ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
อาณาบริเวณใดทางการเมืองมีความลับเกิดขึ้น
แนวโน้มของความชั่วร้ายบางอย่างก็จักถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกัน
และยิ่งมีการใช้อำนาจรัฐเพื่อปกปิดความลับนั้น
ความชั่วร้ายก็จักแผ่ขยายและทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตยให้สิ้นสูญลงไป
ในที่สุด
ความลับเป็นคำที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์
ของมนุษยชาติ
ความลับเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องราวหลายประการที่มนุษย์ไม่ต้องการ
ให้เผยแพร่ออกไปจากตนเองหรือแวดวงของผู้ที่เกี่ยวข้อง
เพราะมนุษย์มีความเชื่อว่าหากข้อมูลข่าวสารที่เป็นความลับเผยแพร่ออกไปให้
ผู้อื่นทราบ จะทำให้ตนเอง กลุ่ม พรรค ชุมชน องค์การ
และประเทศได้รับผลกระทบในทางเสียหายไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
เมื่อความลับถูกเปิดเผยออกไปอาจทำให้ชื่อเสียงเกียรติยศส่วนตัวถูก
ทำลาย ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือลง เกิดการเสื่อมเสียเกียรติยศ อาจถูกตีตรา
อาจถูกประณาม อาจถูกต่อต้าน อาจถูกลงโทษทั้งทางสังคมและกฎหมาย
อาจทำให้ศักยภาพในการแข่งขันลดลง และประสบความพ่ายแพ้
กรณีที่เป็นความลับของชาติอาจทำให้ประเทศต้องตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบหรือตก
อยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยึดครอง เป็นต้น
บุคคลแต่ละคนมีความลับส่วนตัวของตนเองที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นหรือ
สาธารณะทราบไม่มากก็น้อยนักการเมืองซึ่งเป็นผู้นำประเทศบางคนอาจมีความลับ
ส่วนตัวบางประการ เช่น อาจมีสติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคนในสังคมนั้น
หรืออาจเป็นโรคประสาทชนิดมีความแปรปรวนทางอารมณ์ระหว่างอารมณ์ปิติยินดีจน
เกินขอบเขตซึ่งมักจะร่าเริงเงยหน้าหัวเราะต่อกระซิกบ่อยครั้งกับเรื่องราว
ที่คนทั่วไปฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ กับอารมณ์หดหู่ซึมเศร้า
หลั่งน้ำตาออกมาบ่อยครั้งในเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นกับคนปกติทั่วไป
นักการเมืองผู้นี้ย่อมพยายามปกปิดความลับนี้เอาไว้
เพราะหากความลับเปิดเผยออกไปความเสื่อมเสียและการสูญสิ้นสถานภาพหรือตำแหน่ง
ย่อมบังเกิดแก่เขาหรือเธอ
แต่ในอีกด้านหนึ่งหากความลับนั้นได้รับการเปิดเผยออกมาอาจเป็นประโยชน์ต่อ
สังคมโดยรวมก็ได้
เพราะไม่มีประเทศใดที่จะมีความเจริญมั่นคงและยั่งยืนได้หากผู้นำมีความจำกัด
ทางปัญญาหรือเป็นโรคประสาท
ดังนั้นหากความลับของเขาหรือเธอถูกเปิดเผยออกมาก็อาจทำให้เกิดแรงกดดันจาก
สังคมให้เปลี่ยนแปลงผู้นำก็เป็นได้
นักการเมืองบางคนอาจเป็นโรคร้ายก็จำต้องปกปิดเอาไว้เพราะหากเปิด
เผยออกไปจะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางการเมืองในกลุ่มชนที่สนับสนุนเขา
บางคนมีความเชื่อและความคิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมและระบอบการปกครองแบบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็ต้องปกปิดเอาไว้เพราะความเชื่อ
ความคิดแบบนี้ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับและถูกประนามจากสังคมไทย
นัการเมืองบางคนมีพฤติกรรมชั่วร้ายต่างๆนาๆ อาทิ
การทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดิน
การยักยอกเงินทองสิ่งของบริจาคจากประชาชนเพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้
เป็นของตนเอง การหลีกเลี่ยงภาษี การให้สินบนเพื่อให้ตนเองพ้นผิดพ้นโทษ
การรับสินบนเพื่อทำงานที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมหรือละเมิดกฎหมาย
นักการเมืองที่กระทำสิ่งเหล่านี้ย่อมปกปิดการกระทำของเขาเป็นความลับ
และกระทำการชั่วร้ายต่างๆเพิ่มขึ้นเมื่อพวกเขาคิดว่ามีสิ่งใดที่อาจทำให้
ความลับของเขาเปิดเผยออกไป
แน่นอนว่าหากความลับอันเป็นพฤติกรรมชั่วร้ายของนักการเมืองทั้งหลายถูกเปิด
เผยออกมา หายนะย่อมบังเกิดแก่พวกเขา
แต่สาธารณะหรือสังคมย่อมได้ประโยชน์เพราะสามารถขจัดนักการเมืองที่มี
พฤติกรรมชั่วร้ายเหล่านี้ออกไปจากเวทีอำนาจทางการเมืองได้
ความลับบางอย่างมีลักษณะและศักยภาพในการการทำลายล้างสาธารณะหรือฝ่าย
ตรงข้ามของผู้ครอบครองความลับนั้นสูง ดังเช่น
ความลับขององค์การก่อการร้ายซึ่งสามารถทำลายชีวิตทรัพย์สินของผู้คน
และความสงบสุขของสังคม
หรือความลับองค์การอาชญากรรมประเภทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด
การค้ามนุษย์ การปล้นทรัพย์สิน
ก็มีศักยภาพในการทำร้ายผู้คนและสังคมได้ไม่น้อยทีเดียว
ความลับขององค์การเหล่านี้หากเปิดเผยออกไปย่อมทำให้ฝ่ายปกครองประเทศดำเนิน
การปราบปรามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม
แต่แน่นอนว่าต้องส่งผลร้ายต่อองค์การที่ครอบครองความลับเหล่านี้เอาไว้
ความลับบางอย่างอาจไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายหรือส่งผลในการทำลายล้างผู้
อื่นหรือตัวผู้ครอบครองความลับนั้น เช่น ความลับในทางการค้า
ความลับในการปรุงอาหาร หรือความลับในการประดิษคิดค้นสิ่งต่างๆ
ความลับประเภทนี้เป็นความลับที่สร้างประโยชน์แก่ผู้ที่มีหรือครอบครองมันเอา
ไว้
เป็นความลับที่ส่งผลให้ผู้ครอบครองมีศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจหรือการ
ประกอบอาชีพ สร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเอง องค์การหรือประเทศได้
ความลับประเภทนี้หากเปิดเผยออกไปก็ทำให้องค์การหรือกลุ่มคนที่ครอบครองสูญ
เสียประโยชน์ได้
แต่สังคมโดยรวมอาจได้ประโยชน์เพราะอาจทำให้สินค้ามีราคาถูกลงเพราะมีผู้ผลิต
จำนวนมากขึ้น อาจทำให้ผู้คนได้บริโภคอาหารอร่อยอย่างทั่วถึง
หรืออาจทำให้การพัฒนาประเทศโดยรวมเร็วขึ้นจากการมีสิ่งประดิษฐ์หรือ
เทคโนโลยีใหม่ๆจำนวนมากขึ้น
นักการเมืองหรือข้าราชการบางคนที่ประพฤติตนเป็นนักข่มขู่
มักใช้อำนาจและกลไกรัฐล้วงเอาความลับของผู้อื่นมาครอบครอง
และใช้ความลับนั้นทำการข่มขู่ให้ผู้อื่นกระทำหรือไม่กระทำบางอย่างที่พวกเขา
ต้องการ
บางครั้งเราจึงประหลาดใจที่เห็นนักการเมืองบางคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนดี
และมีความกล้าหาญในการตัดสินใจ
แต่เมื่อนักการเมืองผู้นี้ดำรงตำแหน่งที่สามารถใช้อำนาจได้
เขากลับมีพฤติกรรมอีกแบบหนึ่งกลายเป็นลูกแกะเชื่องๆไม่กล้าทำสิ่งใดทั้งสิ้น
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าความลับบางอย่างของเขาถูกครอบครองโดยใครบางคน
และใช้ความลับนั้นบงการพฤติกรรมของเขาให้เป็นไปในทิศทางที่บุคคลนั้นต้องการ
ก็ได้
จากที่ผู้เขียนกล่าวมาย่อมแสดงให้เห็นแม้ความลับบางอย่างไม่ถึงกับ
กับสร้างความเสียหายแก่สังคม
แต่ความลับส่วนใหญ่มักเป็นสิ่งไม่ดีหรือบางอย่างถึงขั้นชั่วร้ายอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะหากความลับนั้นเป็นความทางการเมืองหรือความลับที่เกี่ยวข้องกับ
พฤติกรรมทางการเมืองของผู้บริหารประเทศ
ในสังคมเผด็จการผู้บริหารประเทศชอบสร้างความลับเพราะพวกเขาเหล่า
นั้นมักกระทำเรื่องชั่วร้ายที่เปิดเผยต่อผู้คนมิได้
พวกเขานิยมใช้ความลับเป็นเครื่องมือในการรักษาสถานภาพและอำนาจของกลุ่มตนเอง
และนิยมใช้ความรุนแรงและกลไกอำนาจรัฐข่มขู่ผู้คนที่จะเปิดเผยความลับของพวก
เขา เช่นหากนักการเมืองประชุมลับเพื่อกระทำเรื่องชั่วร้ายบางอย่าง
แต่มีคนในกลุ่มของพวกเขาเองบางคนนำข้อมูลข่าวสารออกมาเปิดเผย
ผู้ที่นำข้อมูลมาเปิดเผยอย่างน้อยก็ถูกตำหนิ
หรือมากกว่านั้นก็อาจถูกขับออกจากวงจรของอำนาจ หรืออาจถูกลอบสังหาร
และหากสื่อมวลชนนำเรื่องเหล่านี้ไปขยายต่อ พวกเขาก็ใช้อำนาจรัฐเข้าไปข่มขู่
คุกคาม เช่น ขู่ว่าจะปิดรายการ ปิดสถานี หรือ ไม่ลงโฆษณา เป็นต้น
ส่วนสังคมประชาธิปไตยนั้นเป็นสังคมที่ไม่ยินดี ไม่ต้อนรับ
และปฏิเสธความลับทางการเมือง
เพราะผู้คนในสังคมประชาธิปไตยรู้อย่างกระจ่างว่าความลับทางการเมืองส่วนใหญ่
เป็นเรื่องที่ชั่วร้าย
และเป็นปรปักษ์หรือมีแนวโน้มทำลายหลักการของระบอบประชาธิปไตย
ประเทศใดที่ผู้ปกครองอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย
แต่กลับมีพฤติกรรมที่สร้างความลับอยู่เนืองๆ
วิญญูชนทั่วไปย่อมเชื่อมิได้ว่าผู้ปกครองประเทศนั้นมีความคิด ความเชื่อ
และพฤติกรรมการบริหารประเทศเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ตรงกันข้ามพวกเขากลับใช้รูปแบบของประชาธิไตยเป็นเสื้อคลุมร่างกายและจิต
วิญญาณที่เป็นเผด็จการของพวกเขาเอาไว้
การประชุมลับของคณะรัฐมนตรีอันมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเกี่ยวกับ
เรื่องการออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554
จึงเป็นการประชุมลับที่มีนัยของการสร้างความชั่วร้ายให้เกิดขึ้นแก่สังคม
ไทยอย่างมิต้องสงสัย ในอดีต การประชุม ครม.
เกี่ยวกับการอภัยโทษแก่นักโทษทั้งหลายในวโนกาสครบรอบวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวล้วนแล้วแต่เป็นการประชุมอย่างเปิดเผย
และประกาศให้สาธารณะทราบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องดี
เป็นการประกอบกุศลกรรมถวายแก่องค์พระประมุขของประเทศ
แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกระทำการเรื่องนี้เป็นการลับก็
ย่อมแสดงนัยให้ผู้คนในสังคมเข้าใจว่า
พวกเขาต้องกระทำในเรื่องที่บ่งบอกผู้คนมิได้เป็นแน่แท้
และเรื่องที่บ่งบอกผู้คนมิได้ทางการเมืองก็ย่อมเป็นเรื่องที่หากผู้คนรู้
แล้วจะต้องไม่ยอมรับ ตำหนิ ประณาม และต่อต้าน
สิ่งใดที่ทำให้ผู้คนจะแสดงออกมาในลักษณะนี้
สิ่งนั้นย่อมได้รับการประเมินแล้วว่าจะสร้างความเสียหายแก่สังคมอย่างใหญ่
หลวง เป็นสิ่งที่ทำลายนิติรัฐอย่างสิ้นเชิง
และเป็นสิ่งที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งแตกแยกที่สุดแรงระหว่างผู้คนในสังคม
จนทำให้สภาพสังคมกลายเป็นแดนมิคสัญญีได้ในอนาคต
และสิ่งที่มีศักยภาพให้เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว ไม่มีสิ่งใดอีกแล้ว
นอกเหนือไปจากการเสนออภัยโทษให้ทักษิณ ชินวัตร
ความลับทางการเมืองย่อมเป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย
เพราะหลักการที่สำคัญของระบอบนี้คือ ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม
นักและพรรคการเมืองใดก็ตามหากกระทำการสร้างความลับทางการเมือง
และใช้อำนาจรัฐในทุกรูปแบบเพื่อปกปิกความลับนั้นเอาไว้
นักและพรรคการเมืองเหล่านั้นย่อมมีพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์ต่อระบอบ
ประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน ดังที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น