนี้ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ได้หุ้นวอร์แรนท์ไปจำนวนมาก ปรากฏว่าช่วง 3 เดือนเขาขายวอร์แรนท์ไปได้ประมาณ 1,000 ล้าน แล้วก็มีคนคนหนึ่งที่ได้กำไรมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ มีข่าวว่าซื้อตำแหน่งมาในราคา 600 ล้านบาท แต่รัฐมนตรีคนนี้อยู่สักพักก็ไป ตอนนี้ก็โดนคดีและหนีอยู่
 
“พูดถึงหุ้นและการใช้ข้อมูลภายใน ผมว่าหุ้นชินก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าเราไปดูตารางหุ้นชิน การใช้คนรับใช้ถือ หมายถึงไม่มีใครรู้ว่าเป็นคนรับใช้ในครอบครัวชินวัตรนะครับ จะซื้อหุ้น ขายหุ้น กี่รอบก็ตาม อย่าให้พ้นข้อกำหนดคือ 5 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่มีใครรู้หรอก แต่ ก.ล.ต. ก็บอกว่าตอนนั้นเล่นงานไม่ได้ เนื่องจากตอนนั้นบริษัทหลักทรัพย์ถูกปิดไปแล้ว 10 ปี หลักฐานหายหมดแล้ว
 
“อีกวิธีหนึ่งคือฉ้อโกงบริษัท เคสปิกนิกโดนทั้งสองกรณีคือกำไรจากวอร์แรนท์ด้วย กำไรจากการฉ้อโกงบริษัทด้วย คือสร้างถังแก๊ซปลอมขึ้นมา มีการจ้างบริษัทถังแก๊ซ 2,000 ล้านบาท ผมมานั่งนับ ถังละ 500 ต้อง 6-7 ล้านถัง ผมไปนั่งตรวจบริษัทถังในประเทศไทย มันผลิตไม่ได้ภายใน 6 เดือน-1 ปี ไปดูบริษัทที่เขาจ้างก็เป็นโรงงานเล็กๆ อยู่แถวบางชัน วิธีส่งมอบไม่มีการตรวจถังนะครับ จึงทำให้บริษัทเขาโตมาก ภายในสองสามปีโตจาก 4,000 ล้าน เป็น 12,000 ล้าน โตจากเงินกู้ครับ เขาเอาพวกถังปลอมนี่มาค้ำประกันแล้วเอาเงินออกมา
 
“วิธีต่อมาคือการใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ทำให้ราคาหุ้นสูง อันนี้คงชัดเจนจากการศึกษาคำพิพากษาศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีคุณทักษิณ แม้ว่านักกฎหมายบางท่านจะเห็นว่ามันไม่ถึงขนาดจะลงโทษยึดทรัพย์ได้ แต่เมื่อเราศึกษาดูอย่างไม่มีอคติ เราจะเห็นว่ามีร่องรอยอยู่ เงินกู้พม่า ลูกชายหรือคนในบริษัท มีความเกี่ยวข้องตรงไหนถึงต้องเดินทางไปด้วย เรื่องตลาดหุ้น ถ้าเราไปดูในรายละเอียดจะเห็นว่าครอบครัวชินวัตรบางคนก็เข้าเร็ว ออกเร็วในหุ้นบางตัว แม้ว่าจะจับไม่ได้ในแง่ของกฎหมายหลักทรัพย์ แต่จะเห็นร่อยรอยอะไรบางอย่าง
 
“ที่บอกว่าตลาดเงิน ตลาดทุนมันเป็นเทรนด์ใหม่ แล้วถ้าใครยึดได้นี่ก็จะเป็นแหล่งทุนที่สำคัญมาก สองสามวันนี้เห็นข่าวมั้ยครับ บริษัทอะไรสักอย่างทำธุรกิจขนส่ง ปรากฏว่ามีนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งเทคโอเว่อร์ จนหุ้นส่วนใหญ่ออกมาโวยวาย ข้อเท็จจริงยังไงไม่รู้นะครับเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาฟ้องผม แต่เขาแถลงว่าถ้าเทคโอเว่อร์ได้จะให้คุณวิจิตร สุพินิจ ซึ่งเป็นประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาเป็นประธานบริษัท ตลกมั้ย
 
“แล้วจริงๆ ถ้าดูตรงนี้ ย้อนกลับไปสมัยรัฐบาลคุณสมัคร สุนทรเวช มีรัฐมนตรีคลังชื่อสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ช่วงนั้นกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยและกฎหมายกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์มีการปรับโครงสร้างของกรรมการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และโครงสร้างของ ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทยเดิม ประธานคือผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็เปลี่ยนเป็นคนนอกผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน ส่วน ก.ล.ต. ก็เป็นคนนอกเช่นเดียวกัน ปรากฏว่ากระบวนการสรรหาเหล่านี้ รัฐมนตรีคลังเป็นคนตั้งกรรมการสรรหาก็ตั้ง 2 ชุด ปรากฏว่า 2 ชุดนี้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน แล้วก็สรรหาไขว้กันไปมากันเอง พอดีมีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการฯ ก็ชี้ว่าการสรรหาไม่ชอบ มีการยกเลิก แล้วก็ถวายฎีกากันวุ่นวายไปหมด หมอเลี้ยบก็ถูก ป.ป.ช. สอบเรื่องการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องอยู่ระหว่างอัยการ อัยการก็เห็นว่าพอที่จะฟ้องได้อยู่ อย่างไรก็ตามควรจะสอบเพิ่มสองสามประเด็น จะเห็นว่ากระบวนการนี้ไม่ถูกเบรกซะก็จะมีคนกลุ่มเดียวคุมทั้งตลาดเงินและ ตลาดทุน
 
“ขุมทรัพย์ประเภทที่ 2 คือสัมปทาน อาจารย์ชัยอนันต์ก็พูดไปแล้ว สัมปทานที่เป็นกอบเป็นกำคือสัมปทานสื่อสารมีมาตั้งแต่ปี 2533-2534 สมัยรัฐบาลน้าชาติ-พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ จะเห็นว่ามีโครงการโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาจนถึงคุณทักษิณซึ่งชัดเจนที่รวยจากสัมปทาน แต่รวยจากอะไรต้องไปดูนะครับ ตอนนั้นโทรศัพท์เครื่องละเป็นแสน ต่างประเทศเครื่องถูก กระบวนการที่ไม่มีคนชำแหละได้ชัดเจนคือกระบวนการขายเครื่องโทรศัพท์ที่มีการ ผูกขาด ไม่เคยมีคนสามารถชำแหละกระบวนการการขายเครื่องโทรศัพท์ได้ คุณเอาเข้ามาเท่าไหร่ คุณผูกขาดขายเครื่องหลายหมื่นบาทเลย แต่จริงๆ ต้นทุนต่างประเทศถูกมาก
“ปัจจุบันก็มีสัมปทานรถไฟฟ้า จัดซื้อจัดจ้าง สองหมื่นกว่าล้านที่แอร์พอร์ตเรลลิงค์ แต่คุณภาพการก่อสร้างแย่มาก ก็รวยกันไป แล้วก็ยังมีสัมปทานอีกอันหนึ่งที่ในอนาคตหลังจาก กสทช. เกิดก็คือสัมปทานทีวีต่างๆ ก็ต้องรอดูกันไป
“ประเภทต่อมาครับ งบประมาณแผ่นดิน มีรายละเอียดย่อยลงไปอีก แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่โบราณที่สุดแต่ก็ยังเป็นขุมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดคือการ จัดซื้อ จัดจ้าง เรามีงบลงทุนประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ตกประมาณ 5 แสนล้าน ถ้ารั่วไหลสัก 20 เปอร์เซ็นต์ก็แสนล้าน จะเห็นว่าโครงการต่างๆ ที่ผุดขึ้นมามันมีผลประโยชน์อยู่ พอไม่ได้ก็จะเป็นจะตายเอา การจัดประมูลในท้องถิ่นก็มีขุมทรัพย์กระจายไปสู่หัวคะแนนหรือ ส.ส. ที่มีเครือข่ายกับบริษัทรับเหมา อันที่สองคือส่วนของเงินกู้ที่นำมาลงทุนอันนี้ก็เป็นประเด็นว่า เงินกู้มากๆ ก็มีส่วนที่จะรั่วไหล
 
“แล้วก็พวกโครงการที่ทำให้ราคาพืชผลราคาสูงและโครงการรับจำนำ โครงการรับจำนำเป็นโครงการที่กินได้ตลอดโครงการเลย จะเห็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคบอกว่า ถ้ามาเมื่อไหร่จะล้มโครงการประกันราคาข้าว เพราะโครงการประกันราคาข้าวไม่ได้จับสตางค์นี่ครับ โรงสี พ่อค้า หัวคะแนน ไม่ได้จับสตางค์ แต่รับจำนำได้จับสตางค์อยู่แล้ว แล้วจะกดราคาอะไรก็ตามแต่ สองได้ค่าสต็อก มหาศาลครับ ลองไปดูสิครับว่าปีหนึ่งที่เก็บสต็อกค่าโกดังเท่าไหร่ ตอนขายก็ได้อีกครับ
 
