โดยแทน ราศนา
เหตุผลสำคัญที่นำมากล่าวอ้างเพื่อทำการฉีกรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ของ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ก็คือ การบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ของรัฐบาลก่อน เกิดการคอร์รัปชั่นขึ้นอย่างมากมาย โดยมีผู้นำประเทศ บริวารและญาติโกโหติกาพากันรุมแทะทึ้งทรัพย์สมบัติแผ่นดินที่ตนเองได้รับมอบหมายจากประชาชน จากสังคมให้เข้าไปจัดการดูแล จนสังคมรับพฤติกรรมผลาญชาติอย่างนั้นไม่ไหว ความไม่พอใจของสังคมกลายเป็นถังเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ที่ทำให้กลุ่มคนหลากหลาย นับตั้งแต่ “ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น และฝ่ายคุ้ย” ต่างเข้ารุมสกรัมยิงธนูเพลิงเข้าใส่ สุดท้ายฝ่ายคว้า คือคมช.ตัดสินใจทำรัฐประหาร น่าที่จะได้รับการบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยว่า เป็นการทำรัฐประหารที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
หากเปรียบประเทศเป็นเสมือนบ้านหนึ่งหลัง ประชาชนผู้เป็นลูกบ้านหรือคนอยู่ในบ้าน ได้มีฉันทามติให้เลือกนายกรัฐมนตรี อันเปรียบเสมอพ่อบ้านเข้าไปจัดการดูแลทรัพย์สินแผ่นดินหรือตัวบ้านให้เกิดความมั่นคงตรงตั้ง พ่อบ้านมีหน้าที่จะต้องคอยทำนุบำรุงบ้านเรือนที่อยู่ร่วมกันให้อยู่เย็นเป็นสุข ดูแลความมั่นคง ความปลอดภัย กระทั่งแสวงหาแนวทางใดก็ตามที่จะสร้างความมั่งคั่งแข็งแรงให้กับบ้านเรือนอันเป็นสินทรัพย์ส่วนรวม
การณ์ได้ปรากฎชัดแล้วว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นั้นได้สมคบกับบริวารตัดริดเสาเรือนออกขายให้แก่คนต่างชาติต่างภาษาทีละต้นสองต้น เหล่าบริวารก็ได้เข้าร่วมสมาคมรื้อกระเบื้องมุงหลังคาออกขาย กระทำตนเป็นมอดไม้รุมเจาะไชขื่อแป เป็นงานโยธาธิการที่แสดงออกถึงการมุ่งโสณทุจริตประเทศอย่างโจ่งแจ้ง
มีการวางแผนคอร์รัปชั่นที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่เรียกกันว่า “ทุจริตเชิงนโยบาย”
เป็นความผิดที่ตัวบทกฎหมายในรัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ไม่สามารถเอาผิดได้ ไม่สามารถกระชากคอนักการเมืองผู้วางนโยบายอันทำให้เกิดความผิดพลาดในการบริหาร เป็นผลให้ประเทศชาติต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปนับหมื่นนับแสนล้านบาทเข้าคุกได้แม้แต่รายเดียว
อดีตผู้นำประเทศที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเมืองไทย นักการเมืองและบริวารที่ร่วมกระทำการโสณทุจริตยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม และยังได้กลับมามีอำนาจผ่านการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความทุจริตซึ่งได้รับการรับรองจาก กกต.(กรรมการรับรองการโกงการเลือกตั้ง)
ปรากฏการณ็ดังนี้ นอกจากได้แสดงออกถึงช่องว่างทางกฎหมาย ความขาดหายในทางประสิทภาพของรัฐธรรมนูญแล้ว ยังได้สะท้อนถึงคุณภาพนักการเมืองของประเทศไทย ที่ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดกล่าวพาดพิงไปถึง นอกเสียจากการพะวักพะวนสนใจอยู่กับการมุ่งเน้นนับจำนวนและวิธีการที่จะได้มาในเชิงปริมาณ
ประเด็นคุณภาพของนักการเมืองในระบอบที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยของไทยจึงเป็นปมปัญหาหลักของรัฐธรรมนูญทุกฉบับ และจะเป็นสาเหตุหลักที่จะทำให้รัฐธรรมนูญที่กำลังจะประกาศใช้ใหม่และฉบับต่อๆไปขาดหลักประกันถึงความยั่งยืน เสี่ยงต่อการถูกฉีกทิ้งเหมือนฉบับเดิมๆ
และเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๔๐ เนื้อแท้ก็คือรัฐธรรมนูญฉบับนายทุนใหญ่ จึงไม่มีมาตรการกำกับการโกงกินหรือการทุจริตเชิงนโยบาย อันเป็นวิธีการที่พวกเขาใช้ในการขูดรีดสังคมและเอารัดเอาเปรียบคนทั้งประเทศ
การเอาผิดกับนักการเมืองที่กระทำโสณทุจริตต่อประเทศในเชิงนโยบายจึงน่าจะเป็นเป้าหมายหลักในรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๕๕๐ รัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่ควรมีเพียงการป้องกันหรือกีดกันนักการเมืองผู้ทุจริตไม่ให้เข้าสู่ระบบเลือกตั้ง หากจะต้องมีมาตรการปราบปรามควบคู่ คือจะต้องมีหลักการอันเป็นแม่บทเอื้อให้องค์กรอิสระหรือเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายเอาผิดกับนักการเมืองที่ทุจริตเชิงนโยบายได้โดยง่าย และโอกาสก็ผ่านไปแล้วอย่างน่าเสียดาย
การโค่นล้มระบอบทักษิณลงไปได้โดยง่ายดายเพราะประชาชนเห็นชัดแล้วว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นั้นและพวกพ้องกระทำโสณทุจริตต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง แต่นับเนื่องมาจากวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา เป็นเพราะคมช.และรัฐบาลชุด คมช.ยังไม่สามารถเอาผิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีและบริวารได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดกระบวนการเรียกร้องให้นำอดีตนายกรัฐมาตรีกลับประเทศ ขบวนการนี้เติบใหญ่เข้มแข็งขนกระทั่งสามารถบีบให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ต้องยุบสภา นำมาซึ่งการเลือกตั้งครั้งใหม่ และพ่ายแพ้ต่อพรรคเพื่อไทยของอดีตนายกรํฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ก็ได้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้อดีตนายกรัฐมนตรีคนดังกล่าวพ้นจากความผิดในคดีที่สามารถดำเนินการได้โดยกฎหมายและอีกหลายคดีที่ไม่สามารถเอาผิดได้ เพราะเป็นการ “ทุจริตเชิงนโยบาย”
โอกาสของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิดกับการ “ทุจริตเชิงนโยบาย”ได้สิ้นสุดไปนานแล้ว การพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ ของพรรคเพื่อไทย จะไม่เพียงแต่ไม่มีกฏหมายแม่บทที่จะให้สามารถเอาผิดการทุจริตเชิงนโยบายได้แล้ว ยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการผูกขาดอำนาจที่จะทำให้เกิดอภิสิทธิ์เหนือรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์ต่อการฉ้อฉล อำนวยประโยชน์ให้กับการปกครองของทุนที่ได้ครอบงำการเมืองไปแล้วอย่างเบ็ดเสร็จ
มันไม่มีความต่างกับข้อกล่าวหาเรื่องการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งของรัฐบาลที่มาจากปากกระบอกปืนแต่อย่างใด และคำกล่าวที่ว่า “ชนชั้นใดเขียนกฎหมาย แน่แท้ไซร้ ย่อมรับใช้ชนชั้นนั้น” ก็ยังคงเป็นสัจจธรรมอยู่เสมอ โจทย์ใหญ่ของขบวนการสร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตยในประเทศไทยก็คือ อีกสักเมื่อไหร่จึงจะก้าวออกจากกรอบคิดที่ว่า มีการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญใหม่คือการพัฒนาประชาธิปไตย ??..
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น