แต่เบื้องหลังการได้มาซึ่งชัยชนะ พท. ต้องระดมสรรพกำลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับ "คู่แค้นการเมือง"
เพราะรู้ว่าต้องแข่งขันกับ "ขั้วตรงข้าม" ที่ยึดครองอำนาจรัฐไว้ในมือ
เพราะเชื่อว่า "มือที่มองไม่เห็น" วางแผนสกัดกั้น พท. ทุกรูปแบบ
เพราะ ตระหนักว่า "กฎหมาย" ถูกใช้เป็น "เครื่องประหัตประหาร" เครือข่ายทักษิณมาหลายรอบ โดยบางคนวิคราะห์ไปถึงขั้นว่าอาจมีการรัฐประหารทางกฎหมาย?
เป็นผลให้ พท. อยู่ในภาวะ "ประมาทไม่ได้" ต้องวางแผนอุดช่องโหว่-ปิดช่องว่าง ทันทีที่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภา เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยกลุ่ม ที่ต่อสู้-ประกาศชิงอำนาจรัฐให้ พท. อย่างเปิดเผยคือ "กลุ่มคนเสื้อแดง" มี "ภารกิจหลัก" ในการช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.ของ พท. ส่วน "ภารกิจรอง" คือการเฝ้าระวังตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งเล่นตุกติก
ดั่งคำประกาศของ "นางธิดา ถาวรเศรษฐ" รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ต้องการให้ "คนเสื้อแดง" ทุกคนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง โดยใช้ "กล้อง" จากอุปกรณ์สื่อสารเป็น "อาวุธลับ" คอยบันทึกภาพเหตุการณ์ผิดปกติ
นอก จากนี้ "วอร์รูม" คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของ พท. ที่มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111+109 นำโดย "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เป็นตัวหลัก ยังจัดตั้งหน่วย "ผู้สังเกตการณ์" เข้าไปแฝงตัวในจุดเลือกตั้งสำคัญๆ ที่ประเมินแล้วว่าจะมีการต่อสู้อย่างเข้มข้น
มีรายงานว่า 2 สัปดาห์ก่อนหย่อนบัตร ได้มีการเรียกประชุม "คณะผู้สังเกตการณ์" เพื่อกำชับให้คอยสอดส่องการกระทำผิดกติกา-สกัดการโกงของ "ฝ่ายตรงข้าม"
โดยจะเข้าประกบแบบประชิดตัว "ฝ่ายตรงข้าม" แต่ไม่ทิ้งพิรุธให้จับผิดได้
กระนั้น การจะนำเครื่องมือสื่อสารมาบันทึกภาพเก็บไว้ก็เกรงว่าจะโจ่งแจ้งเกินไป "วอร์รูม พท." จึงแจก "ปากกาวิเศษ" ซึ่งติดตั้ง "กล้อง" สามารถบันทึกคลิปวิดีโอได้ให้ "ผู้สังเกตการณ์" ปฏิบัติภารกิจจับผิด
ทำให้หลายเรื่องร้องเรียนที่ผู้สมัคร พท. ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหลักฐานภาพเคลื่อนไหวชัดเจน
ส่วน มาตรการป้องกันตัวเอง "วอร์รูม พท." ได้จัดตั้งทีม "นักกฎหมาย" และ "นักบัญชี" คอยให้คำปรึกษาผู้สมัครเป็นรายบุคคล เพื่อลดพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการโดน กกต.แจกใบเหลือง-ใบแดง
ถือเป็นการเตรียมการของ พท.ที่ต้องต่อสู้กับ "ฝ่ายตรงข้าม" และต่อสู้กับ "กรรมการ" ซึ่งถือเป็นผู้ชี้ชะตาคนสำคัญ
แว่วมาว่าในงานเลี้ยง ส.ส.พท. เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา พรรคได้ "เบิก-จ่าย" ค่าตอบแทนให้ทีม "ผู้สังเกตการณ์" ไปแล้ว
โดย "หลักฐาน" ที่ "ผู้สังเกตการณ์" สามารถบันทึกได้ จะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของ "วอร์รูมกฎหมาย" ซึ่งประชุมหารือกันเกือบทุกวัน โดยมี "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" "จาตุรนต์ ฉายแสง" "ชูศักดิ์ ศิรินิล" เป็นตัวหลัก เพื่อเตรียมข้อมูลหลักฐานและแนวทางในการต่อสู้คดี
หากพบ "ผู้สมัคร พท." ถูกร้องคัดค้านการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง "วอร์รูมกฎหมาย" ก็จะป้อน "หลักฐานอีกชุด" ให้ กกต. เพื่อบลั๊ฟกลับข้อมูลจาก "ฝ่ายตรงข้าม" ทันที
แม้ กกต.จะเร่งประกาศรับรอง ส.ส.ให้ครบร้อยละ 95 ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สามารถเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกให้ได้ภายใน 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง เพื่อสรรหาประธานสภา ตามด้วยโหวตเลือกนายกฯ แต่ "บิ๊ก พท." ก็ยังหวั่นอยู่ว่าอาจมีรายการรับรองไปก่อน สอยทีหลัง
จึงมีคำสั่งให้ "สายสืบเพื่อไทย" เกาะติดการทำงานของ กกต. และเช็กความเคลื่อนไหวของ "พรรคคู่แค้น" ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน "ผู้มีบารมีเหนือพรรค" ยังประกาศเชือด "คนการเมืองแปรพักตร์" ทุกราย ไม่เว้นกระทั่ง "ส.ต. (สอบตก)"
โดย มีรายงานว่า ส.ส.อีสานได้ยื่น "หลักฐานเด็ด" ต่อ กกต. เพื่อลาก "อดีตรัฐมนตรี" มารับโทษในคดีซื้อเสียง โดยหมายให้ถูกตัดสิทธิการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
ถือเป็นอีกหนึ่งผลิตผลจาก "ปากกาวิเศษ" จากฝีมือ "ผู้สังเกตการณ์"
ทั้งหมดเกิดขึ้นจากบทเรียนราคาแพงของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ซึ่งถูกยุบพรรคด้วยหาข้อทุจริตการเลือกตั้ง
"ทักษิณกับพรรคพวก" จึงเตรียมพร้อมป้องกันตัวเอง เปลี่ยนบทจาก "รับ" เป็น "รุก" ผ่านการวางแผนลับอย่างเป็นระบบ
และไม่ลืมขุดหลุม "ล่อ" คู่แค้นให้ถูกฝังกลบทางการเมือง!!!
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น