(แนวหน้าวิเคราะห์)
รัฐบาลทักษิณส่วนหน้าภายใต้การนำของนายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเป็นแค่รัฐบาล หุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดย พ.ต.ท.ทักษิณ และเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะที่เป็นนายใหญ่ตัวจริงโดย ในการวีดีโอลิงค์มายังเวทีปราศรัยการชุมนุมคนเสื้อแดง หลายหมื่นคน ที่โบนันซ่ารีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวชื่นชมที่ร่าง แก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)ยกร่าง รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับของรัฐบาลผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น ขณะเดียวกันก็ปลุกขวัญมวลชนคนเสื้อแดงให้ยอมตายเพื่อระบอบ ทักษิณด้วยการส่งสัญญาณสั่งการ ไปยังรัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้เป็นน้องสาว ว่าจะต้องมีการจ่ายเงินเยียวยาปูนบำเหน็จแก่คนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้ในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้าน ทำลายเมืองจนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สามารถช่วงชิงอำนาจรัฐกลับคืนมา ได้สำเร็จภายในเวลา 3 เดือน
หลังคำประกาศิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็สนองคำสั่งในทันทีทันใดโดยล่าสุด คณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ จากการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553 โดยอ้างแบบ ตีขลุมว่าเพื่อสร้างความปรองดอง ทั้งๆ ที่เป้าหมายแอบแฝง ที่แท้จริงเพื่อเป็นการปูนบำเหน็จให้เหล่ากองกำลังคนเสื้อแดง ที่ร่วมเหตุการณ์เผาบ้านทำลายเมืองให้มีขวัญกำลังใจยอมขายชีวิตแลกกับเงินก้อนโตสู้เพื่อระบอบทักษิณต่อไป
มติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการ สร้างบรรทัดฐานอันเลวร้ายเพราะกลายเป็นว่าม็อบที่ใช้ความรุนแรงถึงขั้นก่อการร้ายเผาบ้านทำลายประเทศเพื่อระบอบทักษิณกลับได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งบงการอยู่เบื้องหลังม็อบคนเสื้อแดง กลับใช้อัฐยายซื้อขนมยายด้วยการสั่งการผ่านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ให้ใช้งบประมาณแผ่นดินปูนบำเหน็จแก่คนเสื้อแดงที่ทำร้ายประเทศยอมขายชีวิตเพื่อตัวเอง
ด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐบาลทักษิณส่วนหน้าอาศัยพวกมากลากไปเดินตามแผนรุกคืบแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทรัพย์สิน 46,000 ล้านบาท ที่ถูกยึดตกเป็นของแผ่นดินคืน รวมทั้งแผนที่จะรื้อโครงสร้างเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งใหญ่ด้วยการ ลดอำนาจบทบาทของสถาบันหลักต่างๆ ของชาติที่เป็นอุปสรรคขวากหนามในการแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลเพื่อ ยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของระบอบทักษิณ โดยเฉพาะ สถาบันศาล องค์กรอิสระต่างๆ และอาจรวมถึงกองทัพ
ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์พิเศษทีมงานของหนังสือพิมพ์ในเครือบางกอกโพสต์ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยส่งสัญญาณชัดเจนว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลง อำนาจบทบาทของศาลตลอดจนองค์กรอิสระต่างๆ ขณะที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาขานรับสัญญาณของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยย้ำว่าต้องมีการรื้ออำนาจหน้าที่ของศาลและองค์กรอิสระครั้งใหญ่เพื่อให้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลเกิด ความเที่ยงธรรมซึ่งก็สอดคล้องกับสัญญาณของบรรดาแกนนำพรรค เพื่อไทยก่อนหน้านี้โดยเฉพาะ นายวัฒนา เมืองสุข สส.บัญชีรายชื่อ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย
จากท่าทีของพรรคเพื่อไทยตลอดช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณชัดเจนว่ามุ่งที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านส.ส.ร.ร่างทรงเพื่อรื้ออำนาจบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือแม้แต่ศาลยุติธรรมโดยมีแนวคิดกำหนดให้ประธานศาลฎีกาจากเดิมที่คัดเลือกกันเองในหมู่ตุลาการมา เป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ส่วนองค์กรอิสระซึ่งตกเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะถูกลดอำนาจบทบาทก็คือคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งสถาบันศาลและองค์กรอิสระ ทั้งหมดข้างต้นล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญในการขยายอำนาจทาง การเมือง และเศรษฐกิจเพื่อผูกขาดอำนาจยึดครองประเทศของระบอบทักษิณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองที่เคยฝากรอยแค้นฝังลึกไว้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีตัดสินให้ยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตกเป็นของแผ่นดิน รวมทั้งตัดสินให้จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปีโดยไม่รอลงอาญาในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก
นักวิเคราะห์มองว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรื้ออำนาจบทบาทของสถาบันศาลและองค์กรอิสระต่างๆ ก็เท่ากับเป็นการทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายการเมืองอย่างสิ้นเชิงซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากและเป็นการนำพาประเทศถอยหลังเข้าคลอง
จากความพยายามที่จะดันทุรังใช้พวกมากลากไปแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีเป้าหมายแอบแฝงเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านอย่างกว้างขวางจนหวั่นเกรงว่าจะกลายเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติ โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้าน เสนอว่าเพื่อเป็นการถอดชนวนความขัดแย้งและเป็นการสร้าง หลักประกันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะไม่แตะต้องในประเด็นที่อ่อนไหว ดังนั้นควรที่จะมีการกำหนดเงื่อนไขไว้ให้ชัดเจนในร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญว่าจะไม่มีการแตะต้องใน 3 ประเด็นสำคัญที่เป็นเรื่องอ่อนไหวคือ 1.หมวดว่าด้วยพระมหากษัตริย์ 2.หมวดว่าด้วยศาล และองค์กรอิสระ และ 3.ต้องไม่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ชมรม ส.ส.ร.50 ซึ่งเป็นอดีตส.ส.ร.ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนำโดย นายเกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ออกมาเคลื่อนไหวและเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรา 291 บัญญัติให้อำนาจสมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในบางมาตราบางหมวดเท่านั้น ไม่ได้ให้คนนอก มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับซึ่งเท่ากับ ล้มล้างรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
นายคมสันต์ โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช หนึ่งในชมรมส.ส.ร.50 ชี้ว่า การล้มล้างรัฐธรรมนูญปัจจุบันแล้วตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับไม่ต่างอะไรจากการรัฐประหารยึดอำนาจประเทศโดยเผด็จการรัฐสภา และเข้าข่ายความผิดมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญซึ่งพรรคการเมืองที่ร่วมแก้ไขมาตรา 291 อาจได้รับโทษถึงขั้นยุบพรรคฐาน ล้มล้างรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย
ขณะที่ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำ กลุ่มเสื้อหลากสี เตรียมยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อตั้งส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งหากศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญก็จะทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็น โมฆะทันที
นอกจากนี้ยังเตรียมยื่นเรื่องเพื่อดำเนินคดีอาญาและให้ยุบพรรคการเมืองที่รับหลักการแก้ไขมาตรา 291 ด้วย
ด้านพลังประชาชนหลายกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งมีการประชุมแกนนำจากทั่วประเทศประกาศเดินหน้าคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้อย่างถึงที่สุด
แม้จะเกิดกระแสต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จน อาจนำไปสู่วิกฤติของประเทศ แต่พ.ต.ท.ทักษิณดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ แม้แต่น้อย และยังคงมุ่งเดินหน้าด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกอย่าง จะ เป็นไปตามแผนที่ตัวเองวางไว้ โดยเขาให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ที่ประเทศเกาหลีใต้เมื่อเร็วๆ นี้แสดงความมั่นใจอ้างว่าเขาจะเดินทาง กลับประเทศไทยได้ภายในสิ้นปีนี้ และอ้างด้วยว่าคนไทย 66 ล้านคน สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวต่างชาติถามว่า หากเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่รับโทษจำคุก 2 ปีตามคำพิพากษา ของศาลจะสร้างความสมานฉันท์ได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กลับอ้างหน้าตาเฉยว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร จากท่าทีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งนอกจากสะท้อนความเป็นผู้นำตัวจริงของรัฐบาลและบงการอยู่เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองแล้ว ยังเป็นการท้าทาย พลังมหาชนที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีวาระแอบแฝงครั้งนี้
ทีมข่าวการเมือง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น