คุณผู้อ่านครับ ผมเขียนบทความเรื่องเขื่อนมาหลายบทความ และผมยืนยันว่า เขื่อนไม่ได้ทำงานพลาด แต่มีปัจจัยภายนอกที่ทำให้เขื่อนต้องชะลอน้ำเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมพื้นที่ใต้เขื่อนที่มีภาวะน้ำท่วมอยู่แล้ว
และที่สำคัญ ประตูน้ำในคลองต่างๆ ก็มีการแทรกแซงจากนักการเมือง
เพื่อไม่ให้เปิดประตูระบายน้ำเพราะต้องการช่วยชาวนาให้ได้เก็บเกี่ยวเสร็จ
ก่อน
เมื่อประตูน้ำเปิดระบายน้ำไม่ได้ แล้วเขื่อนจะปล่อยน้ำลงมามากได้อย่างไร เพราะปลายทางยังปิด ต้นทางก็ปล่อยมากไม่ได้
และก็เป็นจริงดังนั้นว่า นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯและสหกรณ์ ได้เคยสั่งให้มีการชะลอน้ำเพื่อช่วชาวนา
ตามข่าวนี้ครับ
v
v
ส.ส.ปชป. โวย รัฐบาลบริหารน้ำในเขื่อนผิดพลาด โชว์ไทม์ไลน์ "ระดับน้ำ -
เวลาเข้ารับตำแหน่ง" "รมว.เกษตรฯ" รับกลางสภา
สั่งชะลอน้ำให้ชาวนาได้เก็บเกี่ยวก่อนปล่อยเข้าทุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. รายจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์
อภิปรายถึงงบประมาณแก้ปัญหาน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท
พร้อมเปิดเพาร์เวอพอยท์ตารางสรุปอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน 3
เขื่อนใหญ่ ประกอบด้วยเขื่อนภูมิพล เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และ
เขื่อนสิริกิติ์ว่า
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2554 เป็นวันเลือกนายกฯ อำนาจรัฐไปอยู่ในมือของรัฐบาลแล้ว ศูนย์กลางอำนาจไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทยแล้ว หรือวันที่โปรดเกล้าฯนายกฯวันที่ 8 ส.ค. น้ำในเขื่อนเหล่านี้ไม่ผิดปกติเลย
และแม้กฎหมายจะกำหนดว่าจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่เมื่อแถลงนโยบายต่อสภา
แต่หากเกิดหากเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นสามารถใช้อำนาจได้อยู่แล้ว
แต่มีพายุกระเตนเข้าเขื่อนมากที่สุด
จังหวะที่ต้องระบายน้ำคือต้องหลังจากวันที่ 7
ส.ค.หรือเลยไปเดือนก.ย.ไม่มีสิทธิแล้ว
ซึ่งถือว่ารัฐบาลบริหารความเสี่ยงผิดพลาด
นายนิพิฏฐ์กล่าววอีกว่า ขอให้ดูเฟซบุคนายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง บอกว่าขอร้องให้ทุกท่านติดตามหน้านี้และแสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2554 บอกว่า
1. อุปสรรคจัดการน้ำในปีนี้ เกิดจากก่อนหน้าฝนมีการพร่องน้ำในเขื่อนใหญ่ๆ
น้อยเกินไป ประกอบกับปริมาณน้ำปีนี้มีมากกว่าปกติเขื่อนจึงล้น
และต้องปล่อยน้ำออกจากเขื่อนอย่างเต็มที่ น้ำจากเขื่อนจึงประดังกับน้ำฝน
ทำให้ปัญหาทวีคูณ
2. ปริมาณน้ำฝนที่ลงภาคเหนือและภาคกลางในปีนี้ 12,000 ล้าน ลบ.ม.
มีปริมาณเท่ากับเขื่อนภูมิพลหนึ่งเขื่อนเท่านั้นเอง ดังนั้นก่อนหน้าฝน
หากสามารถพร่องน้ำให้เหลือเพียงครึ่งเขื่อน หรือเหลือหนึ่งในสาม
เพื่อให้เขื่อนเก็บกักน้ำฝนที่จะเกิดขึ้นในฤดูใหม่ได้เต็มที่
ก็จะทำให้ปัญหาเบาลง
และ
3.สาเหตุที่มีการพร่องน้ำในเขื่อนน้อยเกินไปนั้น
เนื่องจากที่ผ่านมาต้องเก็บน้ำไว้สำหรับการปลูกข้าว 3 ครั้งต่อปี
แต่หากเปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวให้เหลือเพียง 2 ครั้ง
เดือนพฤศจิกายน-เดือนกรกฎาคม แล้วปล่อยให้พื้นนาว่างเปล่า
เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ก็น่าจะสามารถพร่องน้ำในเขื่อนได้มากขึ้น
จะไม่จำเป็นต้องเก็บน้ำไว้มากเท่าเดิม
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า
เมื่อไม่มีการปล่อยน้ำให้เป็นไปตามธรรมชาติน้ำก็ไหลเข้าทุ่ง
หากวันนั้นปล่อยน้ำลงมาน้ำจะไม่วิกฤติ
เราไม่ปล่อยให้น้ำเดินไปตามธรรมชาติน้ำก็ไหลสู่ทุ่ง
เหมือนที่ท่วมกทม.และปริมณฑล เพราะไปกักน้ำไว้ที่จ.สุพรรณบุรีวิกฤติของประเทศเลยเกิดขึ้น เพราะไปกักน้ำไว้น้ำเลยไหลลงทุ่ง
โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ 27 ก.ย.
โดยตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าเมื่อไหร่จะน้ำหยุดท่วมว่า
แต่ละจังหวัดพยายามป้องกันพื้นที่ของตัวเอง ไม่ให้ไปจ.สุรรณบุรี
ไม่ให้ไปจ.ปทุมธานี ทำให้ไม่มีการบูรณการ น้ำเลยไม่ไหลไปตามธรรมชาติ
ทุกอย่างไม่ใช่อยู่ที่ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นแค่ 15%เท่านั้นเอง
ความเสียหายไม่ใช่เป็น แสนๆล้านบาท แต่เป็นล้านล้านบาท
เพราะไม่เชื่อมั่นต่อการจัดการน้ำ นายกฯไม่มีบารมี พูดไปไม่มีใครเชื่อ ไปเชื่อคนนอก มีคนเสนอให้นายกฯพูดน้อยๆหน่อยก็เห็น พูดเยอะผิดเยอะ คนโง่หรือฉลาดให้ดูได้ที่การพูด
จากนั้นนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯและสหกรณ์
จึงได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า
ความจริงต้องการฟังสมาชิกทั้งหมดแล้วชี้แจงคราวเดียวเลย
แต่ขอชี้แจงสั้นๆถึงการบริหารจัดการน้ำที่เป็นเรื่องสถานการณ์ต่างๆที่เกิด
ขึ้น
การจัดการน้ำต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในเขื่อนแต่ละเขื่อนมีหลักเกณฑ์เก็บ
น้ำสูงสุดและต่ำสุดเป็นอย่างไร่ โดยไม่พยายามให้เกิดเกณฑ์ที่กำหนดไว้
แล้วทำไมไม่บริหารน้ำออกจากเขื่อน
เพราะปลายเดือนมิ.ย.เป็นต้นมามีพายุเข้ามาติดต่อกัน
และฝนในภาคเหนือมากกว่าค่าเฉลี่ยมาก 50% ทำให้น้ำเหนือเขื่อน
น้ำท้ายเขื่อนมีปริมาณมาก แล้วจะระบายน้ำมาซ้ำเติมประชาชนอีกเหรอ
หากทุกคนคาดการณ์ได้ล่วงหน้าหยั่งรู้ฟ้าดินเหมือนขงเบ้งคงไม่ต้องมานั่งเถียงกันอยู่อย่างนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ได้แค่ 1 สัปดาห์เดียวเท่านั้น ทั้ง
หมดจึงไหลมาร่วมกันที่จ.นครสวรรค์
แล้วแบ่งน้ำไปทางตะวันออกและตะวันตกโดยมีข้อจำกัดในการรับมวลน้ำ
ที่จ.สุพรรณบุรีก็ท่วมที่ตลาดร้อยปี บางปะม้า บางเลน
ระยะทางก่อนออกทะเลอีกนาน หากปล่อยน้ำเข้ามาอีกก็ตู้มเข้าไปอีก
"ผมยอมรับว่าพูดจริงที่สั่งชะลอน้ำเพื่อให้พี่น้องชาวนาได้เกี่ยวข้าว ก่อนปล่อยน้ำเข้าทุ่ง" นายธีระกล่าว
"แล้วในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2554 ลุ่มน้ำยมก็ท่วม ลุ่มน้ำน่านก็ท่วม
ในวันนั้นจะให้เขื่อนสิริกิตต์ระบายน้ำลงมาซ้ำเติมพี่น้องอีกหรือครับ
ไม่ว่าผมอยู่ในรัฐบาลไหนผมก็ต้องให้ทำอย่างนี้
เพราะการพยากรณ์กรมอุตุนิยมวิทยาบอกเราล่วงหน้าได้แค่สัปดาห์เดียว
ถ้าทุกคนคาดการณ์ได้หมด เหมือนขงเบ้งที่รู้ดินฟ้าอากาศ
ก็ไม่ต้องมานั่งเถียงกันอย่างนี้"นายธีระกล่าว และว่า
"ส่วน
ที่บอกว่าผมให้สัมภาษณ์สั่งให้ชะลอการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลนั้นจริง
เพราะตอนนั้นเราชะลอการโหลดน้ำลงเจ้าพระยา
เพราะไม่ว่าที่ไหนหรือทุ่งไหนจะเกี่ยวข้าว เราก็ต้องทำแบบนี้ อยู่รัฐบาลที่แล้วผมก็ทำ เพราะประชาชนกำลังจะเกี่ยวข้าว" นายธีระกล่าว
ด้านนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง กล่าวชี้แจงว่า
การเขียนข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวนั้นเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ตอบคนที่เข้า
มาสอบถามถึงแผนการบริหารจัดการน้ำในอนาคต โดยอธิบายถึงระดับน้ำในปี 2554
จากระดับต่ำสุดถึงสูงสุดในพื้นที่เหนือเขื่อนสูงถึง 7,500 ล้าน ลบ.ม.
สูงกว่าระดับน้ำในปี 2552 และ 2553 ที่มีเพียง 5,000 ล้านลบ.ม. สูงกว่า
ระดับปกติถึง 50 % ดังนั้นจึงทำให้การป้องกันรับมือทำได้ยากขึ้น
“จากพื้นที่เดิมที่เคยท่วม 2 เมตร ปีนี้ก็จะท่วม 3-4.5 เมตร
จากชุมชนที่เคยสร้างกำแพงป้องกันไว้ระดับเดิมคิดว่าจะพอป้องกันได้
มาปีนี้น้ำเพิ่มมา 50 % ก็ไม่สามารถป้องกันได้
ทางออกที่พยามจะป้องกันน้้ำท่วมผ่านการบริหารน้ำไปทำการเกษตรให้ยืดหยุ่น
มากขึ้น อาจทำได้สองทาง คือ
1หากกักน้ำน้อยเกินไปก็เสี่ยงที่จะกระทบต่อภาวะน้ำแล้ง ควรจะทำแหล่งน้ำชุมชนขึ้นมา และ
2. การปลูกข้าวจากเดิมทำปีละ 3 ครั้งควรทำเหลือเพียงแค่ 2 ครั้ง
เพื่อจะได้มีเวลาพัฒนาคุณภาพดินและลดการระบาดของเพลี้ยและโรคอื่นๆได้ด้วย”
นายธีระชัย ชี้แจง
http://www.suthichaiyoon.com/detail/17814
**
นายธีระ วงศ์สมุทร เป็นอดีตอธิบดีกรมชลประทาน
และต่อมาก็เป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา
และได้รับตำแหน่งเป็นรมว.เกษตรและสหกรณ์ติดต่อกัน2สมัย
มาตั้งแต่รัฐบาลอภิสิทธิ์ต่อเนื่องมารัฐบาลยิ่งลักษณ์
---------------------------
สำหรับ
ความเห็นของผม ผมไม่โทษเขื่อน แต่เรื่องประตูระบายน้ำมีปัญหา
อันนี้ผมยอมรับว่ามีแน่ เพราะชาวนากับชาวบ้านทะเลาะกันหลายพื้นที่
ส่วนที่นายธีระบอกสั่งชะลอเพื่อช่วยชาวนานั้น ฟังดูดี และเข้าใจเจตนาดี แต่มันแปลกตรงที่สุพรรณท่วมช้ากว่าที่อื่นนี่แหล่ะครับท่านรมว.
และผมยังเชื่อว่า
ถ้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เอาจริงเอาจังเรื่องการระบายน้ำ
เพื่อแบ่งเบาภาระของแม่น้ำเจ้าพระยา ผันน้ำลงแม่น้ำทางด้านตะวันดก
และตะวันออกเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าเริ่มทำอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกันยายน ผมว่าน้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯหนักแบบนี้แน่นอน
จนขนาดน้ำทะลักเข้ากรุงไปเป็นเดือนแล้ว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังมีปัญหาการผันน้ำไปทางตะวันออกไม่ได้เท่าที่่ควร
ทั้งปัญหาขาดเครื่องสูบน้ำ
ปัญหาชาวบ้านไม่ยอมให้เปิดหรือปิดประตูน้ำหลายจุด
นี่คือความล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำที่ล่าช้าเกินไปของรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั่นเองครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น