โดย ใหม่เมืองเอก
บทความที่ผมนำเสนอนี้ นำมาจากมติชนออนไลน์ เขียนโดยไพโรจน์ วงศ์วิภานนท์ สถาบันวิจัยสังคมและเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
ซึ่งผมก็ขอตัดมาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องค่าแรง300บาท เนื้อหาตามนี้
V
V
ความขัดแย้งในสังคมประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่ผู้นำที่มีลักษณะและมีสไตล์ทางการเมืองเป็น populist ที่ผ่านมาในรอบเกือบสิบปี อย่างคุณทักษิณและพรรคของคุณทักษิณ มีแนวโน้มเพิ่มความขัดแย้งจนเกิดเป็นความรุนแรงและความเสียหายแก่ประเทศได้ง่าย โดยเฉพาะการคิดว่าการได้เสียงข้างมากจากประชาชนนั้นสามารถจะทำอะไรได้ตามใจชอบหรือมีการใช้อำนาจในทางที่มิชอบและขาดความชอบธรรม
ประชาธิปไตยเป็นเรื่องของวิธีการและกระบวนการซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า เป้าหมาย กรณีที่มาของข้อเสนอค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทของพรรคเพื่อไทยอาจจะเป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่งมีที่มาเป็นส่วนผสมของ
(ก.) การมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับค่าจ้างของคนระดับล่างและการใช้ค่าจ้างขั้นต่ำเป็น เครื่องมือของพรรคของทักษิณและทีมเศรษฐกิจซึ่งจะถูกจะผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และ
(ข.) การแข่งขันทางการเมืองซึ่งทำให้พรรคต้องฉวยโอกาสในการให้ข้อเสนอที่ดีกว่าคู่แข่งทั้งที่รู้ว่า ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะถ้าค่าจ้าง 300 บาทนี้ทำเหมือนกันทั่วประเทศ ซึ่งคุณทักษิณก็คงรู้ว่าพรรคกำลังหลอกประชาชน!!
ผู้เขียนไม่แปลกใจที่ว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากแต่ความเหมาะสมของนโยบายเมื่อถูกประเมิน โดยนักเศรษฐศาสตร์กว่าเจ็ดสิบคน นโยบายของพรรคเพื่อไทยได้คะแนนน้อยกว่าพรรคประชาธิปัตย์
ที่คุณทักษิณทำเช่นนี้ได้เพราะวัฒนธรรมทางการเมืองทั้งในช่วงการหาเสียง เลือกตั้งและก่อนหน้าไม่ใช่กระบวนการประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสและเป็นผลมา จากกระบวนการไตร่ตรองผ่านการถกเถียงอย่างเข้มข้นกว้างขวางของประชาชนโดยการ ใช้ฐานความรู้ ข้อมูล เหตุและผลซึ่งเป็นแนวคิดกระบวนการประชาธิปไตยแบบไตร่ตรอง หรือ deliberative democracy ตามแนวคิดของ Habermas นักปรัชญาชาวเยอรมัน
ในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท คุณทักษิณและพวกสามารถปกปิดไม่ให้รายละเอียด นโยบายที่เสนอขาดกระบวนการไตร่ตรองถกเถียงอย่างเข้มข้นโดยประชาชนอย่างเท่า เทียมกันเพราะวัฒนธรรมทางการเมืองสามารถเปิดโอกาสให้แม้กระทั่งว่าที่นายกฯ หัวหน้าพรรคและผู้บริหารของพรรคไม่จำเป็นต้องผูกมัดตัวเองที่จะต้องมาเข้า สู่กระบวนการอภิปรายอย่างเข้มข้นในระดับชาติเหมือนที่เราพบเห็นในประเทศอื่น
กกต.ก็ไม่สามารถออกกติกาเพื่อให้นโยบายที่เสนอมาต้องผ่านกระบวนการไตร่ตรองก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองสามารถขึ้นป้ายเพียงหนึ่งบรรทัดก็โฆษณาชวนเชื่อได้แล้ว
ทักษิณและทีมเศรษฐกิจต้องการเห็นอะไรจากการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท นอกเหนือจากการดึงแรงงานระดับล่างมาเป็นฐานเสียง ถ้าคิดว่าการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 เพราะคิดว่าค่าจ้างขั้นต่ำในปัจจุบันเป็นอุปสรรคทำให้ไทยโตได้ช้าไม่เหมือน จีน หรือเห็นว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในกับดักภาวะเงินฝืดเพราะค่าจ้างนิ่งเกินไป ถ้าเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 40% ถึงกว่า 100 แล้วจะกระชากเศรษฐกิจไทยได้
คุณทักษิณกำลังเข้าใจผิดและจะทำร้ายเศรษฐกิจไทย
PERON ในปี ค.ศ.1947 เคยหาเสียงกับสหภาพแรงงานของอาร์เจนตินา โดยเพิ่มค่าแรงที่แท้จริงปีละ 25% PERON ทำได้ 2 ปีเศรษฐกิจก็ทรุด เป็นที่ทราบกันดีว่ามรดกประชานิยมของ PERON นอกจากประเทศแตกแยกแล้วเงินเฟ้อระดับปีละเป็นร้อยเป็นพันเปอร์เซ็นต์ เศรษฐกิจก็ล่มสลายอยู่หลายทศวรรษ
ค่าจ่ายขั้นต่ำของไทยต่ำไปหรือไม่ ? ถ้าดูตามหลักเกณท์ของ ILO ค่า จ้างขั้นต่ำควรจะอยู่ระหว่างร้อยละ 40 ถึง 60 ของรายได้ต่อหัวค่าจ้างเฉลี่ย หรือ MEDIAN ซึ่งของไทยก็อยู่ในเกณท์นี้ (เช่น ระดับค่าจ้างขั้นต่ำระดับ 6,000 บาทเมื่อเทียบกับค่าจ้างเฉลี่ยที่ 9,600 บาท ในปี 2553) เมื่อเทียบกับร้อยละ 20 ถึง 30 กรณีของรัสเซียและจีนตามลำดับ
คนที่บอกว่าอยากเห็นประเทศไทยใช้นโยบายสองสูงคือค่าจ้างสูงและราคาสินค้าเกษตรสูงสับสนความเป็นเหตุและผล
ประเทศที่มีค่าจ้างสูงและเจริญมาได้เพราะประเทศนั้นมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงเพราะแรงงานการสะสมทุนเทคโนโลยีและการจัดการมีคุณภาพสูง
มูลค่าเพิ่มต่อคนงานในภาคการผลิตของเกาหลีสูงกว่าไทยอย่างน้อย 3 เท่า ค่าจ้างโดยเฉลี่ยของเราต่ำ เพราะ PRODUCTIVITY โดยรวมต่ำ
ถ้าทีมเศรษฐกิจของคุณทักษิณมีกึ๋นจริงไม่ต้องเล่นแร่แปรธาตุและสร้างวิมานใน อากาศขอให้ใช้เวลาที่จะได้เป็นรัฐบาลอยู่ได้นานๆ สามารถสร้างสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมและระบบแรงจูงใจที่เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการกำหนดอัตราต่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนให้ดูประเทศกลุ่ม NICS เป็นตัวอย่าง
คุณทักษิณต้องไม่ลืมว่าตั้งแต่ประเทศไทยเจอวิกฤตจากต้มยำกุ้งในสิบกว่าปีที่ ผ่านมา ที่มาของความเจริญเติบโตของเรามาจากการสะสมทุนน้อยลงและมาจากการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีก็น้อยมาก
ที่มาของ GROWTH ส่วนใหญ่มาจากแรงงานที่ไร้ฝีมือจากภาคชนบทและจากแรงงานต่างด้าวซึ่งทำให้ค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้นไม่ได้มาก
จากการศึกษาของธนาคารโลกการศึกษาของไทยมีบทบาทต่อการเพิ่มคุณภาพของแรงงาน ที่มีส่วนช่วยการเจริญเติบโตของไทยเพียง 0.35% ต่อปี ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา
การไม่ดันทุรังและยอมรับความจริงและขอโทษประชาชนเรื่องความเป็นไปไม่ได้ที่จะขึ้นค่าแรง 300 บาททันที โดยไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศน่าจะเป็นความกล้าหาญของพรรคเพื่อไทย แค่นี้ก็ถือว่าตบหน้าว่าที่นายกฯหญิงและพี่ชายพอสมควรแล้ว จาก การที่ 3 สมาคมการค้าและอุตสาหกรรมรวมทั้งนักวิชาการที่ไม่เห็นด้วย และไม่ยอมรับนโยบายที่ไม่ผ่านการไตร่ตรองด้วยเหตุด้วยผล แถมยังสอนด้วยว่าอัตรานี้ควรเป็นอัตราที่ควรใช้ในสามถึงสี่ปีข้างหน้าซึ่ง เหมือนกับให้ว่าที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ไปดูข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์จะดีกว่า
อย่าลืมว่าการที่สหภาพแรงงานไทยอ่อนแอเมื่อบวกกับความมีเอกภาพของสมาคม ธุรกิจทั้งหลายรวมทั้งความสามารถในการปรับตัว ถ้าค่าแรงขั้นต่ำเริ่มเป็นภาระที่ผู้ประกอบการรับไม่ได้ผู้ประกอบการมีวิธี ปรับตัว ซึ่งหมายความว่าอำนาจของรัฐตามกฎหมายจะไม่ศักดิ์สิทธิ์จะเกิดผลที่คาดไม่ถึง ตามมามากมายทำให้ได้ไม่คุ้มเสีย
อันที่จริงมีสัญญาณตั้งแต่ปีที่แล้วที่การแข่งขันทางการเมืองเริ่มให้ความ สำคัญกับแรงงานระดับล่าง คุณอภิสิทธิ์อยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำที่ 250 บาท จนทำให้เพื่อไทยทนไม่ได้ต้องเสนอเป็น 300 บาท ถ้าใช้สูตรของประชาธิปัตย์ที่ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นได้ 12.5% ค่าจ้างขั้นต่ำก็สามารถจะเพิ่มได้ 1 เท่าตัว ภายในเวลาไม่เกิน 6 ปี ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย
ผู้เขียนอยากเห็นค่าจ้างขั้นต่ำที่อิงกับผลิตภาพและอัตราเงินเฟ้อ โดยให้ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นสูงกว่าอัตราค่าจ้างทั่วๆ ไปเพื่อลดความแตกต่างทางด้านค่าจ้างและลดความไม่เท่าเทียมกันในรายได้ โดยทำควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับระบบสวัสดิการสังคม การศึกษา และการสาธารณสุข
อ่านบทความต้นฉบับที่นี่
------------------------------
ใหม่เมืองเอก ขอสรุปคร่าวๆง่ายๆของสาระสำคัญของบทความนี้ ก็คือ
ค่าแรงไทยจะสูงก็ได้ ถ้าไทยเราเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี คนงานไทยส่วนใหญ่ ย้ำ!! คนงานไทยส่วนใหญ่ ต้องมีต้นทุนความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสูง สามารถผลิตสินค้าไฮเทคของตัวเองได้ (สินค้าไฮเทคที่ผลิตในเมืองไทย เขาก็จ้างแรงงานมีฝีมือสูงกว่า300บาทอยู่แล้ว)
แต่ทุกวันนี้ แรงงานไทยส่วนใหญ่ยังเป็นแค่รับจ้างผลิตสินค้าให้ประเทศที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เท่านั้น
และ สินค้าที่ไม่ใช่สินค้าไฮเทค คนงานไทยก็เป็นแค่ลูกจ้างแรงงานธรรมดา ถ้าค่าแรงแพง เขาก็ไปจ้างแรงงานไม่ต้องการฝีมือที่ประเทศอื่นก็ได้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
2 ความคิดเห็น:
ถ้ารัฐบาลประกาศบังคับให้จ่าย 300 และผู้ประกอบการจะมีวิธีจัดการอย่างไร
เห็นด้วยว่าประเทศไทยว่าควรจะเริ่มการให้ค่าจ้างแบบวัดตามชิ้นงานและประสิทธิภาพของชิ้นงาน ได้ทั้งสองฝ่ายลูกจ้างเก่งขึ้นมีฝีมือดี นายจ้างก็คงยินดีจ่ายตามผลที่ได้รับ แต่ปัจจุบันลูกจ้างทำงานไก่เขี่ยมาก ไม่รับผิดชอบพอโดนนายจ้างตำหนิก็วิ่งโร่ ฟ้องๆ
อนาจกับความคิดและประสิทธิภาพของคนไทยส่วนใหญ่
ใช่ครับ พูดกันจริงๆ ประสิทธิภาพการทำงานของคนไทยเราส่วนมาก ยังไม่สมกับที่จะได้ 300 บาทจริงๆครับ ปัญหามันไม่ได้ว่าค่าแรงน้อยหรอก รัฐควรไปจัดการเรื่องค่าครองชีพมากกว่า
แสดงความคิดเห็น