บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พบคนติดSEJEALวงจรปิดบันทึกภาพ

พิมพ์ไทย

“บิ๊กอ๊อด” รับชง ครม.ดึง “เหลิม”คุมงานข่าว บูรณาการร่วมทหาร-ตร.ยอมรับแปลกใจสติ๊กเกอร์โผล่เกลื่อนกรุงชี้เส้นทางเป้าสังหาร ยันไทยไม่หลงทาง เชื่อรัฐเอาจริงทำมือป่วนไม่กล้าเข้าไทย รับแนวโน้มสงครามก่อการร้ายเกิด ย้ำไทยไม่ใช่ศัตรูชาติไหน “รองฯเฉลิม”กร้าวซัด’เอฟเอทีเอฟ’แค่กุนซือจี 7 ไม่ใช่เทวดา เมินแบล็คลิสต์ ด้าน”ปานศิริ”เรียกถกเครียดคดีบึ้มสุขุมวิท 71 พันคนอิหร่าน พุ่งคลี่คลาย “SEJEAL” ขณะที่ได้ภาพผู้ต้องสงสัยนำสติกเกอร์ติด จากกล้องวงจรปิดแล้ว พร้องเร่งหาแหล่งผลิตต้นตอ
วานนี้ (23 ก.พ.) ที่รัฐสภาเมื่อเวลา 10.35 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานบูรณาการและติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ระเบิด และเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอให้มีการระ
มัดระวังเอาใจใส่อย่างมาก รวมถึงกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคมนาคม การท่องเที่ยวฯต้องร่วมกันเอาใจใส่ด้วย ตนจึงเสนอในที่ประชุมครม.ว่าควรมีการบูรณาการการข่าวกัน แทนที่จะให้ต่างฝ่ายต่างทำงานของตัวเองเพื่ออัพเดทการข่าวร่วมกัน ซึ่งตนเห็นว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กำกับดูแล สตช. อยู่แล้วจะได้ประสานข้อมูลกับตำรวจแต่ละ สน.ท้องที่ด้วย ขณะที่ตนกำกับดูแลงานด้านการข่าวของทหาร หากฝ่ายตำรวจและทหาร มา บูรณาการการข่าวร่วมกันจะเป็นผลดี ส่วนการประสานการข่าวกับหน่วยข่าวของต่างประเทศนั้น มีสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำเนินการ และจะนำมาแลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความคิดไปในแนวทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการติดสติกเกอร์ SEJEAL ขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนที่มีการไปพูดกันว่าเป็นการติดใน เส้นทางที่จะนำไปสู่จุดหมายอะไรต่างๆนั้นถือเป็นเรื่องแปลก เพราะคนที่จะกระทำการไม่จำเป็นต้องมีการมาชี้นำหรือชี้ทาง ทุกอย่างต้องรู้หมดแล้ว แต่การสร้างสัญ ลักษณ์ชี้ทาง ตนคิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยา แต่ก็ต้องตรวจสอบกันว่าใครเป็นคนทำและทำเพื่ออะไร
เมื่อถามว่า ถือว่าฝ่ายไทยหลงทางหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้หลงทาง แต่กำลังติดตาม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ขณะเดียวกัน มันก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เพื่อสำรวจว่าใครเป็นคนมาติดสติกเกอร์ดังกล่าว รวมถึงการที่มีคนไปเขียนภาษาอาหรับในที่ต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางประเทศ มาใช้สถานการณ์ในเมืองไทยให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คงจะมีอะไรเพิ่มเติม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องติดตามตลอด ตอนนี้เรามีทั้งข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งจากในและต่างประเทศ เห็นได้จากการที่เราให้ข่าวต่อมาเลเซีย จนจับกุมผู้ต้องหาอีกคนที่ หลบหนีไปได้ ซึ่งเมื่อคนร้ายเห็นว่าไทยเอาจริงเอาจังอย่างเข้มข้นในการป้องกัน ต่างชาติก็คงจะไม่กล้าเข้ามาดำเนินการอะไรในประเทศไทย
“ต่อไปนี้เราทิ้งเรื่องงานการข่าวไม่ได้ ต้องมีความเข้มข้นในการระแวดระวัง การตรวจตรา การตรวจเช็กต่างๆ ก็จะต้องทำ การข่าวของต่างประเทศก็มีการส่งมาให้ เราผ่านทางสายข่าวของเรา แต่เมื่อรับข่าวมาแล้วเราพูดอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเราพูดข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเราก็จะเสียมิตร เสียความเป็นเพื่อนกับอีกประเทศหนึ่ง ดังนั้น เมื่อแต่ละประเทศให้ข้อมูลเรามา เราก็ต้องมาประมวลเป็นข่าวของเรา ถ้าเรามีการตรวจตราเข้มแข็ง มีความเข้มงวดในทุกส่วน และเรามีหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งในส่วนของตำรวจและทหารอยู่ ถ้าเรามีการซักซ้อม มีความตื่นตัวในการติดตามสถานการณ์ ก็คิดว่ามันจะไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะถ้าต่างชาติรู้ว่าเราเอาจริง เขาก็ไม่มา แต่ถ้าเราหย่อนยานเมื่อไรเขาจะต้องใช้พื้นที่ของประเทศเราเป็นประโยชน์ในการทำงานของเขา เราจึงต้องเข้มงวดเพื่อให้เขารู้ว่าถ้ามาใช้ ประเทศไทยก็จะไม่มีโอกาส อย่างนั้นแล้ว เพราะเราดำเนินการจริงจัง ต้องระมัดระวังอย่างมากและทิ้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะแนวโน้มของการต่อสู้ระหว่างประเทศที่ไม่เป็นมิตรกัน มันไม่ใช่เป็น สงครามเย็นอีกแล้วแต่กลายเป็นสงครามการก่อการร้ายในอนาคต เราจึงต้องปรับตัว วิธีการและยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีให้ทันกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น”
อย่างไรก็ตามไทยจะเป็นศัตรูกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แม้เู้ว่าเขาจะไม่ถูกกัน เราต้องรรักษาความเป็นมิตรกับทั้งสองประเทศเอาไว้ เหมือนอินเดียเกิดเหตุระเบิด ทำให้ทูตอิสราเอลบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ยอมเสียมิตรกับอิหร่าน เพราะเขาต้องการรักษามิตรประเทศไว้ ซึ่งเราก็ต้องรักษาตรงนี้ไว้เหมือนกัน แต่ต้องเข้มงวดเพื่อไม่ให้เขามาใช้พื้นที่ของเราอีกต่อไป
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ขึ้นบัญชีดำประ เทศไทยที่ไม่ออกกฎหมายการฟอกเงิน เพื่อป้องกันการฟอกเงินเพื่อการก่อการร้าย ว่า องค์กรนี้ไม่ได้เป็นองค์กรของสหประชาชาติ(UN) ไม่ได้เป็นของ IMF และไม่ ได้เป็นของธนาคารโลก เป็นเพียงที่ปรึกษาของกลุ่มจี 7 และอยากให้ทุกประเทศ มีกฎหมายจัดการธุรกิจสีเทาและสีดำ และก็ยึดทรัพย์ ซึ่งทางไทยกำลังพิจารณาอยู ่เพราะว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยมีบางมาตรามีอำนาจเหนือศาล ตนจึงให้กลับไปปรับเปลี่ยน จากนั้นได้ส่งกฤษฎีกา และทาง เรายังไม่ได้บอกว่าจะทำหรือไม่
ทั้งนี้ ปปง.มีสิทธิที่จะยึดทรัพย์อยู่แล้ว ในฐานความผิดการก่อการร้าย แต่จะให้ ปปง.มีอำนาจเหนือศาลไม่ได้ FATF ไม่ใช่เทวดา จะทำตามไม่ได้ ต้องยึดหลัก กฎหมายไทย ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายมารองรับ แต่ต้องอยู่ภายใต้ตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ไม่ใช่ทำตาม FATF สั่ง ซึ่งตนไม่สนใจที่ FATF ขึ้นบัญชีดำกับไทย และไม่มีรัฐบาลไหนที่จะปกป้องธุรกิจสีเทาหรือสีดำ จะต้องนำคนผิดมาลงโทษ รวมถึงจะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่ไม่สบายใจเข้ามาพูดคุยกัน แต่ก็ เกรงว่าหากมีการพูดคุยกันจะถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้
ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ซอยสุขุมวิท 71 ว่า ขณะนี้จะไม่เปิดเผยในรายละเอียด แต่ยืนยันรัฐบาลดูแลสถานการณ์ได้ และจะไม่ทำให้เรา ตกอยู่ในสภาวะข้างใดข้างหนึ่ง เพราะการดำเนินการต้องยึดหลักเกณฑ์ ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยจากตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมีการเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายสากล ขณะนี้ให้ทางตำรวจหยุดพูดแล้ว และยืนยันว่าไม่มีทั้งฝ่ายอิสราเอลและอิหร่านเข้ามาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน ทำได้เพียงบอกเบาะแสเท่านั้น
ที่ สน.คลองตัน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. เดินทางไปยัง สน.คลองตัน เพื่อเรียกประชุมพนักงานสอบสวน ในการติดตามความคืบหน้าคดีเหตุระเบิด ในซอยสุขุมวิท 71 อีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ได้งดประชุมเนื่องจากให้เวลาฝ่ายสืบสวนติดตามหาพยานหลักฐานที่เริ่มยากขึ้น โดยการประชุมวันนี้นอกจาก เร่งคลี่คลายเรื่องสติกเกอร์ปริศนา ยังมีเรื่องการตามหาผู้ต้องสงสัยรายที่ 6 ที่เริ่มมีเบาะแสแล้วบางส่วนด้วย
รายงานเกี่ยวกับการพบสติกเกอร์ข้อความ “SEJEAL” ซึ่งติดติดที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ริมถนนรัชดาภิเษก ใกล้สี่แยกอโศกมนตรี ริมถนนพระราม 4 เขตคลองเตย และบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยเฉพาะ 2 จุดแรก อยู่ในรัศมีไม่ไกลจากอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ ที่ตั้งสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย นอกจากสติกเกอร์ดัง กล่าวยังพบอักษรคล้ายภาษาอาหรับ เขียนด้วยปากกาเมจิก มีลูกศรชี้บอกทางกำกับไว้ด้วย
ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการประสานข้อมูลจากบริษัทรับพิมพ์ป้ายและสติกเกอร์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน เพื่อหาว่ากระดาษที่ใช้พิมพ์ ผลิตหรือนำมาจากที่ ใด และน่าจะส่งไปใช้ที่ใดบ้าง
นอกจากนี้ ฝ่ายสืบสวนยังได้ภาพผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งขณะติดสติกเกอร์ โดยกล้องวงจรปิดของธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท จับภาพไว้ได้ในช่วงเวลาค่ำ ขณะนี้อยู่ ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด รวมถึงวันเวลาบันทึกภาพว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น
ข่าว 40…พบคนติดSEJEAL0…วงจรปิดบันทึกภาพ0…บิ๊กอ๊อดรับสงคราม0…ก่อการร้ายเกิดไทย
โปรย…”บิ๊กอ๊อด” รับชง ครม.ดึง “เหลิม”คุมงานข่าว บูรณาการร่วมทหาร-ตร.ยอมรับแปลกใจสติ๊กเกอร์โผล่เกลื่อนกรุงชี้เส้นทางเป้าสังหาร ยันไทยไม่หลงทาง เชื่อรัฐเอาจริงทำมือป่วนไม่กล้าเข้าไทย รับแนวโน้มสงครามก่อการร้ายเกิด ย้ำไทยไม่ใช่ศัตรูชาติไหน “รองฯเฉลิม”กร้าวซัด’เอฟเอทีเอฟ’แค่กุนซือจี 7 ไม่ใช่เทวดา เมินแบล็คลิสต์ ด้าน”ปานศิริ”เรียกถกเครียดคดีบึ้มสุขุมวิท 71 พันคนอิหร่าน พุ่งคลี่คลาย “SEJEAL” ขณะที่ได้ภาพผู้ต้องสงสัยนำสติกเกอร์ติด จากกล้องวงจรปิดแล้ว พร้องเร่งหาแหล่งผลิตต้นตอ วานนี้ (23 ก.พ.) ที่รัฐสภาเมื่อเวลา 10.35 น. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานบูรณาการและติดตามสถานการณ์บ้านเมือง และการดูแลความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ระเบิด และเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอให้มีการระมัดระวังเอาใจใส่อย่างมาก รวมถึงกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้า-ออกของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นคมนาคม การท่องเที่ยวฯต้องร่วมกันเอาใจใส่ด้วย ตนจึงเสนอในที่ประชุมครม.ว่าควรมีการบูรณาการการข่าวกัน แทนที่จะให้ต่างฝ่ายต่างทำงานของตัวเองเพื่ออัพเดทการข่าวร่วมกัน ซึ่งตนเห็นว่าร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กำกับดูแล สตช. อยู่แล้วจะได้ประสานข้อมูลกับตำรวจแต่ละ สน.