โดย...ธนพล บางยี่ขัน
อีกฉากประวัติศาสตร์สำคัญที่ต้องจับตา !!!
เมื่อนายกฯ หญิง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ก่อร่างสร้างรัฐบาลจากฐานเสียง “ไพร่” ประกาศชัดเตรียมหอบคณะรัฐมนตรี บุกรัง “อำมาตย์” เข้ารดน้ำดำหัว ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ 26 เม.ย.นี้
แน่นอนว่า เหตุผลสำคัญของการเข้าพบ “ป๋าเปรม” เที่ยวนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การ “รดน้ำดำหัว” รับฟังคำแนะนำการบริหารประเทศจากผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อย่างที่ “ยิ่งลักษณ์” ชี้แจงเท่านั้น
เพราะเป้าหมายสำคัญ คือ การเคลียร์แผลใจ “ฟื้นความสัมพันธ์” ระหว่าง “ไพร่” กับ “อำมาตย์” เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคเส้นทาง “ปรองดอง” ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนเต็มสูบ
ภาพความพยายาม “เกี้ยเซี้ย” ระหว่าง ไพร่-อำมาตย์ จึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ส่งผลให้เส้นทางสู่ “นิรโทษกรรม” ซึ่งซ่อนอยู่ในกระบวนการปรองดอง ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นทุกที
ดูทางลมก่อนหน้านี้ 18 เม.ย. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นำ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. และนายทหารระดับสูงจากสามเหล่าทัพตบเท้าเข้าอวยพรสงกรานต์โดยพร้อมเพรียง
วันนั้น “ป๋าเปรม” กล่าวชื่นชม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่นำน้องๆ มาอวยพรในวันสำคัญ เพราะวันสงกรานต์ถือเป็นวัฒนธรรมของไทย จะต้องรักษาวัฒนธรรม รักษาชาติบ้านเมือง พร้อมอวยพรให้โชคดี มีความสุข และสำเร็จในการทำงาน ที่สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในอดีตเริ่มคลายตัว
ย้อนไปถึงความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นตั้งแต่สมัยปลายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับการเปิดหน้าพาดพิง “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ที่ทำให้ทุกอย่างแย่ลงจนมาถึง “ฟางเส้นสุดท้าย” เมื่อมวลชนคนเสื้อแดงเดินขบวนไปปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ พร้อมตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้ “ช่องว่าง” ของทั้งสองฝ่ายให้ห่างกันมากยิ่งขึ้น
ทว่าหลังจากชัยชนะอันถล่มทลายของพรรคเพื่อไทยจน “ยิ่งลักษณ์” กลายเป็นนายกฯ หญิงคนแรก ความพยายามต่อสายเคลียร์ใจ กับ “ป๋าเปรม” ก็ยังมีมาอย่างต่อเนื่อง มีทั้งได้รับการตอบรับบ้าง ไม่ได้รับการตอบรับบ้าง
แต่เหมือนสัญญาณเริ่มดีขึ้นเมื่อ พล.อ.เปรม เดินทางมาร่วมงาน “รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย” ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
แม้วัตถุประสงค์ครั้งนั้นจะเป็นงานที่รัฐบาลต้องการเลี้ยงขอบคุณเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่ร่วมฟันฝ่าวิกฤตอุทกภัยช่วงที่ผ่านมา แต่ก็มองว่าการเชิญ “ป๋าเปรม” มาร่วมเป็นเกียรติในงาน ถูกมองว่าเป็นการหยั่งไมตรีหวังสลายความขัดแย้งในอดีต
การรื้อฟื้นธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติกันมายาวนานกับการหอบ ครม. เข้ารดน้ำดำหัว “ป๋าเปรม” ซึ่งห่างหายไปในระยะหลังเมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองรุนแรงขึ้น จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญของรัฐบาล ที่ค่อยๆ รุกประชิดเดินหน้าสู่เป้าหมาย “ปรองดอง” และ “ล้างผิด”
จับอาการจาก “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” มท.1 ซึ่งระบุว่าอาจจะขอถือโอกาสนี้ได้กราบเรียนขอคำปรึกษาและคำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างความปรองดองในชาติให้เกิดขึ้นด้วย ยิ่งตอกย้ำเป้าหมายที่ชัดเจนของรัฐบาล
ในจังหวะนี้ รายงานกรรมาธิการปรองดอง ผ่านการพิจารณาได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมส่งไม้ต่อให้รัฐบาลไปดำเนินการ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากสถาบันพระปกเกล้า ที่ออกมาขู่ถอนงานวิจัยที่ถูกเลือกใช้บางข้อบางตอนไปขยายผลแบบรวบรัด
ความพยายามของรัฐบาลที่ดื้อดึงใช้เสียงข้างมากในกระบวนการนิติบัญญัติ ผลักดันการ “ล้างผิด” มองข้ามการแสวงหาข้อเท็จจริงที่จะนำไปสู่การคลี่คลายความขัดแย้งได้อย่างยั่งยืน? มากกว่าแนวทาง “ล้างผิด” ที่เสี่ยงซ้ำเติมความขัดแย้ง จึงค่อยๆ ผ่อนสปีดรอดูทิศทางลม เพื่อป้องกันไม่ให้ทุกอย่างที่ทำมาพังทลายลงไป
ส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการปรองดองต้องปรับท่าทีจากความรีบเร่ง รวบรัด อาจเป็นเพราะสัญญาณ “ป๋าเปรม” ส่งออกมาระหว่างครั้งแรกหลังเงียบหายไปนานว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริงและจะปกป้องคนดี และสาปแช่งคนไม่ดี คนทรยศต่อชาติบ้านเมืองให้พินาศไป ท่ามกลางจังหวะที่กระบวนการปรองดองรีบเร่งเดินหน้า
ในจังหวะเดียวกับที่ชื่อของ “ป๋าเปรม” ถูกพาดพิงหลายครั้งหลายหน ทั้งการเรียกของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน กมธ.ปรองดอง ออกมาระบุให้ชัดเจนว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังในการปฏิวัติ เกี่ยวข้องกับ พล.อ.เปรม หรือไม่
รวมไปถึงความพยายามโยงใยของหลายฝ่ายที่สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.เปรม ให้เข้ามาเป็นหนึ่งในคู่ขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมเวลานี้
ท่าทีของ “ยิ่งลักษณ์” กับการเดินหน้าเข้าหาป๋าเปรมช่วงนี้ จึงไม่อาจมองเป็นอื่นถึงความพยายามกรุยทาง ปรองดอง หรือนิรโทษกรรม
แม้ “ยิ่งลักษณ์” จะออกตัวว่า พล.อ.เปรม จะเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อีกทั้งไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของการเดินหน้าสร้างความปรองดองนั้นก็เป็นหน้าที่ของสภา โดยในส่วนของรัฐบาลนั้น มีหน้าที่ในการบริหารและแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองเท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้น การเดินหน้าเข้าหา “อำมาตย์” ซึ่งอาจจะขัดหูขัดตา ของบรรดาคนเสื้อแดงที่เคยออกมาต่อสู้เรื่องชนชั้น ไพร่-อำมาตย์ จะส่งผลอย่างไรต่อไปกับฐานเสียงของ “เพื่อไทย” หรือท่าทีของแกนนำแดง ที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นรัฐมนตรีในวันนี้
แดงล้มโต๊ะปรองดองยิงศรปักอกทักษิณ
โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ
ปรากฏการณ์ “แดงล้มโต๊ะปรองดอง” เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของญาติผู้เสียชีวิตในการชุมนุมของคนเสื้อแดง แม้จะมีกำลังไม่มาก แต่สร้างแรงกระเพื่อมถึงแนวทางการปรองดองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไม่น้อย และนับวันจะสร้างรอยร้าวให้ลึกลงในกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ณ วันนี้แนวทางที่เคยร่วมกันมาเริ่มแตกออกไปจากเดิม
ข้อเรียกร้องอันเป็นแกนกลางของกลุ่มเคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดองมิได้ขัดขวางการเดินหน้าของประเทศ แต่ต้องการให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นก่อน เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด ใครเป็นผู้ก่อการร้ายตามข้อกล่าวหา
ทว่าเมื่อความยุติธรรมยังไม่ปรากฏแก่ผู้เสียชีวิตในการชุมนุมของคนเสื้อแดง “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยล้มโต๊ะปรองดองแห่งชาติ” ก็ไม่สามารถยอมรับการปรองดองได้ เนื่องจากตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงจากความขัดแย้งทางการเมืองเป็นต้นเหตุ ซ้ำเติมด้วยการตีตราค่าความตาย 7.75 ล้านบาท ระหว่างที่เวลาล่วงเลยไปไม่มีผู้กระทำผิด
คำถามค้างคาใจว่าปรองดองจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อ 91 ศพอาจต้องตายฟรี ผลจากการเมืองซึ่งเป็นเรื่องของอำนาจผลประโยชน์ โดยใช้สิ่งที่เป็นตัวบริสุทธิ์ นั่นคือประชาชนมาเป็นเครื่องต่อรองในทุกครั้ง
สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดงล้มโต๊ะปรองดอง เตรียมออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามฯ ถือเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญถึงรัฐบาลและ พ.ต.ท.ทักษิณ
แนวคิดของ ณัทพัช อัคฮาด น้องชายของ กมนเกด แกนนำเคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดอง ชี้ว่า ต้นทุนของพรรคเพื่อไทยต้องใช้ชีวิตคนถึง 91 ศพ บาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงคนที่อยู่ในเรือนจำ ถึงจะก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องตระหนักว่าอย่าเป็นวัวลืมตีน เพราะเสียงที่พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นรัฐบาลคนเสื้อแดงต้องการค้นหาความยุติธรรมเป็นอันดับแรก
เกมการเมืองดูท่าจะจบลงไม่ง่าย หลังจากที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งที่ จ.ปทุมธานี ทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ที่ผ่านมา ด้วยบทความของคนเสื้อแดง เรื่อง “คนเสื้อแดงสาแก่ใจเพื่อไทยแพ้ ปชป. เลือกตั้งซ่อมปทุมธานี” ของ อรรถชัย อนันตเมฆ ดาราเสื้อแดง โพสต์ข้อความภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของคนเสื้อแดงปทุมฯ ที่พิสูจน์แล้วว่าคนเสื้อแดงอยู่เหนือพรรคการเมือง ไม่ใช่จะทำอะไรกับคนเสื้อแดงก็ได้ยิ่งทำให้ภาพชัดมากขึ้น
สอดคล้องกับแนวคิดของ สุธาชัยยิ้มประเสริฐ นักวิชาการกลุ่มเสื้อแดง ส่งเสียงสะท้อนถึงท่าทีของรัฐบาลต่อการเพิกเฉยให้ประกันตัวกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังอยู่ในเรือนจำในข้อหานักโทษการเมือง ทั้งที่สามารถออกพระราชกฤษฎีกาประกันตัวได้ง่าย แต่รัฐบาลกลับไม่ทำ สิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดว่ารัฐบาลเพิกเฉยต่อเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อกลุ่มคนเสื้อแดงโดยสิ้นเชิง และพยายามปรองดองกับกลุ่มอำมาตย์อย่างเห็นได้ชัด
ทางฟากของรัฐบาลพยายามผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เป็นหลักสำคัญโดยไม่พูดถึงเรื่องการลงโทษ แต่มุ่งเน้นให้อภัยต่อกันเอง หรือผู้เสียหายต้องยอมเสียสละเพื่อประเทศ ตามมาด้วยการหยิบยกความเห็นของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่มี พล.อ.สนธิบุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ เป็นประธาน หรือแม้กระทั่งผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าที่สุดท้ายต้องวิ่งกลับมาถอนผลงานตัวเองคืน
ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)สรุปแฟ้มสำนวนคดีก่อการร้ายอ่อนลง ไม่ขึงขังเหมือนในยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจนสุดท้ายไม่พบชายชุดดำ ก็ยิ่งสร้างความรู้สึกมึนงงของญาติผู้เสียชีวิต
ยิ่งต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งสัญญาณด้วยเช่นกัน เมื่อท่าทีอ่อนลง โดยเฉพาะกับคู่ขัดแย้งกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยชี้ไปตรงๆ ว่าเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ หรือหัวหน้ากลุ่มอำมาตย์ใหญ่ พร้อมส่งแกนนำแดงยกโขยงไปเยี่ยมถึงหน้าบ้าน “ป๋าเปรม” แต่ช่วงเวลานี้เป็นการกล่าวอวยพรวันสงกรานต์ให้ป๋าเปรมมีสุขภาพแข็งแรง นัยว่าไม่ใช่คู่ขัดแย้งกันอีกต่อไป
วาทกรรมปรองดองฉบับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กัมพูชา มาพร้อมรูปแบบนอบน้อมมีคารวะกับฉากปรองดองสวยหรูด้วยโวหารเลิกทะเลาะกัน ไม่มีขั้ว ไม่มีสีเหลืองสีแดงอีกต่อไป จูงใจให้คล้อยตามได้ไม่น้อย แต่ด้านหนึ่งก็เปลือยตัวตน เช่น การบอกว่าใครไม่ปรองดองก็ช่วยไม่ได้ หรือช่างแม่มัน แม้แต่ในช่วงร้องเพลงบนเวทีตัวตนจริงๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นหลุดออกมาเป็นระยะๆ
ปมจุดนี้จะสร้างรอยร้าวให้เกิดในความเป็นคนเสื้อแดงแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กลุ่มนี้เป็นแดงขึ้นตรงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายหลักชัดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการนำทิศทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ และต้องนำ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศให้ได้
ผลจากการต่อสู้ที่ผ่านมา เป็นการตบรางวัลอย่างงาม ด้วยตำแหน่งทางการเมืองเป็นรางวัล เป็นรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี หรือเป็นสส.ผู้ทรงเกียรติในสภาให้เหล่าแกนนำกลุ่มแต่เมื่อญาติผู้เสียชีวิตถามถึงความยุติธรรม กลับเงียบเชียบ
2.กลุ่มคนเสื้อแดงรักประชาธิปไตย กลุ่มนี้มีจุดหมายเพื่อประชาธิปไตยเป็นหลัก ทิศทางที่ผ่านมาชี้ให้เห็นชัดว่าเป็นการต่อสู้เพื่อรื้อรากรัฐธรรมนูญมาปรับแก้ใหม่ รูปแบบการเคลื่อนไหวสนับสนุนแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ทว่าด้วยปัจจัยที่เกิดจากความรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิต เป้าหมายจากนี้จึงเป็นการค้นหาความจริง สร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้น ถึงแม้จะได้เงินเยียวยา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะลบล้างความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้
ถึงนาทีนี้กลุ่มเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวคัดค้านการปรองดองกลายเป็นอุปสรรคสำคัญขวาง พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ได้ปักธงปรองดองด้วยความอ่อมน้อมไปแล้ว
กลับตาลปัตรกลายเป็นว่าใครขวางปรองดองเท่ากับค้านแนวทางของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกทั้งเป็นปรปักษ์กับทิศทางเดินหน้าประเทศ คนเสื้อแดงบางส่วนต้องยอมเสียสละแล้วกลายเป็นแดงชายขอบไปในทันที จะด้วยเต็มใจยอมรับหรือไม่ก็ตาม
โฟกัสไปที่ขุมกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังแข็งแกร่งทั้งในและนอกสภา ผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่มีปัญหาเรื่องจำนวนเสียงข้างมาก พุ่งเป้าไปที่การแก้ไขและยกร่างรัฐธรรมนูญ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้รับเลือกตั้งกำหนดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็ต้องดำเนินการให้ลุล่วง ถือเป็นด่านแรกเมื่อพรรคเพื่อไทยสามารถได้เสียงสนับสนุนจาก สส.พรรคร่วมรัฐบาลและจาก สว.อย่างท่วมท้นถึง 399 เสียง เพื่อยกมือโหวตรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระแรกผ่านพ้นไปแล้ว
ท้ายที่สุดความไม่ไยดีต่อญาติผู้เสียชีวิตนำมาซึ่งฐานกำลังลดลง ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามเพิ่มมากขึ้น ภาพใหญ่ของนาทีนี้ชัดเจนแล้วว่า หากปล่อยให้น้ำกัดเซาะไม่เหลียวแล คนเสื้อแดงจะแยกตัวออกมาเคลื่อนไหวเองโดยไม่ต้องพึ่งการเมืองหรือแม้กระทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ อีกต่อไป
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น