“สุดท้ายในเรื่องงบประมาณแผ่นดินคือเรื่องรัฐวิสาหกิจครับ สมัยก่อนการบินไทยกว่าจะซื้อเครื่องบินลำหนึ่งมีปัญหามากมาย ตอนนี้ผมไม่ทราบว่าเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า ไม่ได้ตาม งบลงทุนก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ อยากจะสร้างนู่น สร้างนี่ตลอดเวลา เดี๋ยวนี้สภาพัฒน์ฯ จะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เลิกไปแล้วครับ ไม่มีแล้ว ไม่มีความหมายแล้ว
 
“แอร์พอร์ตเรลลิงค์ ทางด่วนบางปะกงก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐวิสาหกิจ หรือแม้แต่โครงการประมูลรถที่อาจารย์พูดถึง ผมเข้าใจเองว่าเป็นรถเมล์ 4,000 คัน ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ สุดท้ายก็คือการปล่อยสินเชื่อธนาคาร เป็นแหล่งทุนสำคัญตั้งแต่ยุคคุณตาม ใจ ขำภโต ยุคพันเอกพล เริงประเสริฐวิทย์ แม้แต่เอสเอ็มอีแบงค์ยุคคุณทักษิณ กู้ไปปลูกผักบุ้งยัง 30 ล้านเลยนะครับ ส.ส. คนหนึ่ง เราจะเห็นว่าทุกอย่างทุกเม็ดมีปัญหาหมด
“ขุมทรัพย์ที่ 5 ครับ คือการซื้อขายตำแหน่ง ใครว่าน้อยครับ เยอะนะครับ เมื่อก่อนที่ป่าไม้ชุกชุมนี่ก็หนักใช่มั้ยครับ พอป่าไม้มันเหลือน้อยก็เป็นตำแหน่งอื่นไป ในกระทรวงทรัพย์ก็ยังมีข่าวลือเรื่องตำแหน่ง เรื่องผู้ว่าฯ บ้าง ผู้ว่าฯ บางคนอาจจะไม่ได้จ่ายเงินสดนะครับ อาจเป็นเช็คล่วงหน้า
 
“อีกตัวหนึ่งคืองบภัยพิบัติ จะเห็นว่าทำไมเราชอบประกาศภัยแล้ง ประกาศที่ก็ซื้อแท็งค์น้ำ แล้วซื้อทีก็ตั้งงบทีหนึ่งพันล้าน หัวคิวสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ พันล้านก็หลายร้อยล้าน ภัยหนาวก็ประกาศจัง ซื้อผ้าห่มไปแจกไม่รู้ทำไมผ้าห่มขาดบ่อยเหลือเกิน ประกาศภัยแล้งทีก็แจกแทงค์น้ำ ประกาศภัยหนาวทีก็แจกผ้าห่ม จะมีประจำทุกปี ที่บอกว่าให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นอิสระนั้น ยากครับ เพราะจะประกาศงบแบบนี้ไม่ได้
 
“แล้วทีนี้ทางออกล่ะ ถ้าให้พูดตรงไปตรงมา ทางออกคงไม่มีเพราะทางออกมีเงื่อนไขทั้งสิ้น เช่นถ้าบอกว่าต้องเปิดเผยข้อมูล แล้วอะไรจะทำให้เกิดการเปิดเผยข้อมูล การเปิดเผยข้อมูลดียังไง ผมยอมรับครับว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ให้มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินของรัฐมนตรี ต่อมาฉบับปี 50 พัฒนาเป็น ส.ส. และ ส.ว. ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 40 เป็นต้นมามีรัฐมนตรีที่ไม่ใส่ใจเรื่องนี้หลุดจากตำแหน่งไปหลายคน คุณทักษิณก็เกือบจะหลุด แต่ก็มีคนไปอุ้มไว้ ก็ถือว่าเป็นผลดีไป แต่ว่าตอนนี้เขารู้แล้วครับ ยากมาก ที่จะให้พลาดในเรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สินนั้น มี แต่น้อยมาก ถ้าพวกฉลาดไม่มีทาง
 
