บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผู้นำ ศรีธนญชัย !! โดยก้อนกรวด

  ๐๐ แม้จะแก้ตัวแบบ “ศรีธนญชัย”ว่าการประชุม ครม.นัดทิ้งทวนเมื่อวันก่อนของ “รัฐบาล มาร์ค” ไม่ได้มีการอนุมัติโครงการแบบ “ทิ้งทวน”กว่า206 โครงการมูลค่ากว่า แสนล้านบาท แต่อ้างว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า เป็นภาระผูกพันที่อนุมัติจริงๆมีเพียงร้อยกว่าโครงการมูลค่าแค่หมื่นกว่า ล้านบาท โดยอ้างความจำเป็นเพื่อความต่อเนื่อง หากไม่อนุมัติตอนนี้ต้องรอไปอีกประมาณ 3 เดือน เกิดความเสียหายทางราชการ เกิดความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ได้ยินเช่นนั้นมันก็จริงอยู่ว่าส่วนใหญ่เป็นโครงการเก่า แต่คราวนี้ก็มีการ “รับทราบ” ความหมายก็คือเป็นการอนุมัติไว้ล่วงหน้าแล้ว และเมื่ออยู่ใน “ช่วงชุลมุน” มันก็ถือเป็นโอกาสเหมาะอยู่แล้ว ดังนั้นการที่บอกว่าไม่ได้ทิ้งทวน ไม่ได้ “เทกระจาด” มัน ก็เป็นแค่คำแก้ตัวหน้าด้านๆ เพื่อป้องกันถูกด่าเท่านั้นเอง และไม่ว่าจะใช้คำว่ารับทราบ เพื่อทราบมันจะต่างกันตรงไหนเพราะความหมายก็คือรัฐบาลชุดนี้เป็นคนอนุมัติ นั่นเอง
     
       ๐๐ สำหรับการยุบสภานั้นมีแนวโน้มสูงว่าจะต้องเลื่อนออกไปหลังวันที่ 9 พ.ค.เพราะต้องรอศาลรธน.วินิจฉัยกม.ลูก 3 ฉบับเสียก่อน และล่าสุด จรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการออกมายืนยันแล้วว่าไม่อาจพิจารณาได้ทันในวันที่ 6 พ.ค.ตามกรอบที่นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ กำหนดเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่ถึงอย่างไร นายกฯอภิสิทธิ์ก็ยังยืนยันว่าเป็นไปตามกรอบเดิม นั่นก็หมายความว่าอาจจะมีการเสนอทูลเกล้าฯยุบสภาไปก่อน ส่วนจะโปรดเกล้าฯลงมาเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่ความเหมาะสม
     
       ๐๐ขณะที่ความเคลื่อนไหวสำหรับ “นักเลือกตั้ง” ที่กำลังอยู่ในช่วงกำลัง “ต่อรอง” โก่งค่าตัว หรือเสนอตัวให้ประมูลราคาตาม “เกรด” เอบีซี ซึ่งก็มีผลต่อราคาค่างวดของตัวเองในอนาคต แต่ตอนนี้ถือว่ายังไม่ใช่ข้อตกลงแบบตายตัว เพราะยิ่งใกล้วันยุบสภา และใกล้วันครบกำหนดตามกฎหมายก็ยิ่งจะต้องมีการแข่งขันในการปั่นราคาให้สูง ที่สุด เท่าที่จะทำได้ ขณะที่พรรคการเมืองก็เริ่มทยอยเปิดตัวออกมาส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะพรรคเล็ก พรรคน้อย ล่าสุดพรรค “พลังชล” ของกลุ่ม “คุณปลื้ม” ที่มี สนธยา คุณปลื้ม ชักใยอยู่ข้างหลังประกาศใช้จุดขาย “พรรคท้องถิ่น” หวังกวาดส.ส.ในเขตจังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ได้ ส.ส.ประมาณ 5-10 ที่นั่งก็รอร่วมรัฐบาลได้แล้ว เหมือนตัวอย่าง “พรรคกิจสังคม” ของสุวิทย์ คุณกิตติ ที่นำร่องมาก่อนในยุครัฐบาลปัจจุบัน
     
       ๐๐ นอกจากนี้ยังมีพรรค “มาตุภูมิ” ของ “บังสนธิ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่พุ่งเป้ากวาดคะแนนเสียงจากกลุ่ม “มุสลิม” ทั้งในภาคใต้ และในกรุงเทพฯแถบชานเมือง หวัง ส.ส.เข้ามาสัก 5-7 ที่นั่งมันก็หรูแล้ว ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมันก็ไม่ต่างจากการ “ลงทุน” ทำ “ธุรกิจการเมือง” ที่คุ้มค่า เพราะเชื่อว่าหลังเลือกตั้งแล้วคงไม่มีพรรคการเมืองใดได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด ต้องเป็นรัฐบาลผสมแน่นอน มันก็เป็นโอกาสอันดีของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีโอกาสในการ “ต่อรอง” ในการหาผลประโยชน์ทางอำนาจได้มากขึ้น
     
       ๐๐ภาพที่เห็นก็เป็นภาพเดิมๆของคนอีกประเภทหนึ่งที่ต้องเคลื่อนไหวแบบนี้ทุกครั้ง จนเป็น “วงจรอุบาทว์” ของกลุ่ม “ธุรกิจการเมือง” ที่มีแต่คนหน้าเดิม ที่ทุกครั้งเมื่อปี่กลองเชิดคนพวกนี้ก็จะแบ่งสันปันส่วนประเทศไทยราวกับว่า เป็นของตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนมาใช้อธิปไตยของปวงชน มาจากการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งที่ “หลอกลวง” ไม่ได้มาตรฐาน มีแต่การซื้อเสียง ข่มขู่ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองได้เป็น ส.ส.แล้วมาถอนทุน หมุนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ และนับวันยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ
     
       ๐๐ เมื่อเป็นแบบนี้มันก็น่า “ขยะแขยง” และน่ารังเกียจ จึงเป็นที่มาของแนวคิด “โหวตโน” ไม่เลือกใคร เพราะ “เลวไม่ต่างกัน” เมื่อเห็นกันอยู่หากยังปล่อยให้สภาพเน่าๆอยู่แบบนี้ต่อไป เราก็ไม่สมควรให้ผ่านไปเฉยๆ ต้องบอยคอตแสดงความรังเกียจให้เห็นกันบ้าง ปล่อยให้ปูยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอยู่ทำไม
     
       ๐๐กลายเป็นว่ารัฐบาลที่นำโดย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้นำประเทศเข้าสู่ “ความเสี่ยง” สมบูรณ์แบบในกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรากำลัง “ถูกดูด” เข้าสู่ศาลโลกที่เราไม่เห็นทางชนะได้เลย เพราะเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบจากประเทศต่างๆที่เป็นองค์คณะ ซึ่งก็คงไม่หนีไปจากพวกประเทศมหาอำนาจ ซึ่งในที่นี้ก็คงไม่หนี ฝรั่งเศสแน่นอน แต่คำถามก็คือทำไมเราต้องไปยอมรับในสิ่งที่มันเสียเปรียบ ทำไมไม่บอกปัดตั้งแต่แรก ทำไมต้องมาพิสูจน์ ต้องพิสูจน์เรื่องแบบนี้ทำไม เพราะแม้กระทั่งการใช้กำลังทหารในการตอบโต้ฝ่ายกัมพูชาเรายัง “ไม่ได้เปรียบ” เสียหายไม่คุ้มค่าเลย !!

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง