รัฐบาล
หุ่นเชิดระบอบทักษิณภายใต้การนำของนายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ดูเหมือนจะลุแก่อำนาจมากขึ้นทุกขณะถึงกับปฏิบัติการแอบหักดิบอย่างสายฟ้าแล่
บเมื่อคณะรัฐมนตรีนัดล่าสุดเห็นชอบร่างพระราชกำหนด(พรก.)4
ฉบับซึ่งมีสาระสำคัญให้โอนภาระหนี้ก้อนโตกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการ
เงินมูลค่า 1,1
ล้านล้านบาทซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลไปเป็นภาระของธนาคารแห่งประเทศ
ไทย(ธปท.)
ขณะเดียวกันก็เปิดทางให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปควบคุมธปท.อันเป็นธนาคารกลางซึ่ง
ปกติเป็นหน่วยงานอิสระที่รักษาผลประโยชน์ของชาติและปลอดจากอิทธิพลทางการ
เมือง การโยนภาระหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ 1.1 ล้านล้านบาทไปให้ธปท.ครั้งนี้ถือความเป็นเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่จะส่งผลต่อ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศ และถือเป็นการใช้เล่ห์เล่นแร่แปรธาตุและไม่ต่างอะไรจากการปล้นแบงค์ชาติ โดยทำให้ยอดหนี้สาธารณะของประเทศที่ขณะนี้มีอยู่ราว 41 % ของจีดีพีเหลือประมาณ 30 % อันเป็นการเปิดช่องให้รัฐบาลก่อหนี้สาธารณะและผลาญงบประมาณแผ่นดินได้อย่าง ย่ามใจแต็มปากเต็มคำ สำหรับปฏิบัติการหักดิบปล้นแบงก์ชาติครั้งนี้รายงานข่าวระบุว่าผู้ที่อยู่ เบื้องหลังแนวคิดนี้ก็คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ และ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯและอดีตรมว.คลัง ยุครัฐบาลทักษิณ พ.ร.ก.ของรัฐบาลที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบครั้งนี้ยังถือเป็นการเปิดช่องให้มี การปล้นคลังหลวงนั่นคือบัญชีทุนสำรองพิเศษ โดยกำหนดให้สามารถนำเงินที่เหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีไปใช้ได้ทันทีโดย ไม่ต้องส่งเข้าคลังหลวง ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของบูรพกษัตริย์รวมทั้งหลวงตามหาบัว พระอริยะสงฆ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ที่ต้องการให้คลังหลวงมีแต่งอกเงยไม่มีลดลงเพื่อไว้ใช้ในยามที่ชาติบ้าน เมืองเกิดวิกฤติจริงๆเท่านั้น ที่ผ่านมาบุรพกษัตริย์ได้ตั้งคลังหลวงและบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็น ทุนประเดิมคลังหลวงจนเวลาผ่านไปมูลค่าทรัพย์สินของคลังหลวงได้งอกเงยเพิ่ม ขึ้นตามลำดับ และล่าสุดหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 หลวงตามหาบัว ได้รณรงค์งานบุญเพื่อระดมหาเงินและทองคำหลายครั้งได้เงินและทองคำเป็นจำนวน มากเพื่อเป็นกองทุนกู้ชาติโดยมอบแก่ธปท.เพื่อเก็บไว้ในคลังหลวง ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนที่ไร้สำนึกและถังแตกจนตรอกถึง ขนาดคิดผลาญคลังหลวง แต่รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้กลับปฏิบัติการหักดิบอย่างต่ำช้าไร้ ยางอายด้วยการคิดปล้นคลังหลวง นอกจากปฏิบัติการรุกคืบมุ่งเข้าแทรกแซงครอบงำธนาคารกลางของประเทศแล้ว รัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณชุดนี้ยังเดินแผนอย่างเป็นระบบหมายคุมอำนาจยึด ครองประเทศให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศก็เริ่งล้างบางแต่งตั้งโยกย้าย ผู้นำระดับสูงในหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่สำคัญทั้งหมดแล้วผลักดันคนของ ตัวเองเข้าไปคุมอำนาจแทน โดยเฉพาะการผลักดัน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ชินวัตร)อดีตภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่เพื่อยึดอำนาจในองค์กรตำรวจ จนขณะนี้หน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของชาติที่เหลืออยู่เพียงหน่วยงานเดียว ที่ระบอบทักษิณยังเข้ายึดอำนาจไม่สำเร็จก็คือกองทัพ อย่างไรก็ตามระบอบทักษิณยังคงพยายามอยุ่ตลอดเวลา ที่จะแก้ไขพ.ร.บ.จัดระเบียบบริหารราชการกระทรงกลาโหมเพื่อยึดอำนาจจากกองทัพ ให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นอกจากนี้ระบอบทักษิณยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งนอกจากจะมีเป้าหมายแอบ แฝงเพื่อลบล้างโทษความผิดทั้งหมดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงที่เป็นผู้ต้องหาเผาบ้านทำลายเมืองแล้ว ยังมีแนวคิดที่จะบ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติ โดยเฉพาะระบบศาลยุติธรรม และยกเลิกองค์กรอิสระต่างๆตามรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันก็สร้างเงื่อนไขในรัฐธรรมนูญใหม่ให้ระบอบทักษิณกระชับอำนาจยึด ครองประเทศได้สะดวกง่ายดายขึ้นโดยไร้อุปสรรคขวากหนาม นี่คือสัญญาณรุกคืบตามแผนยึดครองทุกองคพายพของประเทศสู่ความเป็น"รัฐไทย ใหม่"โดยระบอบทักษิณที่กระชับเข้ามาทุกขณะเพราะแม้แต่ธนาคารแห่งชาติซึ่ง เป็นหน่วยงานอิสระที่ปลอดจากการเมืองมาแต่ไหนแต่ไรก็ยังถูกหักดิบอย่างเหิม เกริมลุแก่อำนาจ | |
.....แนวหน้าออนไลน์
|
วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555
ระบอบทักษิณหักดับปล้นธปท. สัญญาณรุกคืบยึดประเทศ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น