“แต่ผมอยากจะพูดอย่างนี้ครับ เวลาเราพูดถึงการซื้อเสียงก็จะมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งมาอธิบายถึงเหตุจำเป็น ว่าการซื้อเสียงไม่ใช่ปัจจัยเดียว อะไรต่างๆ เยอะแยะ เพราะชาวบ้านมีความจำเป็น ถึงจะรับเงินแต่ถ้าไม่ใช่พวกพ้อง ไม่มีสายสัมพันธ์อื่นก็จะไม่ลงคะแนนให้ ก็อธิบายไปต่างๆ เราเห็นการรณรงค์ห้ามให้เงินขอทาน จริงๆ เอ็นจีโอเห็นตรงกันหมดนะครับว่าการให้เงินขอทานเป็นการส่งเสริมให้เขาเอา เด็กมาหลอกเราให้ได้เงิน ชาวบ้านจะรู้หรือไม่ก็ตามว่าการรับสตางค์เป็นตัวส่งเสริม เป็นตัวทำให้วงจรมันเชื่อมมาสู่การเมือง เพราะถ้าระบบการซื้อเสียงเกิดขึ้น เขาก็ต้องไปหาตังค์ ไม่มีใครโง่ควักกระเป๋าตัวเองมาหรอกครับ ถ้าเรายังคงรับสตางค์อยู่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล ด้วยคำอธิบายทางสังคมวิทยาอะไรก็ตามแต่ มันก็เป็นตัวเชื่อมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น และทุกคนไม่เคยโทษตัวเองครับ ไหนๆ เราไม่ค่อยมีโอกาสอยู่แล้ว ให้ก็รับไว้ซะเลย ปีหนึ่งหนหนึ่ง เพราะเราจน ทุกคนจะมีเหตุผลอธิบายเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาได้หมด
 
“ฟากนักธุรกิจ ประกาศอีกแล้วว่าจะจับมือการไม่จ่ายใต้โต๊ะ พอจะลงนามเห็นเงื่อนไขถอยทุกคนเลยนะครับ นี่ก็เป็นตัวส่งเสริมเหมือนกัน แล้วจะโทษใครล่ะครับ ผมคิดว่าเราเสนอวิธีแก้ปัญหายังไงก็ตามแต่ ถ้ายังคิดว่าไม่ใช่ปัญหาที่เรา เป็นปัญหาที่คุณ นักการเมืองเป็นตัวดี ทุกคนรุมชี้ไปที่นักการเมืองว่ามันโกง เราไม่มีทางเลือก ตอนนี้เราไม่มีทางเลือกจริงๆ ครับ เรามี 3 ห. 1 น. 3 ห.คือ ห้อยขมังเวทย์ หล่อเทพประทาน หรือเหลี่ยมนรกแตก หรือโนโหวต เลือกอันไหนเข้าทางทุกฝ่ายหมดครับ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาทางของเราเอง
 
“วิธีแก้อย่างหนึ่งของสังคมไทยคือเพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. กฎหมายฉบับใหม่เพิ่มอำนาจ ป.ป.ช. เข้าไปมหาศาลเลยนะครับ เดิมเจ้าหน้าที่รัฐเวลาพ้นตำแหน่งเกิน 2 ปี ป.ป.ช. สอบไม่ได้นะ แต่ตอนนี้ 5 ปี แล้วถ้าพ้น 5 ปีแล้วปรากฏหลักฐานก็มีมติให้สอบได้อีกนะครับสูงสุด 10 ปี มีอำนาจในการสั่งให้หน่วยงานเปิดเผยข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งจริงๆ กฎหมายข้อมูลข่าวสารมีอยู่แล้ว แต่ว่าไม่เวิร์คก็เลยออกกฎหมายอีกฉบับหนึ่ง ก็จะดูว่าเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจเยอะๆ แบบนี้แล้ว โดยที่ไม่มีฐานข้อมูล ป.ป.ช. ก็เอาแค่บัญชีทรัพย์สินมาแปะไว้ ใครอยากรู้ก็เปิดเอาเองแล้วกัน ก็ไล่ดูกันหน้ามืด ก.ก.ต. ก็เอาเงินบริจาคมาแปะไว้ แทนที่จะเอาข้อมูลมาจัดการให้เป็นระบบ เช่น กดปุ๊บ นาย ก. บริจาคกี่หน เท่าไหร่ ขึ้นมาเลย ถ้ามีการลงทุนด้านนี้จะช่วยประหยัดเวลาขนาดไหน
 
“แต่ผมคิดว่ามันคงแก้ลำบาก เคยเห็นโมเดลเสนอเยอะแยะไปหมด แต่ถ้าไม่เริ่มจากตัวเองผมว่าคงลำบาก เพราะทุกอย่างมันเป็นเงื่อนไขหมด”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง