บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ประกาศแบบนี้ อย่ายุบสภาเลยดีกว่า.....ม้างงงงง!!!




ใน ที่สุดก็ประกาศอย่างเป็นทางการ สำหรับการยุบสภาผู้แทนราษฎร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งได้แถลงไปเมื่อค่ำวานนี้ (9 พ.ค.) เวลา 2 ทุ่มทางสถานีโทรทัศน์ทุกช่อง เป็นเวลากว่า 15 นาที น่าจะถือเป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่เลือกช่วงเวลานี้ เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาไพร์มไทม์ที่มีผู้ชมอยู่หน้าจอมากที่สุด (มีเพื่อนผมกล่าวติดตลกว่า ถ้ารัฐบาลประกาศยุบสภาวันที่ดอกส้มสีทองฉาย ปชป.อาจแพ้เลือกตั้งก็เป็นได้)

การประกาศยุบสภาครั้งนี้ถือว่าได้มี การเตรียมการมาเป็นอย่างดี มีการถ่ายทำเอาไว้ก่อน ไม่ได้เป็นการประกาศอย่างฉุกละหุก ในส่วนของเนื้อหาก็มีลักษณะที่ผ่านการร่างและคิดพิจารณาเป็นอย่างดี ที่น่าตลกก็คือเนื้อหาในคำประกาศยุบสภาตลอด 15 นาทีนั้น เป็นส่วนที่เกี่ยวกับยุบสภาจริงๆ น้อยมาก ขณะที่ส่วนที่เหลือกลับเป็นการเรื่องการพูดถึงผลงานการบริหาร (ในด้านดี) ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ซึ่งบรรยายไว้เป็นดิบดี
จนเกิดความสงสัยว่าถ้าบริหารดีขนาดนี้จะยุบสภาไปทำไป

ปกติ แล้วตามหลักวิชาการ การยุบสภาผู้แทนราษฎรนั้น มักจะใช้ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารคือรัฐบาล กับฝ่ายนิติบัญญัติคือสภาผู้แทนราษฎร โดยถือว่าการยุบสภาเป็นเครื่องมือหนึ่งการถ่วงดุลกับฝ่ายนิติบัญญัติของฝ่าย บริหาร แต่สำหรับประเทศไทยอาจไม่ค่อยเข้าตำรานัก เพราะที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติก็คือพวกเดียวกันตลอด การยุบสภาครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสภากับรัฐบาล แต่เป็นลักษณะของการทำสัญญาตอนรับตำแหน่งของอภิสิทธิ์ที่บอกว่าจะไม่อยู่ครบ เทอมมากกว่า (การประท้วงเรียกร้องให้ยุบสภาของเสื้อแดง ไม่น่าจะส่งผลอะไรต่อการยุบสภามากนัก เพราะถ้ามีผลจริง คงยุบไปนานแล้ว)

พูด ง่ายๆ คือการจะยุบหรือไม่ยุบครั้งนี้ เป็นเรื่องของรัฐบาลล้วนๆ ปัจจัยภายนอกแทบไม่มีผล และเพราะเป็นเรื่องของรัฐบาล การตัดสินใจว่าจะยุบ จึงผ่านการเตรียมการมาเป็นอย่างดี เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือ
การสร้างความได้เปรียบให้รัฐบาล (ปชป.) กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง ไม่เว้นแม้แต่ในเนื้อหาคำประกาศยุบสภาเมื่อค่ำวานนี้ ก็แอบแฝงด้วยการหาเสียงของรัฐบาล หรือพูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ ประชาธิปัตย์

สิ่งหนึ่งที่อภิสิทธิ์เน้นอยู่ตลอดการแถลงก็คือ ปัญหาต่างๆ ในไทยตอนนี้ ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้
"เริ่มต้น" แก้ไปแล้ว ซึ่งก็ได้ผลไปในทิศทางทีดี สิ่งที่รัฐบาลได้ทำลงไปตลอด 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา จะเป็นฐานสำหรับการแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป

การใช้คำว่า
"เราได้เริ่มต้นไปแล้ว" นั้น ถือเป็นการสร้างเครดิตให้รัฐบาลเป็นผู้ริเริ่มแก้ปัญหาต่างๆ ในไทยอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็เป็นการลดเครดิตแนวทางการบริหารของรัฐบาลชุดก่อนหน้าให้เป็น แนวทางที่ไม่ถูกต้องด้วย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มในรัฐบาลในสมัยนี้ ไม่ใช่ก่อนหน้านั้น

การใช้คำว่าเริ่ม ยังหมายถึงว่างานของรัฐบาลยังไม่จบ รัฐบาลชุดต่อไปต้องมาสานต่อ และรัฐบาลที่จะมาสานต่องานเหล่านั้นได้ก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรัฐบาลชุด นี้นี่เอง เพราะหากเป็นฝั่งตรงข้าม ก็อาจเสี่ยงที่ฝั่งนั้นอาจมาเริ่มอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เป็นไปในแนวทางที่รัฐบาลชุดที่แล้ววางฐานไว้

ในช่วงท้ายของคำ ประกาศ ที่อภิสิทธิ์ฝากถึงผู้ที่จะมาเป็นรัฐบาลชุดต่อไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร หรือเรื่องการศึกษานั้น จริงๆ แล้วก็เป็นการกล่าวถึงประชาธิปัตย์ทั้งนั้น โดยเฉพาะการเน้นความสำคัญของการศึกษา ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของประชาธิปัตย์เลยก็ว่าได้ การพูดของอภิสิทธิ์เช่นนี้ จึงไม่ใช่อะไรมากไปกว่าบอกอ้อมๆ ว่า ถ้าอยากให้สิ่งที่อภิสิทธิ์ฝากเป็นจริง ก็เลือกอภิสิทธิ์เข้ามาอีกรอบเถอะ

มีจุดน่าสังเกตอีกอย่างคือ การที่อภิสิทธิ์บอกว่า
ความศรัทธาในรัฐบาลนั้นจะต้องเกิดจากความโปร่งใส เมื่อเทียบกับผลโพลล่าสุดที่ออกมาว่าสิ่งเดียวที่ประชาธิปัตย์เหนือกว่า เพื่อไทยก็คือเรื่อง ความโปร่งใส การเน้นเรื่องความโปร่งใสในประกาศนี้ ก็เป็นเหมือนการหาเสียงให้ประชาธิปัตย์อีกทางหนึ่ง พรรคนี้เท่านั้นที่เป็นพรรคที่ควรแก่การศรัทธาและเป็นรัฐบาล ไม่ใช่อีกพรรคที่มีเรื่องอื้อฉาวเรื่องโกงกินเยอะ เชื่อว่าประชาธิปัตย์จะชูเรื่องโปร่งใสเป็นแกนหลักในการรณรงค์การเลือกตั้ง ครั้งนี้แน่นอน (แต่ทั้งหมดในคำประกาศนี้ อภิสิทธิ์ไม่พูดเรื่องการคอรัปชั่นในสมัยที่เขาเป็นนายกเลย)

ในส่วนของที่ผาของรัฐบาล ที่หลายฝ่ายบอกว่าไม่ชอบธรรม แต่อภิสิทธิ์ก็ยืนยันว่่าที่มาของเขานั้นชอบธรรมแล้ว เพราะได้กล่าวว่า
การเข้ามาของเขานั้นเกิดจากประชาชนที่มอบความไว้วางใจผ่านสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาล ของอภิสิทธิ์จึงเป็นรัฐบาลของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แย่งมาอย่างบางฝ่ายกล่าวหา ที่น่าสนใจคือการเน้นเรื่องสภาผู้แทนราษฎรเช่นนี้ เท่ากับว่าประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับผู้แทนในสภามากกว่าประชาชน นั่นอาจหมายความว่า แม้หลังเลือกตั้งต่อให้ประชาธิปัตย์ไม่ได้เสียงเป็นอันดับ 1 แต่สามารถรวมเสียง สส.ได้มากกว่า ก็มีสิทธิเป็นรัฐบาลเช่นกัน และเป็นรัฐบาลที่ชอบธรรมด้วย เพราะได้รับเลือกจากผู้แทนก็เหมือนได้รับเลือกจากประชาชนนั่นแหละ

จาก เนื้อหาคำประกาศทั้งหมด แทบจะไม่พบข้อเสียของรัฐบาลนี้เอง ความขัดแย้งกับสภาก็ไม่มี แถมยังมีขอบคุณสภาในคำประกาศด้วย การตัดสินใจยุบสภานั้น ก็เป็นการด้วยเจตนาคืนอำนาจให้ประชาชนได้มีโอกาสเลือกเท่านั้น
แต่ ในเมื่อบรรยายรัฐบาลไว้เสียดิบดีขนาดนี้ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เลือกประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอีกครั้งเถอะ ...และนั่นคือใจความสำคัญของคำประกาศยุบสภานี้

ส่วนพวกเราก็ยังได้แต่สงสัยต่อไปว่า ก็ในเมื่อที่ผ่านมาทำงานดีเยี่ยมขนาดนี้ ปัญหากับสภาก็ไม่มี แล้วจะยุบสภาไปทำ-่าอะไร (ประชด)

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง