บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

สื่อมาเลย์แฉ”แม้ว”ดอดถก


สื่อมาเลย์ยันชัด”แม้ว”ดอดถกแกนนำโจรใต้จริง แต่เหลว หลัง’เจ้าตัว-ลิ่วล้อ’ ดาหน้าปฏิเสธ “ทักษิณ”ชี้สงครามจบบนโต๊ะ ไม่ใช่สมรภูมิ ‘ทวี สอดส่อง’โวย การเมือง-สื่อ’ มั่ว โยงคุยกลุ่มก่อการร้าย “มาร์ค”ยันหลักฐานพบแกนนำก่อการร้ายจริง “นัจมุดิน”ชี้ภาพเก่าถ่ายร่วม”มะแซอุเซ็ง” ฉก.ยะลา 11 จัดมาตรการเซฟตี้โซน ถ.รวมมิตร มาเลเซียพิจารณาคดี”มาซุด” บึ้ม 3 จุดกทม. 16 เม.ย.นี้
วานนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า มีนักการเมืองและสื่อ หลายแขนง นำภาพที่ตนและคณะ เดินทางไปพบกับชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหาร หรือที่เรียกว่าต้มยำกุ้งในมาเลเซีย และมีการรวมกลุ่มกันเรียกว่า ชมรมต้มยำกุ้ง ว่าเป็นภาพที่ตนเดินทางไปเจรจากับนายชำซูดิง คาน แกนนำขบวนการพูโล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งมีการโยงมาถึง การวางระเบิดคาร์บอมบ์ ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา และที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
0***ศอ.บต.โต้แต่คุยชมรมต้มยำกุ้ง
สำหรับภาพที่มีการเชื่อมโยงว่า ตนและคณะไปเจรจา กับนายชำซูดิง คาน นั้นแท้จริงแล้ว เป็นภาพของนายวันซำซูดิน ดินวันฮูเซ็น ซึ่งเป็นตัวแทนของชมรมต้ม ยำกุ้ง เป็นคน จ.ยะลา และมีภรรยา เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช เรื่องที่ไปพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่คนเหล่านี้ต้องการให้รัฐบาลมาเลเซียลดค่าใบอนุญาตการทำงาน หรือ เวิร์กเพอร์มิต ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้คนไทยเข้าไปทำงานอย่างถูกต้อง และเพิ่มรายได้ จึงไปพูดคุยรับฟังปัญหา โดยไปกันเป็นคณะ มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ของไทย และมีตัวแทนกงสุลร่วมรับฟังอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อมีข่าวออกมาว่าเป็นภาพของการเจรจากับแกนนำพูโล จึงสร้างความเสียหายให้กับนายวันซำซูดิน ที่คนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแกนนำพูโลและที่น่า เป็นห่วงคือ ประเทศมาเลเซีย อาจเข้าใจผิด เพราะการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า ตนไม่เคยได้รับคำสั่ง จากรัฐบาล หรือจาก ใคร ให้ไปพูดคุยกับแกนนำแบ่งแยกดินแดนไม่ว่าจะเป็นใคร และการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เป็นการไปพบกับชมรมต้มยำกุ้ง เพื่อแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน และ ต้องการให้มาเลเซียลดค่าอนุญาตการทำงานให้แก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า มีภาพถ่ายที่ชัดเจนว่า นายวันชำซูดิน ดินวันฮูเซ็น กับนายชำซูดิง คาน ซึ่งเป็นคนละคนกัน
0***“ทักษิณ” ปัดคุยกลุ่มพูโล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7เม.ย.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างพักอยู่ที่ฮ่องกง ถึงกรณีที่ทางส.ส.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้ออกมาเผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าพบกับกลุ่มพูโล ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบทางภาคใต้ โดยพรรคฝ่ายค้าน พยายามโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่จ.ยะลา และโรงแรมลี การ์เดนส์ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า “ผมมีสิทธิ์เกี่ยวข้องอะไรที่จะไปพูดคุย ผมมันแค่คนตกงาน สิ่งที่ผมทำได้ คือ การขอ ความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการก่อการร้าย”
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะมีการเปิดเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ
“ถ้าถามว่าควรมีการเจรจาไหม ผมเห็นว่าสมควรอย่างยิ่ง สงครามต้องสิ้นสุดกันที่โต๊ะเจรจา ไม่ใช่อยู่ในสมรภูมิ”
0***โฆษกรบ.อัดปชป.กล่าวหา”นายใหญ่”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกสำนักนายกฯ กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรงานสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพ ส.ส.หญิงพรรคร่วมรัฐบาล ที่จ.ภูเก็ต ถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเชื่อมโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างปมปัญหาความรุนแรงภาคใต้เพราะไปพูดคุยกับขบวนการพูโล โดยอ้างว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ได้พูดคุยกับพูโล 2 รอบคือ รอบแรกคุยกับกลุ่มโจร 18 กลุ่ม รอบที่สอง คุยกับโจร 15กลุ่ม ถือว่าล้มเหลว เพราะกลุ่มโจรถอนตัวจากการเจรจา3กลุ่ม โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแทรกแซงนโยบายของรัฐบาล และขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงหลักฐานให้ชัดเจน ถ้ามีภาพ มีคลิป มี รายละเอียด ให้นำมาดำเนินการทางกฎหมาย ขออย่าได้ชักช้า อย่าตั้งคำถามให้สังคมสับสน และเกิดเป็นประเด็นทางการเมือง
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ บริหารมา 2 ปี 8 เดือน นโยบายดับไฟใต้ล้มเหลว แต่ยังกล้านำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนความล้มเหลวในอดีตอย่ากล่าว หา พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างเลื่อนลอย เพราะรัฐบาลและกองทัพ ไม่มีนโยบายเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะการก่อความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะยอมรับได้ พร้อมตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำเรื่องความมั่นคงของชาติ มาเล่นการเมือง เพราะจะส่งผลเสียต่อความมั่นคง และไม่เป็นผลดี ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ และที่ สำคัญ อาจทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที ่ตกอยู่ในอันตราย จึงอยากขอถามว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า
00***ถาวร”ปัดเปล่าเผยภาพ”แม้ว”หารือ
นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่าตนไม่ใช่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ซึ่งรับทราบและกล่าวเพียงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบกับ แกนนำผู้ก่อความไม่สงบจริง โดยครั้งแรกเป็นการขอพบนายสะแปอิง บาซอร์ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต แต่นายสะแปอิง ไม่มาพบในวันที่17มี.ค.ที่ผ่านมา จึงมีการพบกับกลุ่มอื่นแทน โดยมีการเสนอเงินค่าเยียวยาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ กับฝ่ายความมั่นคง
นายถาวรกล่าวว่า ในยุคพรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือกับแกนนำผู้ก่อความไม่สงบต่างๆ แต่เราทำงานร่วมกับความฝ่ายความมั่นคงอย่างมีเอกภาพ ยกตัวอย่างเช่น ในยุคที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ยังเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกฯมีการหารือกับแกนนำกลุ่มความไม่สงบ ที่ประเทศ มาเลเซีย และขอความร่วมมือจากมาเลเซีย ในเรื่องนี้ด้วย จนมีการส่งตัวผู้ก่อความไม่สงบมาดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนรูปแบบการเจรจาถือว่าไม่ผิด แต่ครั้งนี้ ถือว่าขาดความเป็นเอกภาพ ฉะนั้น อย่าหลงประเด็นกับกรณีที่พระเอกลิเกหลงโรง ออกมาพูด
“ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ฝ่ายรัฐต้องให้ความสำคัญกับมาตรา 21 ของพ.ร.บ.การรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร ที่ให้ผู้ต้องหาที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าสู่กระบวนการอบรม ตามระยะเวลา 3 – 6 เดือน หากศาลเห็นว่าไม่มีความผิด เนื่องจากมาตราดังกล่าวนี้จะเป็นการลดกำลังของฝ่ายตรงข้าม ที่จะปรับตัวเพื่อเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม หากไม่ให้ความสำคัญแล้วก็จะเกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นอีก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความสำคัญกับพ.ร.บ.ดังกล่าวมาก เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างถูกจุด”
0***”มาร์ค”ยันหลักฐานชัดพบแกนนำป่วน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเรียกร้องให้ฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณและ ข้าราชการระดับสูงไปพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ ว่าฝ่ายค้านยินดีให้ข้อมูลเป็นการภายใน เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยว พันกับหลายเรื่อง ซึ่งข้อมูลที่ฝ่ายค้านได้มาไม่ได้นำมาจากเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องยังยืนยันมาด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าสำหรับการหารือกันเรื่องผู้ก่อความ ไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นั้นยินดี แต่อยากให้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนได้ร่วมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศอ.บต. ยืนยันว่าเป็นการไปพบกับผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีข้อมูลที่ได้รับการ ยืนยันจากหลายฝ่าย รวมถึงทางการของมาเลเซียเองว่า การพบปะที่เกิดขึ้นมีหลายครั้ง
ส่วนกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯยังคงยืนยันแนวคิดตั้งนครรัฐปัตตานี เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้นั้น ตนเห็นว่าการแก้ไขปัญหาต้องระมัดระวัง ยิ่งมีการ เสนอแนวคิดต่างๆแตกออกไปหลายประเด็น ยิ่งทำให้เกิดความสับสน แนวคิดนครรัฐปัตตานี เป็นแนวคิดที่ใช้หาเสียงกัน แต่พรรคที่ใช้หาเสียง ไม่ได้ผู้แทนในพื้นที่ แม้แต่คนเดียว เรื่องนี้จึงต้องคิดว่าถ้าแนวคิดนี้เป็นการแก้ไขปัญหาได้จริง ทำไมคนในพื้นที่จึงไม่ตัดสินใจสนับสนุน
ส่วนแนวคิดในการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังนั้น เรื่องนี้ส.ส.และคนในพื้นที่พร้อมที่จะพูดคุย โดยการดำเนินการเรื่องนี้ต้องมีความเหมาะสม และความพอดี โดยต้องทำ ความเข้าใจกับประชาชน เพราะหากมีการเข้มงวดกวดขันกัน ย่อมทำให้เกิดความไม่สะดวก เบื้องต้นเท่าที่ได้พูดคุยกับส.ส.และคนในพื้นที่ไม่มีปัญหาเพียงต่อขอให้มี การพูดคุยเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เมื่อจะมีการกำหนดมาตรการใดๆ ออกมา
0***”นัจมุดิน”ชี้ภาพเก่าถ่ายร่วม”มะแซอุเซ็ง”
นายนัจมุดิน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาส สมาชิกพรรคมาตุภูมิ (มภ.)กล่าวปฏิเสธภาพถ่ายร่วมกับแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนายมะแซ อุเซ็ง ว่า ภาพดังกล่าว เป็น ภาพถ่ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ป่าตอง สมัยที่นายมะแซเป็นอบต. และตนก็ขอให้มีการแก้ข่าวในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าไม่แก้ข่าวให้ ตนจะฟ้อง เพราะไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ว่า หาภาพพ.ต.ท.ทักษิณ เจรจากับแกนนำไม่ได้ แล้วจะไปหยิบภาพอะไรมาเล่นก็ได้ เพราะการหารือที่มาเลเซีย ไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าร่วมหารือแม้แต่ครั้งเดียว
นายนัจมุดิน กล่าวว่า ตนไปงานแต่งที่มาเลเซียได้มีโอกาสเจอกันทั้งหมดก็ถือโอกาสพูดคุยว่า จะแก้ปัญหากันอย่างไร เป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลไทยพร้อมเปิด พื้นที่ร่วมแก้ปัญหา จากนั้นเป็นหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นเรื่องของการไปเจรจาจึงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และการที่ตนนำสารไปแจ้งมันผิดตรงไหน
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามออกมายืนยันว่า มีหลักฐานพ.ต.ท.ทักษิณ เจรจากับแกนนำนั้น นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ตนไม่อยากให้เล่นเกมการเมืองกันเกินไป และเรื่องของการเจรจาก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะถ้าเจรจาต้องเป็นเรื่องของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เท่านั้น และตนก็ได้พูดคุยกับพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้า พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง(กมธ.ปรองดอง) สภาฯก็บอกแล้วว่า การพูดคุยในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ป็นคนละเรื่องกับเรื่องปรองดอง
0***สื่อยันชัด“แม้ว” ถกโจรใต้จริง แต่เหลว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทางเฟชบุ๊ก มีการนำภาพสกู๊ปข่าวที่อ้างว่าเขียนโดย “มร.ลี เจิ่น เหวย” ลงตีพิมพ์ในหนังสือ พิมพ์ ภาษาจีนชื่อ “กวางหวารึเป้า” ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในประเทศเทศมาเลเซีย ฉบับประจำวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ดยในภาพหน้าหนังสือพิมพ์ภาษาจีนดังกล่าวระบุว่า เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของไทย ที่แอบไปตั้งโต๊ะเจรจากับแกนนำกลุ่มโจรใต้ หรือขบวนการพูโลเมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงกัวลาลัมปอร์ เมืองหลวงของ มาเลเซีย เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ปรากฏว่าในส่วนของผู้ใช้เฟชบุ๊ก ได้มีการแชร์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งก็ตามด้วยการโพสต์แสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์กันต่อเนื่อง จำนวนมาก อย่าง ไรก็ตาม ในภาพที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์นั้น นอกจากภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ที่ประกบคู่อยู่คือ ภาพของนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษา จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.แต่ไม่มีรายละเอียดยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร
0***ผบ.ตร.”้อ้างไม่รู้ข่าว”แม้ว”เจรจา
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเจรจาและถ่ายภาพร่วมกับแกนนำในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตนไม่ทราบและไม่มี ข้อมูลในเรื่องนี้ ส่วนเหตุระเบิดคาร์บอม ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลานั้น ยอมรับว่าในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มีแนวร่วมผู้ก่อเหตุ เข้ามาอาศัยอยูในพื้นที่ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นจำนวนมาก
ส่วนผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ทราบว่าเคยถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสืบสวน ขยายผลเพื่อจับกุมกลุ่ม แนวร่วมให้ได้ รวมทั้งต้องเฝ้าระวังด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ส่วนมาตรการป้องกันการก่อการร้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวัง และ เพิ่มความเข้มงวด แต่ขณะนี้ทางการข่าวยังไม่มีการแจ้งเตือนเข้ามาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว หากจะเข้มงวดมากเกินไปก็คงไม่ได้ อีกทั้งประเทศไทยไม่มีหน่วยงาน ด้านการข่าวไปประจำ การยังต่างประเทศ เหมือนประเทศมหาอำนาจอื่น จึงต้องประสานงานกับหน่วยข่าวกรองของประเทศต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งหากมีการแจ้งเตือนเข้ามา ก็จะเร่ง ดำเนินการ ตามคำเตือนทันที
ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการติดตามตัว นายมาซุด เซดากัต ซาเด ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ร่วมกับพวกก่อเหตุระเบิด ภายในซอย สุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกทางการมาเลเซียจับกุมตัวไว้ได้ ว่า ล่าสุดทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ได้ทำเรื่องส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ที่ร่วม กันก่อเหตุแล้ว และเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)สำนักงานอสส. และกระทรวงต่างประเทศ ได้ส่งหลักฐานภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ที่จับภาพเหตุการณ์ได้ทั้ง ช่วงก่อนระเบิด ขณะระเบิด และหลังระเบิด จนกระทั่งนายมาซุด หลบหนี ไปให้ทางการมาเลเซียแล้ว
ทั้งนี้ภายหลังจากทางอัยการของมาเลเซีย มีการร้องขอมา เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ประกอบการส่งตัวนายมาซุด มาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งศาลมาเลเซียจะมีการ พิจารณาคดีนายมาซุด เพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ในวันที่ 16 เม.ย. นี้ เวลา 09.00 น.
ทมั้งนี้ตนมั่นใจว่าหลักฐานที่ทางเราส่งไปให้มีความสำคัญ และจะทำให้ศาลมาเลเซียเห็นว่านายมาซุด มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดกลางกรุง 3 จุด ซึ่งตนเชื่อว่า ทางการมาเลเซีย จะส่งตัวกลับมาให้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และเมื่อได้ตัวแล้ว ก็อาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มนอกจากข้อหาตามหมายจับ เนื่องจากการก่อเหตุ ระเบิดดังกล่าว มีเป้าหมายที่ตัวบุคคล
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางการอินเดียก็ต้องการตัวนายมาซุดเช่นกันนั้น ตนเห็นว่าทางเราได้ประสานทางการมาเลเซีย เพื่อให้ส่งตัวนายมาซุด เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งขั้นตอนต่างๆ กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลของมาเลเซีย จึงคาดว่าน่าจะได้ตัวนายมาซุดก่อนประเทศอินเดีย
0***ฉก.ยะลา 11 จัดมาตรการเซฟตี้โซน
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ถนนรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกำลังภาคประชาชน ได้กระจายกำลังเพื่อจัดระบบการจราจร และควบคุมพื้นที่ย่านการค้าถนนรวมมิตร ซึ่งเป็นมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด หลังจากเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 109 ราย โดยเซฟตี้โซนถนนรวมมิตรนี้ จะจัดการจราจรออกเป็น ทางเข้า 7 ช่องทาง และทางออก 8 ช่องทาง โดยยังคงให้ถนนรวมมิตรทั้งสายใช้ระบบเดินรถทางเดียวเช่นเดิม
พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เปิดเผยว่า มาตรการเซฟตี้โซน นั้น จริงๆ แล้ว เดิมได้มีการปฏิบัติบนถนนสายรวมมิตร ซึ่งเป็นสายเศรษฐ กิจ มาตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว แต่มีเหตุผลบางประการทำให้ต้องยุติการใช้ จนเหลือการบังคับในการเดินรถเพียงเส้นทางเดียว และเมื่อหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 มี.ค ที่ผ่านมา เซฟตี้โซน 2 ก็ถูกเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ
โดยเฉพาะผวจ.ยะลา ซึ่งมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนมาก จึงให้ทาง ฉก.ยะลา 11 จัดกำลังทำเซฟตี้โซนขึ้นมาใหม่ โดยครั้งนี้จะมีทางเข้า 7 ช่องทาง ทางออก 8 ช่องทาง โดยทางเข้า 7 ช่องทางนั้น จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา และ ฉก.ยะลา 11 ปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นในทางเข้า ส่วนทางออก 8 ช่องทางนั้น กำลัง อป.พร. อส.จะร่วมกันจัดกำลังดูแล ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถนนสายรวมมิตรเกิดเหตุซ้ำอีก
สำหรับมาตรการนี้ จะใช้ไป 1 เดือนก่อน แล้วจะมีการประเมินว่า ประชาชนมีความพอใจในมาตรการการ รปภ.หรือไม่ และจะมีการปรับกันอีกครั้ง ทั้งนี้ ก็ต้องขอ ความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ช่วงแรกอาจจะไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจค้น แต่เพื่อความปลอดภัยก็ขอความร่วมมือจากประชาชน อีกทาง หนึ่งด้วย ส่วนความมั่นใจในมาตรการนี้นั้น ในขั้นต้นก็เชื่อว่าจะป้องกันยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัยได้ในระดับหนึ่งที่จะเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ ต่อไปก็จะมีเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งกล้องวงจรปิดเข้ามาช่วยในการตรวจค้น
0***สั่งจับตารถต้องสงสัย5 คัน หวั่นคาร์บอมบ์
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาว่า ขณะนี้ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์สถานการณ์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของโรงแรม และห้างสรรพสินค้าลี การ์เดนส์ พลาซ่า ที่ถูกลอบวางระเบิด ขณะนี้การเคลียร์ พื้นที่ทั้งหมดเสร็จแล้ว และเริ่มลงมือซ่อมแซมโครงสร้างอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของห้างสรรพสินค้า หลังจากที่ได้มีการยกเลิกประกาศห้ามใช้ อาคาร เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่าโครงสร้างยังแข็งแรง
โดยได้ระดมพนักงานเตรียมความพร้อมในส่วนของโรงแรม เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดได้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และบรรยากาศการท่อง เที่ยวของ อ.หาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอหาดใหญ่ยังคงเปิดจุดรับแจ้ง เพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ด้านหน้าโรงแรม โดยจะเริ่มย้ายไปยังที่ว่าการอำเภอ หาดใหญ่ในวันที่ 11 เม.ย.นี้
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเข้าออกทั้ง 47 สาย เพื่อเฝ้า ระวังรถคาร์บอมบ์อีก 5 คัน และจับตารถที่สวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 12 แผ่น ซึ่งได้มีการนำป้ายไปตั้งไว้ที่จุดตรวจทุกจุด
ขณะที่ความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้าย2 คนคือ นายเสรี แวมามุ และนายรุสลัน ใบมะ แนวร่วมใน จ.สงขลาที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวหาที่กบดานซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ
ข่าว 1
0…สื่อมาเลย์แฉ0…’แม้ว’ดอดถก0…กลุ่มก่อการร้ายชัด0…’ทวี สอดส่อง’โวย0…’นกม.-สื่อ’มั่วโยงโปรย…สื่อมาเลย์ยันชัด”แม้ว”ดอดถกแกนนำโจรใต้จริง แต่เหลว หลัง’เจ้าตัว-ลิ่วล้อ’ ดาหน้าปฏิเสธ “ทักษิณ”ชี้สงครามจบบนโต๊ะ ไม่ใช่สมรภูมิ ‘ทวี สอดส่อง’โวย การเมือง-สื่อ’ มั่ว โยงคุยกลุ่มก่อการร้าย “มาร์ค”ยันหลักฐานพบแกนนำก่อการร้ายจริง “นัจมุดิน”ชี้ภาพเก่าถ่ายร่วม”มะแซอุเซ็ง” ฉก.ยะลา 11 จัดมาตรการเซฟตี้โซน ถ.รวมมิตร มาเลเซียพิจารณาคดี”มาซุด” บึ้ม 3 จุดกทม. 16 เม.ย.นี้ วานนี้ (8 เม.ย.) เมื่อเวลา 08.30 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า มีนักการเมืองและสื่อ หลายแขนง นำภาพที่ตนและคณะ เดินทางไปพบกับชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหาร หรือที่เรียกว่าต้มยำกุ้งในมาเลเซีย และมีการรวมกลุ่มกันเรียกว่า ชมรมต้มยำกุ้ง ว่าเป็นภาพที่ตนเดินทางไปเจรจากับนายชำซูดิง คาน แกนนำขบวนการพูโล ทำให้เกิดความเข้าใจผิดซึ่งมีการโยงมาถึง การวางระเบิดคาร์บอมบ์ ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา และที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 0***ศอ.บต.โต้แต่คุยชมรมต้มยำกุ้ง สำหรับภาพที่มีการเชื่อมโยงว่า ตนและคณะไปเจรจา กับนายชำซูดิง คาน นั้นแท้จริงแล้ว เป็นภาพของนายวันซำซูดิน ดินวันฮูเซ็น ซึ่งเป็นตัวแทนของชมรมต้ม ยำกุ้ง เป็นคน จ.ยะลา และมีภรรยา เป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช เรื่องที่ไปพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่คนเหล่านี้ต้องการให้รัฐบาลมาเลเซียลดค่าใบอนุญาตการทำงาน หรือ เวิร์กเพอร์มิต ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้คนไทยเข้าไปทำงานอย่างถูกต้อง และเพิ่มรายได้ จึงไปพูดคุยรับฟังปัญหา โดยไปกันเป็นคณะ มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ของไทย และมีตัวแทนกงสุลร่วมรับฟังอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อมีข่าวออกมาว่าเป็นภาพของการเจรจากับแกนนำพูโล จึงสร้างความเสียหายให้กับนายวันซำซูดิน ที่คนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแกนนำพูโลและที่น่า เป็นห่วงคือ ประเทศมาเลเซีย อาจเข้าใจผิด เพราะการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า ตนไม่เคยได้รับคำสั่ง จากรัฐบาล หรือจาก ใคร ให้ไปพูดคุยกับแกนนำแบ่งแยกดินแดนไม่ว่าจะเป็นใคร และการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เป็นการไปพบกับชมรมต้มยำกุ้ง เพื่อแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน และ ต้องการให้มาเลเซียลดค่าอนุญาตการทำงานให้แก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ทั้งนี้ขอยืนยันว่า มีภาพถ่ายที่ชัดเจนว่า นายวันชำซูดิน ดินวันฮูเซ็น กับนายชำซูดิง คาน ซึ่งเป็นคนละคนกัน0***“ทักษิณ” ปัดคุยกลุ่มพูโล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7เม.ย.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างพักอยู่ที่ฮ่องกง ถึงกรณีที่ทางส.ส.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้ออกมาเผยแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าพบกับกลุ่มพูโล ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบทางภาคใต้ โดยพรรคฝ่ายค้าน พยายามโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่จ.ยะลา และโรงแรมลี การ์เดนส์ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ เผยถึงเรื่องดังกล่าว ว่า “ผมมีสิทธิ์เกี่ยวข้องอะไรที่จะไปพูดคุย ผมมันแค่คนตกงาน สิ่งที่ผมทำได้ คือ การขอ ความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการก่อการร้าย” ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะมีการเปิดเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ “ถ้าถามว่าควรมีการเจรจาไหม ผมเห็นว่าสมควรอย่างยิ่ง สงครามต้องสิ้นสุดกันที่โต๊ะเจรจา ไม่ใช่อยู่ในสมรภูมิ”0***โฆษกรบ.อัดปชป.กล่าวหา”นายใหญ่” นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกสำนักนายกฯ กล่าวระหว่างเป็นวิทยากรงานสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพ ส.ส.หญิงพรรคร่วมรัฐบาล ที่จ.ภูเก็ต ถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเชื่อมโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างปมปัญหาความรุนแรงภาคใต้เพราะไปพูดคุยกับขบวนการพูโล โดยอ้างว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ได้พูดคุยกับพูโล 2 รอบคือ รอบแรกคุยกับกลุ่มโจร 18 กลุ่ม รอบที่สอง คุยกับโจร 15กลุ่ม ถือว่าล้มเหลว เพราะกลุ่มโจรถอนตัวจากการเจรจา3กลุ่ม โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการแทรกแซงนโยบายของรัฐบาล และขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ แสดงหลักฐานให้ชัดเจน ถ้ามีภาพ มีคลิป มี รายละเอียด ให้นำมาดำเนินการทางกฎหมาย ขออย่าได้ชักช้า อย่าตั้งคำถามให้สังคมสับสน และเกิดเป็นประเด็นทางการเมือง นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ บริหารมา 2 ปี 8 เดือน นโยบายดับไฟใต้ล้มเหลว แต่ยังกล้านำเรื่องนี้มากลบเกลื่อนความล้มเหลวในอดีตอย่ากล่าว หา พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างเลื่อนลอย เพราะรัฐบาลและกองทัพ ไม่มีนโยบายเจรจากับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะการก่อความรุนแรงเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะยอมรับได้ พร้อมตำหนิพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำเรื่องความมั่นคงของชาติ มาเล่นการเมือง เพราะจะส่งผลเสียต่อความมั่นคง และไม่เป็นผลดี ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ และที่ สำคัญ อาจทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที ่ตกอยู่ในอันตราย จึงอยากขอถามว่า เป็นคนไทยหรือเปล่า00***ถาวร”ปัดเปล่าเผยภาพ”แม้ว”หารือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่าตนไม่ใช่เป็นผู้เปิดเผยข้อมูล ซึ่งรับทราบและกล่าวเพียงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พบกับ แกนนำผู้ก่อความไม่สงบจริง โดยครั้งแรกเป็นการขอพบนายสะแปอิง บาซอร์ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต แต่นายสะแปอิง ไม่มาพบในวันที่17มี.ค.ที่ผ่านมา จึงมีการพบกับกลุ่มอื่นแทน โดยมีการเสนอเงินค่าเยียวยาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่เป็นเอกภาพ กับฝ่ายความมั่นคง นายถาวรกล่าวว่า ในยุคพรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือกับแกนนำผู้ก่อความไม่สงบต่างๆ แต่เราทำงานร่วมกับความฝ่ายความมั่นคงอย่างมีเอกภาพ ยกตัวอย่างเช่น ในยุคที่พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ยังเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกฯมีการหารือกับแกนนำกลุ่มความไม่สงบ ที่ประเทศ มาเลเซีย และขอความร่วมมือจากมาเลเซีย ในเรื่องนี้ด้วย จนมีการส่งตัวผู้ก่อความไม่สงบมาดำเนินคดีในประเทศไทย ส่วนรูปแบบการเจรจาถือว่าไม่ผิด แต่ครั้งนี้ ถือว่าขาดความเป็นเอกภาพ ฉะนั้น อย่าหลงประเด็นกับกรณีที่พระเอกลิเกหลงโรง ออกมาพูด “ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ฝ่ายรัฐต้องให้ความสำคัญกับมาตรา 21 ของพ.ร.บ.การรักษาความมั่นภายในราชอาณาจักร ที่ให้ผู้ต้องหาที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เข้าสู่กระบวนการอบรม ตามระยะเวลา 3 – 6 เดือน หากศาลเห็นว่าไม่มีความผิด เนื่องจากมาตราดังกล่าวนี้จะเป็นการลดกำลังของฝ่ายตรงข้าม ที่จะปรับตัวเพื่อเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม หากไม่ให้ความสำคัญแล้วก็จะเกิดสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นอีก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความสำคัญกับพ.ร.บ.ดังกล่าวมาก เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างถูกจุด”0***”มาร์ค”ยันหลักฐานชัดพบแกนนำป่วน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเรียกร้องให้ฝ่ายค้านเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณและ ข้าราชการระดับสูงไปพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ ว่าฝ่ายค้านยินดีให้ข้อมูลเป็นการภายใน เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยว พันกับหลายเรื่อง ซึ่งข้อมูลที่ฝ่ายค้านได้มาไม่ได้นำมาจากเว็บไซต์เพียงอย่างเดียว แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องยังยืนยันมาด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่าสำหรับการหารือกันเรื่องผู้ก่อความ ไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้นั้นยินดี แต่อยากให้มีผู้ที่เกี่ยวข้องทุกส่วนได้ร่วมอยู่ด้วย ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศอ.บต. ยืนยันว่าเป็นการไปพบกับผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้ง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านมีข้อมูลที่ได้รับการ ยืนยันจากหลายฝ่าย รวมถึงทางการของมาเลเซียเองว่า การพบปะที่เกิดขึ้นมีหลายครั้ง ส่วนกรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯยังคงยืนยันแนวคิดตั้งนครรัฐปัตตานี เพื่อแก้ปัญหาภาคใต้นั้น ตนเห็นว่าการแก้ไขปัญหาต้องระมัดระวัง ยิ่งมีการ เสนอแนวคิดต่างๆแตกออกไปหลายประเด็น ยิ่งทำให้เกิดความสับสน แนวคิดนครรัฐปัตตานี เป็นแนวคิดที่ใช้หาเสียงกัน แต่พรรคที่ใช้หาเสียง ไม่ได้ผู้แทนในพื้นที่ แม้แต่คนเดียว เรื่องนี้จึงต้องคิดว่าถ้าแนวคิดนี้เป็นการแก้ไขปัญหาได้จริง ทำไมคนในพื้นที่จึงไม่ตัดสินใจสนับสนุน ส่วนแนวคิดในการกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังนั้น เรื่องนี้ส.ส.และคนในพื้นที่พร้อมที่จะพูดคุย โดยการดำเนินการเรื่องนี้ต้องมีความเหมาะสม และความพอดี โดยต้องทำ ความเข้าใจกับประชาชน เพราะหากมีการเข้มงวดกวดขันกัน ย่อมทำให้เกิดความไม่สะดวก เบื้องต้นเท่าที่ได้พูดคุยกับส.ส.และคนในพื้นที่ไม่มีปัญหาเพียงต่อขอให้มี การพูดคุยเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เมื่อจะมีการกำหนดมาตรการใดๆ ออกมา0***”นัจมุดิน”ชี้ภาพเก่าถ่ายร่วม”มะแซอุเซ็ง” นายนัจมุดิน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาส สมาชิกพรรคมาตุภูมิ (มภ.)กล่าวปฏิเสธภาพถ่ายร่วมกับแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบนายมะแซ อุเซ็ง ว่า ภาพดังกล่าว เป็น ภาพถ่ายเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ป่าตอง สมัยที่นายมะแซเป็นอบต. และตนก็ขอให้มีการแก้ข่าวในเรื่องนี้ ซึ่งถ้าไม่แก้ข่าวให้ ตนจะฟ้อง เพราะไม่เป็นความจริง และไม่ใช่ว่า หาภาพพ.ต.ท.ทักษิณ เจรจากับแกนนำไม่ได้ แล้วจะไปหยิบภาพอะไรมาเล่นก็ได้ เพราะการหารือที่มาเลเซีย ไม่มีพ.ต.ท.ทักษิณ เข้าร่วมหารือแม้แต่ครั้งเดียว นายนัจมุดิน กล่าวว่า ตนไปงานแต่งที่มาเลเซียได้มีโอกาสเจอกันทั้งหมดก็ถือโอกาสพูดคุยว่า จะแก้ปัญหากันอย่างไร เป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลไทยพร้อมเปิด พื้นที่ร่วมแก้ปัญหา จากนั้นเป็นหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับกระทรวงการต่างประเทศ ดังนั้นเรื่องของการไปเจรจาจึงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และการที่ตนนำสารไปแจ้งมันผิดตรงไหน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามออกมายืนยันว่า มีหลักฐานพ.ต.ท.ทักษิณ เจรจากับแกนนำนั้น นายนัจมุดดีน กล่าวว่า ตนไม่อยากให้เล่นเกมการเมืองกันเกินไป และเรื่องของการเจรจาก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะถ้าเจรจาต้องเป็นเรื่องของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เท่านั้น และตนก็ได้พูดคุยกับพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้า พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปรองดอง(กมธ.ปรองดอง) สภาฯก็บอกแล้วว่า การพูดคุยในการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ป็นคนละเรื่องกับเรื่องปรองดอง0***สื่อยันชัด“แม้ว” ถกโจรใต้จริง แต่เหลว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะทางเฟชบุ๊ก มีการนำภาพสกู๊ปข่าวที่อ้างว่าเขียนโดย “มร.ลี เจิ่น เหวย” ลงตีพิมพ์ในหนังสือ พิมพ์ ภาษาจีนชื่อ “กวางหวารึเป้า” ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ในประเทศเทศมาเลเซีย ฉบับประจำวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ดยในภาพหน้าหนังสือพิมพ์ภาษาจีนดังกล่าวระบุว่า เรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของไทย ที่แอบไปตั้งโต๊ะเจรจากับแกนนำกลุ่มโจรใต้ หรือขบวนการพูโลเมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงกัวลาลัมปอร์ เมืองหลวงของ มาเลเซีย เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ปรากฏว่าในส่วนของผู้ใช้เฟชบุ๊ก ได้มีการแชร์กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งก็ตามด้วยการโพสต์แสดงความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์กันต่อเนื่อง จำนวนมาก อย่าง ไรก็ตาม ในภาพที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์นั้น นอกจากภาพของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้ว ที่ประกบคู่อยู่คือ ภาพของนายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษา จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.แต่ไม่มีรายละเอียดยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร0***ผบ.ตร.”้อ้างไม่รู้ข่าว”แม้ว”เจรจา พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเจรจาและถ่ายภาพร่วมกับแกนนำในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ตนไม่ทราบและไม่มี ข้อมูลในเรื่องนี้ ส่วนเหตุระเบิดคาร์บอม ในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลานั้น ยอมรับว่าในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มีแนวร่วมผู้ก่อเหตุ เข้ามาอาศัยอยูในพื้นที่ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ทราบว่าเคยถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสืบสวน ขยายผลเพื่อจับกุมกลุ่ม แนวร่วมให้ได้ รวมทั้งต้องเฝ้าระวังด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด ส่วนมาตรการป้องกันการก่อการร้ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวัง และ เพิ่มความเข้มงวด แต่ขณะนี้ทางการข่าวยังไม่มีการแจ้งเตือนเข้ามาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว หากจะเข้มงวดมากเกินไปก็คงไม่ได้ อีกทั้งประเทศไทยไม่มีหน่วยงาน ด้านการข่าวไปประจำ การยังต่างประเทศ เหมือนประเทศมหาอำนาจอื่น จึงต้องประสานงานกับหน่วยข่าวกรองของประเทศต่างๆ ตลอดเวลา ซึ่งหากมีการแจ้งเตือนเข้ามา ก็จะเร่ง ดำเนินการ ตามคำเตือนทันที ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการติดตามตัว นายมาซุด เซดากัต ซาเด ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ร่วมกับพวกก่อเหตุระเบิด ภายในซอย สุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกทางการมาเลเซียจับกุมตัวไว้ได้ ว่า ล่าสุดทางสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ได้ทำเรื่องส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ที่ร่วม กันก่อเหตุแล้ว และเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)สำนักงานอสส. และกระทรวงต่างประเทศ ได้ส่งหลักฐานภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด ที่จับภาพเหตุการณ์ได้ทั้ง ช่วงก่อนระเบิด ขณะระเบิด และหลังระเบิด จนกระทั่งนายมาซุด หลบหนี ไปให้ทางการมาเลเซียแล้ว ทั้งนี้ภายหลังจากทางอัยการของมาเลเซีย มีการร้องขอมา เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ประกอบการส่งตัวนายมาซุด มาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งศาลมาเลเซียจะมีการ พิจารณาคดีนายมาซุด เพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ในวันที่ 16 เม.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ทมั้งนี้ตนมั่นใจว่าหลักฐานที่ทางเราส่งไปให้มีความสำคัญ และจะทำให้ศาลมาเลเซียเห็นว่านายมาซุด มีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดกลางกรุง 3 จุด ซึ่งตนเชื่อว่า ทางการมาเลเซีย จะส่งตัวกลับมาให้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และเมื่อได้ตัวแล้ว ก็อาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มนอกจากข้อหาตามหมายจับ เนื่องจากการก่อเหตุ ระเบิดดังกล่าว มีเป้าหมายที่ตัวบุคคล ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าทางการอินเดียก็ต้องการตัวนายมาซุดเช่นกันนั้น ตนเห็นว่าทางเราได้ประสานทางการมาเลเซีย เพื่อให้ส่งตัวนายมาซุด เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งขั้นตอนต่างๆ กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลของมาเลเซีย จึงคาดว่าน่าจะได้ตัวนายมาซุดก่อนประเทศอินเดีย0***ฉก.ยะลา 11 จัดมาตรการเซฟตี้โซน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ถนนรวมมิตร เขตเทศบาลนครยะลา ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และกำลังภาคประชาชน ได้กระจายกำลังเพื่อจัดระบบการจราจร และควบคุมพื้นที่ย่านการค้าถนนรวมมิตร ซึ่งเป็นมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด หลังจากเกิดเหตุคาร์บอมบ์ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 109 ราย โดยเซฟตี้โซนถนนรวมมิตรนี้ จะจัดการจราจรออกเป็น ทางเข้า 7 ช่องทาง และทางออก 8 ช่องทาง โดยยังคงให้ถนนรวมมิตรทั้งสายใช้ระบบเดินรถทางเดียวเช่นเดิม พ.ท.ชลัช ศรีวิเชียร รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 11 เปิดเผยว่า มาตรการเซฟตี้โซน นั้น จริงๆ แล้ว เดิมได้มีการปฏิบัติบนถนนสายรวมมิตร ซึ่งเป็นสายเศรษฐ กิจ มาตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว แต่มีเหตุผลบางประการทำให้ต้องยุติการใช้ จนเหลือการบังคับในการเดินรถเพียงเส้นทางเดียว และเมื่อหลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 31 มี.ค ที่ผ่านมา เซฟตี้โซน 2 ก็ถูกเรียกร้องจากประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะผวจ.ยะลา ซึ่งมีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนมาก จึงให้ทาง ฉก.ยะลา 11 จัดกำลังทำเซฟตี้โซนขึ้นมาใหม่ โดยครั้งนี้จะมีทางเข้า 7 ช่องทาง ทางออก 8 ช่องทาง โดยทางเข้า 7 ช่องทางนั้น จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.ยะลา และ ฉก.ยะลา 11 ปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นในทางเข้า ส่วนทางออก 8 ช่องทางนั้น กำลัง อป.พร. อส.จะร่วมกันจัดกำลังดูแล ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถนนสายรวมมิตรเกิดเหตุซ้ำอีก สำหรับมาตรการนี้ จะใช้ไป 1 เดือนก่อน แล้วจะมีการประเมินว่า ประชาชนมีความพอใจในมาตรการการ รปภ.หรือไม่ และจะมีการปรับกันอีกครั้ง ทั้งนี้ ก็ต้องขอ ความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ช่วงแรกอาจจะไม่ได้รับความสะดวก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการตรวจค้น แต่เพื่อความปลอดภัยก็ขอความร่วมมือจากประชาชน อีกทาง หนึ่งด้วย ส่วนความมั่นใจในมาตรการนี้นั้น ในขั้นต้นก็เชื่อว่าจะป้องกันยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัยได้ในระดับหนึ่งที่จะเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ ต่อไปก็จะมีเครื่องมือต่างๆ รวมทั้งกล้องวงจรปิดเข้ามาช่วยในการตรวจค้น0***สั่งจับตารถต้องสงสัย5 คัน หวั่นคาร์บอมบ์ ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาว่า ขณะนี้ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์สถานการณ์ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของโรงแรม และห้างสรรพสินค้าลี การ์เดนส์ พลาซ่า ที่ถูกลอบวางระเบิด ขณะนี้การเคลียร์ พื้นที่ทั้งหมดเสร็จแล้ว และเริ่มลงมือซ่อมแซมโครงสร้างอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของห้างสรรพสินค้า หลังจากที่ได้มีการยกเลิกประกาศห้ามใช้ อาคาร เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่าโครงสร้างยังแข็งแรง โดยได้ระดมพนักงานเตรียมความพร้อมในส่วนของโรงแรม เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดได้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และบรรยากาศการท่อง เที่ยวของ อ.หาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอหาดใหญ่ยังคงเปิดจุดรับแจ้ง เพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ด้านหน้าโรงแรม โดยจะเริ่มย้ายไปยังที่ว่าการอำเภอ หาดใหญ่ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนเส้นทางเข้าออกทั้ง 47 สาย เพื่อเฝ้า ระวังรถคาร์บอมบ์อีก 5 คัน และจับตารถที่สวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 12 แผ่น ซึ่งได้มีการนำป้ายไปตั้งไว้ที่จุดตรวจทุกจุด ขณะที่ความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้าย2 คนคือ นายเสรี แวมามุ และนายรุสลัน ใบมะ แนวร่วมใน จ.สงขลาที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวหาที่กบดานซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ


นสพ.พิมพ์ไทย

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง