บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

ปู รดน้ำ ป๋า กรุยทางลุยกฎหมายปรองดอง

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

อีกฉากประวัติศาสตร์สำคัญที่ต้องจับตา !!!

เมื่อนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ก่อร่างสร้างรัฐบาลจากฐานเสียง “ไพร่” ประกาศชัดเตรียมหอบคณะรัฐมนตรี บุกรัง “อำมาตย์” เข้ารดน้ำดำหัว ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ 26 เม.ย.นี้

แน่นอนว่า เหตุผลสำคัญของการเข้าพบ “ป๋าเปรม” เที่ยวนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การ “รดน้ำดำหัว” รับฟังคำแนะนำการบริหารประเทศจากผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อย่างที่ “ยิ่งลักษณ์” ชี้แจงเท่านั้น

เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ การเคลียร์แผลใจ “ฟื้นความสัมพันธ์” ระหว่าง “ไพร่” กับ “อำมาตย์” เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคเส้นทาง “ปรองดอง” ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนเต็มสูบ

ภาพความพยายาม “เกี้ยเซี้ย” ระหว่าง ไพร่-อำมาตย์ จึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ส่งผลให้เส้นทางสู่ “นิรโทษกรรม” ซึ่งซ่อนอยู่ในกระบวนการปรองดอง ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกที

ดูทางลมก่อนหน้านี้ 18 เม.ย. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นำ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และนายทหารระดับสูงจากสามเหล่าทัพตบเท้าเข้าอวยพรสงกรานต์โดยพร้อมเพรียง


วันนั้น “ป๋าเปรม” กล่าวชื่นชม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่นำน้องๆ มาอวยพรในวันสำคัญ เพราะวันสงกรานต์ถือเป็นวัฒนธรรมของไทย จะต้องรักษาวัฒนธรรม รักษาชาติบ้านเมือง พร้อมอวยพรให้โชคดี มีความสุข และสำเร็จในการทำงาน ที่สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในอดีตเริ่มคลายตัว

ย้อนไปถึงความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นตั้งแต่สมัยปลายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับการเปิดหน้าพาดพิง “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงจนมาถึง “ฟางเส้นสุดท้าย” เมื่อมวลชนคนเสื้อแดงเดินขบวนไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้ “ช่องว่าง” ของทั้งสองฝ่ายให้ห่างกันมากยิ่งขึ้น

ทว่าหลังจากชัยชนะอันถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยจน “ยิ่งลักษณ์” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนแรก ความพยายามต่อสายเคลียร์ใจ กับ “ป๋าเปรม” ก็ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งได้รับการตอบรับบ้าง ไม่ได้รับการตอบรับบ้าง

แต่เหมือนสัญญาณเริ่มดีขึ้นเมื่อ พล.อ.เปรม เดินทางมาร่วมงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

แม้วัตถุประสงค์ครั้งนั้นจะเป็นงานที่รัฐบาลต้องการเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่ร่วมฟันฝ่าวิกฤตอุทกภัยช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มองว่าการเชิญ “ป๋าเปรม” มาร่วมเป็นเกียรติในงาน ถูกมองว่าเป็นการหยั่งไมตรีหวังสลายความขัดแย้งในอดีต

การรื้อฟื้นธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมายาวนานกับการหอบ ครม. เข้ารดน้ำดำหัว “ป๋าเปรม” ซึ่งห่างหายไปในระยะหลังเมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรงขึ้น จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของรัฐบาล ที่ค่อยๆ รุกประชิดเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ปรองดอง” และ “ล้างผิด”

จับอาการจาก “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” มท.1 ซึ่งระบุว่าอาจจะขอถือโอกาสนี้ได้กราบเรียนขอคำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองในชาติให้เกิดขึ้นด้วย ยิ่งตอกย้ำเป้าหมายที่ชัดเจนของรัฐบาล

ในจังหวะนี้ รายงานกรรมาธิการปรองดอง ผ่านการพิจารณาได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมส่งไม้ต่อให้รัฐบาลไปดำเนินการ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากสถาบันพระปกเกล้า ที่ออกมาขู่ถอนงานวิจัยที่ถูกเลือกใช้บางข้อบางตอนไปขยายผลแบบรวบรัด

ความพยายามของรัฐบาลที่ดื้อดึงใช้เสียงข้างมากในกระบวนการนิติบัญญัติ ผลักดันการ “ล้างผิด” มองข้ามการแสวงหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน? มากกว่าแนวทาง “ล้างผิด” ที่เสี่ยงซ้ำเติมความขัดแย้ง จึงค่อยๆ ผ่อนสปีดรอดูทิศทางลม เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกอย่างที่ทำมาพังทลายลงไป

ส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการปรองดองต้องปรับท่าทีจากความรีบเร่ง รวบรัด อาจเป็นเพราะสัญญาณ “ป๋าเปรม” ส่งออกมาระหว่างครั้งแรกหลังเงียบหายไปนานว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริงและจะปกป้องคนดี และสาปแช่งคนไม่ดี คนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศไป ท่ามกลางจังหวะที่กระบวนการปรองดองรีบเร่งเดินหน้า

ในจังหวะเดียวกับที่ชื่อของ “ป๋าเปรม” ถูกพาดพิงหลายครั้งหลายหน ทั้งการเรียกของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน กมธ.ปรองดอง ออกมาระบุให้ชัดเจนว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังในการปฏิวัติ เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม หรือไม่

รวมไปถึงความพยายามโยงใยของหลายฝ่ายที่สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.เปรม ให้เข้ามาเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมเวลานี้

ท่าทีของ “ยิ่งลักษณ์” กับการเดินหน้าเข้าหาป๋าเปรมช่วงนี้ จึงไม่อาจมองเป็นอื่นถึงความพยายามกรุยทาง ปรองดอง หรือนิรโทษกรรม

แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะออกตัวว่า พล.อ.เปรม จะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อีกทั้งไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของการเดินหน้าสร้างความปรองดองนั้นก็เป็นหน้าที่ของสภา โดยในส่วนของรัฐบาลนั้น มีหน้าที่ในการบริหารและแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองเท่านั้น

ที่สำคัญกว่านั้น การเดินหน้าเข้าหา “อำมาตย์” ซึ่งอาจจะขัดหูขัดตา ของบรรดาคนเสื้อแดงที่เคยออกมาต่อสู้เรื่องชนชั้น ไพร่-อำมาตย์ จะส่งผลอย่างไรต่อไปกับฐานเสียงของ “เพื่อไทย” หรือท่าทีของแกนนำแดง ที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นรัฐมนตรีในวันนี้




แดงล้มโต๊ะปรองดองยิงศรปักอกทักษิณ


โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

ปรากฏการณ์ “แดงล้มโต๊ะปรองดอง” เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของญาติผู้เสียชีวิตในการชุมนุมของคนเสื้อแดง แม้จะมีกำลังไม่มาก แต่สร้างแรงกระเพื่อมถึงแนวทางการปรองดองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไม่น้อย และนับวันจะสร้างรอยร้าวให้ลึกลงในกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ณ วันนี้แนวทางที่เคยร่วมกันมาเริ่มแตกออกไปจากเดิม

ข้อเรียกร้องอันเป็นแกนกลางของกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดองมิได้ขัดขวางการเดินหน้าของประเทศ แต่ต้องการให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นก่อน เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด ใครเป็นผู้ก่อการร้ายตามข้อกล่าวหา

ทว่าเมื่อความยุติธรรมยังไม่ปรากฏแก่ผู้เสียชีวิตในการชุมนุมของคนเสื้อแดง “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยล้มโต๊ะปรองดองแห่งชาติ” ก็ไม่สามารถยอมรับการปรองดองได้ เนื่องจากตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากความขัดแย้งทางการเมืองเป็นต้นเหตุ ซ้ำเติมด้วยการตีตราค่าความตาย 7.75 ล้านบาท ระหว่างที่เวลาล่วงเลยไปไม่มีผู้กระทำผิด

คำถามค้างคาใจว่าปรองดองจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อ 91 ศพอาจต้องตายฟรี ผลจากการเมืองซึ่งเป็นเรื่องของอำนาจผลประโยชน์ โดยใช้สิ่งที่เป็นตัวบริสุทธิ์ นั่นคือประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรองในทุกครั้ง

สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงล้มโต๊ะปรองดอง เตรียมออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามฯ ถือเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญถึงรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ


แนวคิดของ ณัทพัช อัคฮาด น้องชายของ กมนเกด แกนนำเคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดอง ชี้ว่า ต้นทุนของพรรคเพื่อไทยต้องใช้ชีวิตคนถึง 91 ศพ บาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงคนที่อยู่ในเรือนจำ ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องตระหนักว่าอย่าเป็นวัวลืมตีน เพราะเสียงที่พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นรัฐบาลคนเสื้อแดงต้องการค้นหาความยุติธรรมเป็นอันดับแรก

เกมการเมืองดูท่าจะจบลงไม่ง่าย หลังจากที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่ จ.ปทุมธานี ทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ที่ผ่านมา ด้วยบทความของคนเสื้อแดง เรื่อง “คนเสื้อแดงสาแก่ใจเพื่อไทยแพ้ ปชป. เลือกตั้งซ่อมปทุมธานี” ของ อรรถชัย อนันตเมฆ ดาราเสื้อแดง โพสต์ข้อความภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของคนเสื้อแดงปทุมฯ ที่พิสูจน์แล้วว่าคนเสื้อแดงอยู่เหนือพรรคการเมือง ไม่ใช่จะทำอะไรกับคนเสื้อแดงก็ได้ยิ่งทำให้ภาพชัดมากขึ้น

สอดคล้องกับแนวคิดของ สุธาชัยยิ้มประเสริฐ นักวิชาการกลุ่มเสื้อแดง ส่งเสียงสะท้อนถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการเพิกเฉยให้ประกันตัวกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในเรือนจำในข้อหานักโทษการเมือง ทั้งที่สามารถออกพระราชกฤษฎีกาประกันตัวได้ง่าย แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ สิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดว่ารัฐบาลเพิกเฉยต่อเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อกลุ่มคนเสื้อแดงโดยสิ้นเชิง และพยายามปรองดองกับกลุ่มอำมาตย์อย่างเห็นได้ชัด

ทางฟากของรัฐบาลพยายามผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เป็นหลักสำคัญโดยไม่พูดถึงเรื่องการลงโทษ แต่มุ่งเน้นให้อภัยต่อกันเอง หรือผู้เสียหายต้องยอมเสียสละเพื่อประเทศ ตามมาด้วยการหยิบยกความเห็นของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่มี พล.อ.สนธิบุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน หรือแม้กระทั่งผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าที่สุดท้ายต้องวิ่งกลับมาถอนผลงานตัวเองคืน

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)สรุปแฟ้มสำนวนคดีก่อการร้ายอ่อนลง ไม่ขึงขังเหมือนในยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจนสุดท้ายไม่พบชายชุดดำ ก็ยิ่งสร้างความรู้สึกมึนงงของญาติผู้เสียชีวิต

ยิ่งต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณด้วยเช่นกัน เมื่อท่าทีอ่อนลง โดยเฉพาะกับคู่ขัดแย้งกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยชี้ไปตรงๆ ว่าเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หรือหัวหน้ากลุ่มอำมาตย์ใหญ่ พร้อมส่งแกนนำแดงยกโขยงไปเยี่ยมถึงหน้าบ้าน “ป๋าเปรม” แต่ช่วงเวลานี้เป็นการกล่าวอวยพรวันสงกรานต์ให้ป๋าเปรมมีสุขภาพแข็งแรง นัยว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งกันอีกต่อไป

วาทกรรมปรองดองฉบับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา มาพร้อมรูปแบบนอบน้อมมีคารวะกับฉากปรองดองสวยหรูด้วยโวหารเลิกทะเลาะกัน ไม่มีขั้ว ไม่มีสีเหลืองสีแดงอีกต่อไป จูงใจให้คล้อยตามได้ไม่น้อย แต่ด้านหนึ่งก็เปลือยตัวตน เช่น การบอกว่าใครไม่ปรองดองก็ช่วยไม่ได้ หรือช่างแม่มัน แม้แต่ในช่วงร้องเพลงบนเวทีตัวตนจริงๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นหลุดออกมาเป็นระยะๆ

ปมจุดนี้จะสร้างรอยร้าวให้เกิดในความเป็นคนเสื้อแดงแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มนี้เป็นแดงขึ้นตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายหลักชัดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการนำทิศทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ และต้องนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศให้ได้

ผลจากการต่อสู้ที่ผ่านมา เป็นการตบรางวัลอย่างงาม ด้วยตำแหน่งทางการเมืองเป็นรางวัล เป็นรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือเป็นสส.ผู้ทรงเกียรติในสภาให้เหล่าแกนนำกลุ่มแต่เมื่อญาติผู้เสียชีวิตถามถึงความยุติธรรม กลับเงียบเชียบ

2.กลุ่มคนเสื้อแดงรักประชาธิปไตย กลุ่มนี้มีจุดหมายเพื่อประชาธิปไตยเป็นหลัก ทิศทางที่ผ่านมาชี้ให้เห็นชัดว่าเป็นการต่อสู้เพื่อรื้อรากรัฐธรรมนูญมาปรับแก้ใหม่ รูปแบบการเคลื่อนไหวสนับสนุนแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ทว่าด้วยปัจจัยที่เกิดจากความรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิต เป้าหมายจากนี้จึงเป็นการค้นหาความจริง สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ถึงแม้จะได้เงินเยียวยา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะลบล้างความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้

ถึงนาทีนี้กลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดองกลายเป็นอุปสรรคสำคัญขวาง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ปักธงปรองดองด้วยความอ่อมน้อมไปแล้ว

กลับตาลปัตรกลายเป็นว่าใครขวางปรองดองเท่ากับค้านแนวทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งเป็นปรปักษ์กับทิศทางเดินหน้าประเทศ คนเสื้อแดงบางส่วนต้องยอมเสียสละแล้วกลายเป็นแดงชายขอบไปในทันที จะด้วยเต็มใจยอมรับหรือไม่ก็ตาม

โฟกัสไปที่ขุมกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังแข็งแกร่งทั้งในและนอกสภา ผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนเสียงข้างมาก พุ่งเป้าไปที่การแก้ไขและยกร่างรัฐธรรมนูญ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้รับเลือกตั้งกำหนดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็ต้องดำเนินการให้ลุล่วง ถือเป็นด่านแรกเมื่อพรรคเพื่อไทยสามารถได้เสียงสนับสนุนจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาลและจาก สว.อย่างท่วมท้นถึง 399 เสียง เพื่อยกมือโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกผ่านพ้นไปแล้ว

ท้ายที่สุดความไม่ไยดีต่อญาติผู้เสียชีวิตนำมาซึ่งฐานกำลังลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเพิ่มมากขึ้น ภาพใหญ่ของนาทีนี้ชัดเจนแล้วว่า หากปล่อยให้น้ำกัดเซาะไม่เหลียวแล คนเสื้อแดงจะแยกตัวออกมาเคลื่อนไหวเองโดยไม่ต้องพึ่งการเมืองหรือแม้กระทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ อีกต่อไป

 



 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง