ความกลัวได้เข้าปกคลุมตลาด เป็นเหตุให้มีการเทขายหุ้นอย่างหนัก เศรษฐกิจตกต่ำที่รุนแรงและยาวนานกำลังจะมา แล้วนักลงทุนธรรมดาอย่างเราจะทำอย่างไร? Fear on the Street: Inside the Stock Sell-Off
By Jeff Macke
วันนี้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกพร้อมใจกันตกหัวทิ่มอย่างรุนแรงกันทั่วหน้า โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลงถึงร้อยละ 4.3 และดัชนีแนสแด๊กซ์หัวทิ่มหัวตำลงมากว่าร้อยละ 5
ในที่สุดก็ไม่มีที่ให้หลบภัยได้แล้ว ตลาดทองคำ เงิน น้ำมันดิบ และผลตอบแทนในหุ้นกู้ ต่างก็ตกลงมาอย่างรุนแรง เมื่อนักซื้อขายต่างมองหาสิ่งที่ปลอดภัย แต่ก็ไม่มีที่ใดอยู่ในสายตา ด้วยราคาของทุกสิ่งแข่งกันดิ่งลง ในช่วง 10 วันทำการซื้อขาย ราคาหุ้นได้หดหายไปมากกว่าร้อยละ 10 แล้ว แม้จะเรียกกันโก้ๆในทางเทคนิคว่าเป็นการปรับตัวของตลาดก็ตาม
การซื้อขายวันนี้เริ่มจากทางด้านตลาดยุโรป ซึ่งนักลงทุนอเมริกันมีความห่วงกังวลกับเรื่องนโยบายขยายเพดานหนี้ แล้วต่างก็เลือกที่จะหันมาถือเงินสดกันถ้วนหน้า … การเทขายเริ่มในตลาดต่างประเทศ แต่ในอเมริกาเองก็มีปัญหารุมเร้าอยู่มากมาย
เริ่มมีการตระหนักแม้ในหมู่นักลงทุนที่มองโลกในแง่ดีที่สุดก็ตามว่า ประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้ว – อาจจะเป็นตัวเลขสองหลักที่น่ากังวลอย่างยิ่ง นอกจากนั้นสิ่งที่เพิ่มความเจ็บปวดก็คือ การที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไรในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆของอเมริกามีเงินสดในมือมากเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ปฏิเสธที่จะลงทุนใหม่ๆที่ความต้องการสินค้ามีน้อย ทั้งบริษัทและผู้คนต่างถือเงินสด และระบบเศรษฐกิจดูเหมือนจะชะงักงัน การอภิปรายเรื่องเพดานหนี้นั้นแย่มากๆ ทำให้ความมั่นใจที่คนค้าขายยังพอที่จะหวังความช่วยเหลือจากวอชิงตัน ดีซี นั้นย่ำแย่ลงไปอีก
ที่สุดแล้วก็คือ มีความเชื่อว่าเรากำลังจะเผชิญกับเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน และไม่มีรัฐบาลไหนๆในโลกที่จะสามารถหยุดยั้งมันได้ ฉะนั้นการขายหุ้นออกไป หรือ “การลดความเสี่ยง” อย่างที่คนในวอลสตรีทพูดกัน จึงมีเหตุผลมากทีเดียว
แล้วคนธรรมดา อย่างเราๆท่านๆจะทำอย่างไรกันดี? คงต้องเริ่มต้นกันที่หลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก การปรับตัวของตลาดครั้งนี้เป็นสิ่งไม่ปกติ หากแต่การลดลงร้อยละ 10 ของตลาดนั้นธรรมดามาก แค่หน้าร้อนที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ลดลงมาร้อยละ 17 ด้วยความห่วงใยในบางเรื่องที่แตกต่างกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญในวันนี้ หากเราเป็นนักลงทุนที่นอนไม่หลับในคืนนี้ คุณก็คงจะรัดรึงอยู่กับหุ้นมากจนเกินไป หากเป็นเช่นนั้นก็จงขายหุ้นออกไปซะจนกว่าคุณจะสามารถหลับตาลงได้ ไม่มีใครที่ตัดสินใจได้ดีเลิศในเรื่องการเงินเกิดความขลาดกลัวหรือเบื่อหน่ายหรอกค่ะ
วันนี้มีสัญญาณความกลัวเกิดขึ้นในเรื่องของการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เราเห็นเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา หากจะเลียนแบบคำกล่าวของเชอร์ชิล ก็คงต้องพูดว่า นี่อาจจะไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการหยุดเทขาย หากแต่เป็นจุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นต่างหาก เราคงจะไม่ได้ยินข่าวดีทางด้านเศรษฐกิจในช่วงเวลาใกล้ๆนี้แน่นอน จำนวนของตำแหน่งงานในอนาคตก็ถูกจ้างไปในวันนี้หมดแล้ว และหากจะมีก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องหรือเป็นการหลอกลวงซะมากกว่า
สิ่งที่เราทำได้ คือหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในเร็ววัน และถามตัวเองว่า : หากคุณตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้แล้วพบว่าตลาดหุ้นและดัชนีดาวน์โจนส์ลดลงอีก 1,000 จุด คุณจะเข้าซื้อหรือขายหุ้นดี? ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร ขอให้คุณทำอย่างนั้นทีละเล็กละน้อยก็แล้วกันค่ะ
การที่จะพยายามบอกว่า “ตลาดมันลงถึงที่สุดแล้ว” แล้วพรวดพราดเข้าไปทำธุระกรรมนั้นเป็นเรื่องโง่มากๆ จงอดทนเอาไว้ ทำใจให้สงบ และอย่าตื่นตระหนก ในตลาดที่มีความผันผวนมากมายเช่นในเวลานี้ ความรอบคอบเป็นกลยุทธ์อย่างเดียวที่สมเหตุสมผลที่สุดค่ะ
..Stocks posted a severe drop today, with the Dow Jones Industrial Average falling 4.3% and the Nasdaq crumbling over 5%.
By the end of the day there were few places left to hide. Gold, silver, crude and yields on Treasuries all fell sharply as traders looked for safety and were met by nothing but falling prices. Over the last 10 trading days stocks have lost more than 10%, the traditional definition of a market correction.
Today's selling started in Europe and picked up steam as American investors, already twitchy in the wake of the debt ceiling debacle, suddenly preferred cash over all other assets. The selling began overseas, but we have more than our share of problems in the U.S. as well.
There's a growing realization among even the most optimistic investors that the United States is entering a new recession -- a dreaded "double-dip." Adding to the pain is the sense that the government and Federal Reserve are out of both ideas and ways to stimulate the economy. Corporate America is sitting on record amounts of cash but is refusing to make new investments with so little end demand for its products. Consumers and corporations are hoarding cash, and the economy appears to be seizing. The debt ceiling debate was a fiasco, snuffing any remaining confidence traders had for help from Washington, D.C.
The bottom line is traders are becoming convinced that we're facing a prolonged and severe recession, and there's nothing any government on Earth can do to stop it. In that context, selling stocks or "reducing exposure" as they say on Wall Street, is quite rational.
So what should people at home do? Avoid panic, for starters. The swiftness of this correction is unusual, but a 10% drop is not. Just last summer stocks fell 17% on concerns not unlike those we face today. If you're an investor who can't sleep tonight, you're probably too exposed to stocks. Sell until you can sleep. Nobody ever made good financial decisions scared or tired.
Today was the first sign of fear stocks have seen in a year. To paraphrase Churchill, that may not be the beginning of the end of the selling, but it's the end of the beginning. It's extremely unlikely we're going to see good economic news anytime soon. A terrible jobs number tomorrow is now assumed, and a good one will be considered either incorrect or flat-out fraudulent.
Take hope for a quick economic recovery out of the equation and ask yourself this: If you woke up tomorrow and stocks were set to open down another 1,000 points on the Dow, would you buy or sell? Whatever your answer is, you'd be well served to consider doing it a little bit at a time now.
Trying to "call the bottom" by going all in at once is a fool's game. Be patient, be calm and tune out the panic. In a market this volatile, prudence is the only rational strategy available.
Source : http://finance.yahoo.com/blogs/breakout/fear-street-inside-stock-sell-off-204130841.html
by supawan
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น