ท้องที่ด้วย ขณะที่ตนกำกับดูแลงานด้านการข่าวของทหาร หากฝ่ายตำรวจและทหาร มา บูรณาการการข่าวร่วมกันจะเป็นผลดี ส่วนการประสานการข่าวกับหน่วยข่าวของต่างประเทศนั้น มีสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ดำเนินการ และจะนำมาแลกเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความคิดไปในแนวทางเดียวกัน ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่มีการติดสติกเกอร์ SEJEAL ขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ ส่วนที่มีการไปพูดกันว่าเป็นการติดใน เส้นทางที่จะนำไปสู่จุดหมายอะไรต่างๆนั้นถือเป็นเรื่องแปลก เพราะคนที่จะกระทำการไม่จำเป็นต้องมีการมาชี้นำหรือชี้ทาง ทุกอย่างต้องรู้หมดแล้ว แต่การสร้างสัญ ลักษณ์ชี้ทาง ตนคิดว่าเป็นเรื่องของจิตวิทยา แต่ก็ต้องตรวจสอบกันว่าใครเป็นคนทำและทำเพื่ออะไร เมื่อถามว่า ถือว่าฝ่ายไทยหลงทางหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เราไม่ได้หลงทาง แต่กำลังติดตาม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ ขณะเดียวกัน มันก็มีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เพื่อสำรวจว่าใครเป็นคนมาติดสติกเกอร์ดังกล่าว รวมถึงการที่มีคนไปเขียนภาษาอาหรับในที่ต่างๆ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางประเทศ มาใช้สถานการณ์ในเมืองไทยให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คงจะมีอะไรเพิ่มเติม ดังนั้นเจ้าหน้าที่ก็ต้องติดตามตลอด ตอนนี้เรามีทั้งข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งจากในและต่างประเทศ เห็นได้จากการที่เราให้ข่าวต่อมาเลเซีย จนจับกุมผู้ต้องหาอีกคนที่ หลบหนีไปได้ ซึ่งเมื่อคนร้ายเห็นว่าไทยเอาจริงเอาจังอย่างเข้มข้นในการป้องกัน ต่างชาติก็คงจะไม่กล้าเข้ามาดำเนินการอะไรในประเทศไทย “ต่อไปนี้เราทิ้งเรื่องงานการข่าวไม่ได้ ต้องมีความเข้มข้นในการระแวดระวัง การตรวจตรา การตรวจเช็กต่างๆ ก็จะต้องทำ การข่าวของต่างประเทศก็มีการส่งมาให้ เราผ่านทางสายข่าวของเรา แต่เมื่อรับข่าวมาแล้วเราพูดอะไรไม่ได้ เพราะถ้าเราพูดข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งเราก็จะเสียมิตร เสียความเป็นเพื่อนกับอีกประเทศหนึ่ง ดังนั้น เมื่อแต่ละประเทศให้ข้อมูลเรามา เราก็ต้องมาประมวลเป็นข่าวของเรา ถ้าเรามีการตรวจตราเข้มแข็ง มีความเข้มงวดในทุกส่วน และเรามีหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งในส่วนของตำรวจและทหารอยู่ ถ้าเรามีการซักซ้อม มีความตื่นตัวในการติดตามสถานการณ์ ก็คิดว่ามันจะไม่รุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะถ้าต่างชาติรู้ว่าเราเอาจริง เขาก็ไม่มา แต่ถ้าเราหย่อนยานเมื่อไรเขาจะต้องใช้พื้นที่ของประเทศเราเป็นประโยชน์ในการทำงานของเขา เราจึงต้องเข้มงวดเพื่อให้เขารู้ว่าถ้ามาใช้ ประเทศไทยก็จะไม่มีโอกาส อย่างนั้นแล้ว เพราะเราดำเนินการจริงจัง ต้องระมัดระวังอย่างมากและทิ้งไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะแนวโน้มของการต่อสู้ระหว่างประเทศที่ไม่เป็นมิตรกัน มันไม่ใช่เป็น สงครามเย็นอีกแล้วแต่กลายเป็นสงครามการก่อการร้ายในอนาคต เราจึงต้องปรับตัว วิธีการและยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีให้ทันกับแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น” อย่างไรก็ตามไทยจะเป็นศัตรูกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ แม้เู้ว่าเขาจะไม่ถูกกัน เราต้องรรักษาความเป็นมิตรกับทั้งสองประเทศเอาไว้ เหมือนอินเดียเกิดเหตุระเบิด ทำให้ทูตอิสราเอลบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ยอมเสียมิตรกับอิหร่าน เพราะเขาต้องการรักษามิตรประเทศไว้ ซึ่งเราก็ต้องรักษาตรงนี้ไว้เหมือนกัน แต่ต้องเข้มงวดเพื่อไม่ให้เขามาใช้พื้นที่ของเราอีกต่อไป ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ขึ้นบัญชีดำประ เทศไทยที่ไม่ออกกฎหมายการฟอกเงิน เพื่อป้องกันการฟอกเงินเพื่อการก่อการร้าย ว่า องค์กรนี้ไม่ได้เป็นองค์กรของสหประชาชาติ(UN) ไม่ได้เป็นของ IMF และไม่ ได้เป็นของธนาคารโลก เป็นเพียงที่ปรึกษาของกลุ่มจี 7 และอยากให้ทุกประเทศ มีกฎหมายจัดการธุรกิจสีเทาและสีดำ และก็ยึดทรัพย์ ซึ่งทางไทยกำลังพิจารณาอยู ่เพราะว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยมีบางมาตรามีอำนาจเหนือศาล ตนจึงให้กลับไปปรับเปลี่ยน จากนั้นได้ส่งกฤษฎีกา และทาง เรายังไม่ได้บอกว่าจะทำหรือไม่ ทั้งนี้ ปปง.มีสิทธิที่จะยึดทรัพย์อยู่แล้ว ในฐานความผิดการก่อการร้าย แต่จะให้ ปปง.มีอำนาจเหนือศาลไม่ได้ FATF ไม่ใช่เทวดา จะทำตามไม่ได้ ต้องยึดหลัก กฎหมายไทย ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายมารองรับ แต่ต้องอยู่ภายใต้ตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ไม่ใช่ทำตาม FATF สั่ง ซึ่งตนไม่สนใจที่ FATF ขึ้นบัญชีดำกับไทย และไม่มีรัฐบาลไหนที่จะปกป้องธุรกิจสีเทาหรือสีดำ จะต้องนำคนผิดมาลงโทษ รวมถึงจะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่ไม่สบายใจเข้ามาพูดคุยกัน แต่ก็ เกรงว่าหากมีการพูดคุยกันจะถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ซอยสุขุมวิท 71 ว่า ขณะนี้จะไม่เปิดเผยในรายละเอียด แต่ยืนยันรัฐบาลดูแลสถานการณ์ได้ และจะไม่ทำให้เรา ตกอยู่ในสภาวะข้างใดข้างหนึ่ง เพราะการดำเนินการต้องยึดหลักเกณฑ์ ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยจากตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมีการเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายสากล ขณะนี้ให้ทางตำรวจหยุดพูดแล้ว และยืนยันว่าไม่มีทั้งฝ่ายอิสราเอลและอิหร่านเข้ามาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน ทำได้เพียงบอกเบาะแสเท่านั้น ที่ สน.คลองตัน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. เดินทางไปยัง สน.คลองตัน เพื่อเรียกประชุมพนักงานสอบสวน ในการติดตามความคืบหน้าคดีเหตุระเบิด ในซอยสุขุมวิท 71 อีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ได้งดประชุมเนื่องจากให้เวลาฝ่ายสืบสวนติดตามหาพยานหลักฐานที่เริ่มยากขึ้น โดยการประชุมวันนี้นอกจาก เร่งคลี่คลายเรื่องสติกเกอร์ปริศนา ยังมีเรื่องการตามหาผู้ต้องสงสัยรายที่ 6 ที่เริ่มมีเบาะแสแล้วบางส่วนด้วย รายงานเกี่ยวกับการพบสติกเกอร์ข้อความ “SEJEAL” ซึ่งติดติดที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ริมถนนรัชดาภิเษก ใกล้สี่แยกอโศกมนตรี ริมถนนพระราม 4 เขตคลองเตย และบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยเฉพาะ 2 จุดแรก อยู่ในรัศมีไม่ไกลจากอาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ ที่ตั้งสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย นอกจากสติกเกอร์ดัง กล่าวยังพบอักษรคล้ายภาษาอาหรับ เขียนด้วยปากกาเมจิก มีลูกศรชี้บอกทางกำกับไว้ด้วย ทั้งนี้ ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการประสานข้อมูลจากบริษัทรับพิมพ์ป้ายและสติกเกอร์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ย่านปทุมวัน เพื่อหาว่ากระดาษที่ใช้พิมพ์ ผลิตหรือนำมาจากที่ ใด และน่าจะส่งไปใช้ที่ใดบ้าง นอกจากนี้ ฝ่ายสืบสวนยังได้ภาพผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งขณะติดสติกเกอร์ โดยกล้องวงจรปิดของธนาคารแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท จับภาพไว้ได้ในช่วงเวลาค่ำ ขณะนี้อยู่ ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด รวมถึงวันเวลาบันทึกภาพว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง