บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เสรีภาพสื่อมวลชนกับความอดทนของรัฐบาล


แก้วสรร อติโพธิ

วันสองวันนี้มีข่าวแพร่ไปทั่วในหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับว่า เนื่องในคราวที่ นายกฯยิ่งลักษณ์ เดินทางไปเขมรเพื่อร่วมประชุมอาเซียนครั้งที่ 20 นี้ โทรทัศน์ช่อง 7 ได้เวียนมารับงานเป็นแม่ข่ายของ "ทีวีพูล" เมืองไทยพอดี จึงได้คัดนักข่าวเตรียมไว้เพื่อการนี้แล้ว คือ คุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร กับผู้ช่วย แต่ต่อมาก็มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลโทรศัพท์มาขอให้ บก.ข่าวช่อง 7 เปลี่ยนตัวนักข่าว แต่ บก.ก็ไม่ยินยอม จนในที่สุดช่อง 7 ก็ได้รับแจ้ง จากกระทรวงต่างประเทศ ว่าทางเขมรไม่อาจรับนักข่าวได้อีกเนื่องจากเต็มโควตาแล้ว
คุณสมจิตต์นี้ตามประวัติก็ถูกพวกเสื้อแดงหมายหัวไว้แล้ว เพราะสัมภาษณ์แบบรุกฆาต นายกฯหลายครั้ง ครั้นมาคราวนี้จึงถูกกันออกไปจากงานอาเซียนในที่สุด ซึ่งเมื่อฝ่ายสื่อมวลชนรุกตั้งคำถามถึงเหตุผล โฆษกประจำตัวนายกฯ ก็ให้คำอธิบายออกมาว่า คุณสมจิตต์ มักจะมีเป้าหมายแอบแฝงในการตั้งคำถาม ที่ไม่ให้เกียรตินายกฯ มีความลำเอียงอย่างออกนอกหน้า รวมถึงไม่ทำการบ้านมาดีพอ พอโดนใส่เข้าอย่างนี้ คุณสมจิตต์ก็ได้ออกมาชี้แจง ตอบโต้ ตอกกลับไปแล้ว เช่นที่ทราบกัน
จุดยืนของทั้งสองฝ่ายเช่นที่กล่าวมา ได้จุดให้เกิดแง่มุมความคิดที่น่าสนใจไม่น้อยว่า เส้นแบ่งระหว่างเสรีภาพของสื่อมวลชนกับความอดทนของรัฐบาลนั้นมีหรือไม่ และอยู่ที่ตรงไหน ซึ่งก็มีคำตอบที่ผมจะขอนำเสนอในทำนอง ปุจฉา-วิสัชนา ไปโดยลำดับ ดังนี้
ถาม นักข่าวที่ลำเอียงถือฝักฝ่าย มุ่งตั้งคำถามไล่ต้อนเป้าหมายให้จนมุม ในหัวสมองนั้นก็กลับไม่ทำการบ้าน ไม่มีข้อมูลหรือความรู้ดีพอนั้น อาจารย์ว่ามีจริงไหม
ตอบ มีได้ทุกลักษณะล่ะครับ เรื่องถือฝักฝ่ายชอบหรือไม่ชอบใครนี่ห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว เรื่องไล่ต้อนจะให้จนมุมให้ได้นี่มีถนัดอยู่ไม่กี่คน มันขึ้นอยู่กับฝีมือและข้อมูล ความคิด ความรู้ เป็นสำคัญ ถ้าไม่มีฐานความรู้อยู่ในสมองมันก็ต้อนใครจริงๆไม่ได้ หรือมีฐานความรู้แต่ขาดฝีมือซักไม่เป็น ต้อนไม่เป็น มันก็ไร้ความหมายอีกเหมือนกัน ที่ โฆษก นายกฯ อัดคุณสมจิตต์ ออกมาทางเฟสบุ๊ค อย่างนี้ ถือว่าหนักมาก
ถาม แต่มันก็เป็นเสรีภาพเป็นตัวตนของนักข่าวเขาไม่ใช่หรือครับ นายกฯไม่ใช่เจ้านาย ไม่ใช่บรรณาธิการของนักข่าวเลย แล้วมาแยแสกับนักข่าวประเภทนั้นประเภทนี้ทำไม
ตอบ คุณเห็นว่า นายกฯ มีหน้าที่ต้องอดทนกับนักข่าวอย่างนั้นใช่ไหม? นักข่าวมีเสรีภาพจะต้อนนายกฯยังไงก็ได้ อย่างนั้นหรือ? คุณมีเหตุผลอะไรมาบอกให้เขาต้องอดทนให้ได้
ถาม มันมีวิธีเลี่ยง วิธีตอบ วิธีโต้ นักข่าวอยู่มากมายนะครับ อาจารย์ไม่เห็นว่าเป็นภาระงานในหน้าที่ ที่คนเป็นนายกฯต้องยอมรับและเรียนรู้หรอกหรือ อย่าลืมว่ารัฐธรรมนูญกำหนดห้ามไม่ให้ นักการเมืองใช้อำนาจแทรกแซงสื่อมวลชนนะครับ
ตอบ ผมเห็นด้วยกับคุณ แต่คุณต้องตอบให้ได้ว่า อะไรคือฐานของ “หน้าที่อดทน” ที่คุณว่า
ถาม แล้วอาจารย์ว่าหน้าที่นี้มันมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เสรีภาพของสื่อมวลชน
ตอบ ผมไม่เชื่อในเสรีภาพสื่อ เสรีภาพสื่อในตัวมันเองไม่มีค่าน่านับถืออะไร เพราะที่แท้จริงนั้นมันมีคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นของปวงชนชาวไทย สิทธิตัวนี้เท่านั้นที่นายกรัฐมนตรีทุกคนจะต้องยอมรับโดยไม่มีเงื่อนไข และต้องให้เสรีภาพแก่การสื่อสารของมวลชนในสังคม เพราะนายกฯ คือผู้มารับงานชิ้นหนึ่งไปทำตามอาณัติของประชาชนเท่านั้น จะมาปิดหูปิดตาชาวบ้านได้ยังไง
ถาม ผู้สื่อข่าวจะปากเสีย ก้าวร้าว อย่างไร รัฐบาลก็ต้องทน?
ตอบ ประชาชนคือคนตัดสิน นายกฯหรือใครในรัฐบาลไม่มีสิทธิมาเลือกแทนประชาชนว่า เขาควรจะฟังนักข่าวคนไหน หรือสไตล์อะไร การยอมรับให้รัฐบาลเซ็นเซอร์ข่าว หรือนักข่าว ได้อย่างนี้ นี่คือการละเมิดสิทธิปวงชนไม่ใช่ละเมิดเสรีภาพนักข่าวอย่างที่พูดๆกัน
ถาม โฆษกนายกฯ ไม่มีสิทธิวิพากษ์นักข่าวบ้างหรือครับ
ตอบ มีแน่นอนอยู่แล้ว ตรงนั้นมันไม่ผิดหรอกครับ มันผิดแต่แรกแล้ว ผิดตรงที่มีใครในรัฐบาลไปโทรบอกช่อง 7 ให้เปลี่ยนตัวคุณสมจิตต์ไม่ให้ไปทำข่าวที่เขมร ตรงนี้ต่างหากที่ความผิดสำเร็จไปแล้ว เพราะเป็นการล่วงสิทธิ์ประชาชน ไปเลือกแทนประชาชนเองแล้วว่า ควรจะฟังนักข่าวคนไหน
ถาม ถ้าเช่นนั้น...งานนี้ก็ถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ เลยสิครับ
ตอบ เซ็นเซอร์คนนี่แสบกว่าเซ็นเซอร์ข่าวมากมายนัก ขัดรัฐธรรมนูญชัดเลยครับรัฐธรรมนูญไม่ได้บังคับแต่เฉพาะการออกกฎหมาย หรือ คำสั่งการทางปกครองเท่านั้นนะคุณ
ถาม แล้วจะเอาเรื่องไปฟ้องศาลไหนให้จัดการได้ล่ะครับ ในเมื่อเป็นแค่โทรศัพท์บอกกล่าวให้เปลี่ยนตัวนักข่าวเท่านั้นอย่างนี้
ตอบ แม้กรณีนี้จะไม่ใช่คดีรัฐธรรมนูญหรือคดีปกครองตามกฎหมายก็ตาม แต่แค่นี้เราก็ล่าชื่อกล่าวหาขอถอดถอนรัฐมนตรีต่อวุฒิสภาได้แล้วครับ ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยก็ได้ การจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญนี่ถูกจัดการทางการเมืองก็ได้ ไม่จำเป็นว่ามีอะไรก็ต้องไปฟ้องศาลเสียหมดทุกเรื่อง
ถาม ถ้ารัฐบาลสั่ง ปตท.ถอนโฆษณาในหนังสือพิมพ์ ที่ชอบด่ารัฐบาล อย่างนี้ใช้รัฐธรรมนูญจัดการได้ไหม
ตอบ ถ้าคุณสามารถพิสูจน์ได้อย่างนั้นจริงๆ ก็ถอดถอนได้แน่นอนครับ
ถาม นี่ขนาดมีเลือกตั้งแล้ว แล้วยังเป็นเผด็จการอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ไม่รู้จักรับฟัง หรืออดทนกันบ้างเลยหรืออย่างไร
ตอบ ก็พรรคเพื่อไทยเขาได้ที่นั่ง สส.เกินครึ่ง ไม่ใช่หรือ
ถาม การชนะเลือกตั้งมันกลายเป็นใบอนุญาตให้เผด็จการตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอบ ถามจริงๆ คุณมีเมียแล้วหรือยังไม่ทราบครับ
ถาม มีแล้วครับ นี่ถามทำไมกันนี่
ตอบ “มี” เมีย...ที่คุณว่ามานี่...ดูจากอะไร
ถาม ก็กินอยู่ด้วยกันทุกวัน จดทะเบียนสมรสด้วย แล้วจะบอกว่าไม่มีเมียได้อย่างไรกัน
ตอบ “เมีย” นี่แปลว่าเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก คู่คิด...ถามจริงๆ แล้วเมียคุณเป็น”เมีย”อย่างนี้จริงๆ ไหม
ถาม จริงๆ เธอทำตัวเป็น “แม่”ผมมาก กว่าครับ
ตอบ ประชาธิปไตยก็เหมือนกันล่ะคุณเอ๋ย “มี”ประชาธิปไตย คือมีแต่เลือกตั้งมีแต่รัฐธรรมนูญเท่านั้น มันก็หาได้ทำให้เราเป็นประชาธิปไตยได้เสมอไปไม่ยังมีปัจจัยอื่นอีกมากที่จะร่วมเป็นตัวกำหนดด้วย “มี” เลือกตั้งแล้วจึงอาจไม่ “เป็น”ประชาธิปไตยก็ได้
“เผด็จการเสียงข้างมาก” จึงมีอยู่จริง...และอาจเกิดขึ้นตำตาเราในทุกวันนี้แล้วก็เป็นได้....ดูให้ดีๆ


สยามรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง