คุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ แกนนำคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์
วัน ที่ 8 เดือน 8 ปี 2011 คุณกอร์ปศักดิ์ เขียนเรื่อง “ 15,000 บาทต่อเดือน.. ดีมั๊ยค้าาาา” แสดงความไม่เชื่อว่า นโยบายให้เงินเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรีเป็น 15,000 บาทของพรรคเพื่อไทยจะเป็นไปได้
รายละเอียดอยู่ในนี้http://www.oknation.net/blog/korbsak/2011/08/08/entry-1
วันนั้น ผมแสดงความเห็นไปว่า “รอดูเขาไปก่อนไม่ดีหรือ หากทำไม่ได้ ผมจะแนะนำให้ว่าควรทำอย่างไร”
ที่ ผมทักท้วงไปอย่างนั้น ใช่ว่า ผมจะเห็นดีเห็นงามไปกับการหาเสียงเหมือนจงใจจะหลอกลวงชาวบ้านของพรรคเพื่อ ไทย รวมทั้งของพรรคประชาธิปัตย์หรอกนะครับ
และผมนี่แหละ ที่เขียนวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า บางเรื่องก็ “เกินไป”
อีก ทั้งยังเรียกร้องให้กองทัพบกในฐานะผู้ดูแลความมั่นคงของประเทศ ตั้งคณะทำงานขึ้นมาวิเคราะห์นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ ?
แต่ เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ก็ชอบที่จะให้โอกาสพรรคเพื่อไทยได้ทำงานตามที่หาเสียงไว้ โดยประชาชนและพรรคฝ่ายค้านคอยจับตามองว่า รัฐบาลเพื่อไทยจะพาประชาชนไปในทิศทางใด
หากเห็นว่าทำท่าจะออกนอกลูนอกทาง จึงค่อยออกมาช่วยกันกระตุกหางให้เข้าร่องเข้ารอย !
ไม่ ใช่ว่า พอเห็นเขาตั้งตัวได้ ก็แนะโน่นแนะนี่ จนมีคำถามว่าสมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจึงไม่ทำ(ฮา) หรือ ตำหนิติติงวิพากย์วิจารณ์อย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนต้องการเตะตัดขากันอย่างนั้น
พรรค ประชาธิปัตย์ควรให้เวลารัฐบาลเพื่อไทยทำงานไปสักระยะหนึ่ง แล้วเก็บข้อมูลต่าง ๆ ตั้งแต่การหาเสียง รอให้เวลาผ่านไปพอสมควร อาจจะ 3 เดือนหรือ 6 เดือน ก็ขอเปิด อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ส่วน ประชาชนหากใจร้อนไม่ได้ดั่งที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ จะออกมาเดินขบวนด้วยความสงบปราศจากอาวุธในวันแรกที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ก้าวเท้าเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลก็ย่อมทำได้ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้ไว้
คุณ กอร์ปศักดิ์บอกว่าการปรับเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาทนั้น ต้องใช้เงินงบประมาณปีละ 200,000 ล้านต่อปีซึ่งคงทำไม่ได้เพราะ
“เรามีเงินภาษีไม่เพียงพอที่จะมาจ่ายหรอกครับ”
ตรง นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะถามคุณกอร์ปศักดิ์ว่า เพราะอะไร “เงินภาษี” จึงไม่พอจ่ายครับ เพราะการจัดเก็บภาษีบกพร่องหรือ.. ก็เปล่าทั้งเพ
คุณอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เคยให้สัมภาษณ์ว่า จากการประเมินการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2554 คาดว่าจะเกินกว่าเป้า 2 แสนล้านบาท
ส่วนปี 2555 ซึ่งเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 1.9 ล้านล้านบาทคาดว่าจะเกิดเป้าหมาย หรืออยู่ที่ราว 2 ล้านล้านบาท
และ 9 เดือนของปีงบประมาณ( ต.ค.2553 ถึง มิ.ย.2554) คุณนริศ ชัยสูตร ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง( สศค.)ออกมาเปิดเผยว่า สามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ 109,571 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,065 ล้านบาท
แสดงว่าการจัดเก็บภาษีของกระทรวงการคลังไม่พกพร่องเลยนะครับ
แต่ที่ดูเหมือนเราจะมีรายได้ประจำปีน้อย ก็น่าจะมาจากยังมี คนโกงภาษีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นใครบ้าง
แต่ อ่านจากข่าวดูเหมือนบรรดานักการเมืองที่มีญาติพี่น้องทำธุรกิจนั่นแหละ “ตัวดี” (ฮา) หาช่องทางหลีกเลี่ยงภาษีที่รัฐควรจะได้กันโครม ๆ
พรรค ฝ่ายค้านต้องมาช่วยกันแก้จดบกพร่องตรงนี้ครับคุณกอร์ปศักดิ์ หาข้อมูลมาซิครับว่า ทำไมภาษีของรัฐจึงรั่วไหล รั่วตรงไหนบ้าง ฯลฯ เมื่อมีรายได้อย่างเต็มที่แล้ว ผมเชื่อว่าเราจะมีเงินใช้ในการพัฒนาประเทศได้อย่างสบายครับ
หรือถ้ามีการจัดเก็บภาษีแล้วยังไม่เพียงพอสำหรับนำมาเป็นฐานเงินเดือนใหม่ให้ผู้จบปริญญาตรี และอื่น ๆ
หนทางสุดท้ายก็อยู่ที่พวกนักการเมืองอีกนั่นแหละ.. ที่จะต้อง “พร้อมใจกันเสียสละเพื่อชาติ”
นักการ เมืองทุกคนทุกพรรค ควรหยุดคิดที่จะโกงชาติโกงแผ่นดินจากโครงการต่าง ๆ ตามที่คุณดุสิต นนทะนาคร ประธานหอการค้าออกมาเปิดเผยว่า ล่อกันถึง 30 เปอร์เซนต์สักปีหนึ่ง
เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปจัดสรรงบประมาณได้อย่างเต็มที่
คุณกอร์ปศักดิ์คิดว่า เรื่องอย่างนี้ นักการเมืองทุกคนทุกพรรคที่เคยโกงชาติโกงแผ่นดิน(เฉพาะที่เคยโกงนะครับ) จะทำกันได้ไหมเล่า
หากทำได้.. โครงการที่ต้องใช้เงินทุนมากมายมหาศาลก็ไม่ต้องไปกู้ใครเขามาให้กลายเป็นหนี้สินของลูกหลานหรอกครับ !
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น