การเยือนจีนของผู้นำญี่ปุ่น โยชิฮิโกะ โนดะ
ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้ผลสรุปว่า
จีนและญี่ปุ่นประกาศทำความตกลงร่วมกันในการสนับสนุนการใช้เงินหยวนเพื่อการ
ค้าและการลงทุน และอาจนำไปสู่การจำกัดการใช้เงินสกุลดอลลาร์ในเอเชียด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนให้มีการค้าโดยการใช้เงินหยวนและเงินเยนโดยตรง แทนที่การแปลงเงินสกุลของตนให้เป็นดอลลาร์ก่อนนำมาใช้ นอกจากนั้น ญี่ปุ่นจะถือเงินหยวนเป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศอีกด้วย
นักประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ นาย Barry Eichengreen ระบุว่า “ญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกว่า ต่อไปเงินที่จะมีอำนาจครอบครองเอเชียในอนาคตคงไม่ใช่เงินเยน”
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นาย Jeffrey Frankel กล่าวว่า “นี่เป็นการเร่ง อัดฉีด ให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความหลากหลายมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นแค่เพียง 1 ใน 100 ของขั้นตอนดังกล่าว”
เจ้าหน้าที่ของรัฐในญี่ปุ่นระบุว่า “ในอนาคต สกุลเงินของเอเชียอาจจะมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ญี่ปุ่นยังไม่มีความจำเป็นที่จะตัดสินใจซื้อเงินหยวนในตอนนี้ แต่แน่นอนว่าเงินหยวนจะโดดเด่นมากกว่าเงินเยน และบทบาทของเงินเยนอาจจะมีความสำคัญมากขึ้นกับประเทศอื่น หากเรามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศนี้” ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เงินหยวนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนักลงทุนทั้งหลายและเครือข่ายทางธุรกิจให้ ลดค่าเงิน
ทั้งนี้ ในข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า จีนกำลังเร่งขึ้นค่าเงินหยวน และการตัดสินใจที่สำคัญกว่านั้นคือการที่ญี่ปุ่นตัดสินใจซื้อเงินหยวนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ นี่แสดงให้สะท้อนนัยสำคัญที่ว่าญี่ปุ่นกำลังหลีกจากการใช้เงินดอลลาร์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐก็กำลังสนับสนุนให้จีนตระหนักถึงบทบาทของเงินหยวนที่มีความสำคัญ มากขึ้น และเห็นว่าจีนจำเป็นต้องปรับนโยบายของกาคการเงินด้วย
Morris Goldstein นักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Peterson Institute of International Economics) แห่งวอชิงตัน ดีซี ระบุว่า “นโยบายดังกล่าวที่จีนควรปรับเพื่อทำให้เงินหยวนมีการค้าที่เสรียิ่งขึ้น คือ
The Wall Street Journal
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะสนับสนุนให้มีการค้าโดยการใช้เงินหยวนและเงินเยนโดยตรง แทนที่การแปลงเงินสกุลของตนให้เป็นดอลลาร์ก่อนนำมาใช้ นอกจากนั้น ญี่ปุ่นจะถือเงินหยวนเป็นทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศอีกด้วย
นักประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ นาย Barry Eichengreen ระบุว่า “ญี่ปุ่น ทำให้รู้สึกว่า ต่อไปเงินที่จะมีอำนาจครอบครองเอเชียในอนาคตคงไม่ใช่เงินเยน”
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด นาย Jeffrey Frankel กล่าวว่า “นี่เป็นการเร่ง อัดฉีด ให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความหลากหลายมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นแค่เพียง 1 ใน 100 ของขั้นตอนดังกล่าว”
เจ้าหน้าที่ของรัฐในญี่ปุ่นระบุว่า “ในอนาคต สกุลเงินของเอเชียอาจจะมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ญี่ปุ่นยังไม่มีความจำเป็นที่จะตัดสินใจซื้อเงินหยวนในตอนนี้ แต่แน่นอนว่าเงินหยวนจะโดดเด่นมากกว่าเงินเยน และบทบาทของเงินเยนอาจจะมีความสำคัญมากขึ้นกับประเทศอื่น หากเรามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับประเทศนี้” ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เงินหยวนต้องเผชิญกับแรงกดดันจากนักลงทุนทั้งหลายและเครือข่ายทางธุรกิจให้ ลดค่าเงิน
ทั้งนี้ ในข้อตกลงดังกล่าว ระบุว่า จีนกำลังเร่งขึ้นค่าเงินหยวน และการตัดสินใจที่สำคัญกว่านั้นคือการที่ญี่ปุ่นตัดสินใจซื้อเงินหยวนถึง 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อเป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ นี่แสดงให้สะท้อนนัยสำคัญที่ว่าญี่ปุ่นกำลังหลีกจากการใช้เงินดอลลาร์ ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐก็กำลังสนับสนุนให้จีนตระหนักถึงบทบาทของเงินหยวนที่มีความสำคัญ มากขึ้น และเห็นว่าจีนจำเป็นต้องปรับนโยบายของกาคการเงินด้วย
Morris Goldstein นักเศรษฐศาสตร์แห่งสถาบันปีเตอร์สันเพื่อเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (Peterson Institute of International Economics) แห่งวอชิงตัน ดีซี ระบุว่า “นโยบายดังกล่าวที่จีนควรปรับเพื่อทำให้เงินหยวนมีการค้าที่เสรียิ่งขึ้น คือ
- ลดการแทรกแซงค่าเงิน
- ปล่อยอัตราดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
- ลดข้อจำกัดเงินทุนไหลเวียน
- และกำหนดระบบธนาคารให้มุ่งเน้นตลาดมากขึ้น
The Wall Street Journal
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น