นายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ประธานชมรมสินไหมยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัย กล่าวกับ”สยามธุรกิจ”ว่า เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย(คปภ.) สมาคมประกันวินาศภัยและสมาคมสหมิตรอู่ซ่อมรถยนต์ได้ประชุมร่วมกันกำหนดราคา กลางค่าซ่อมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมซึ่งจะแบ่งตามระดับความเสียหายที่ถูกน้ำท่วม โดยมีข้อสรุปการประเมินความเสียหายเบื้องต้นแบ่งออกเป็น 4 ระดับได้แก่ระดับ A น้ำท่วมถึงส่วนบนพรมและพื้นรถ มีรายการซ่อมทั้งหมด 15 รายการ อาทิ ถอดพรมซักล้าง อบแห้ง ,ล้างทำความสะอาดห้องเครื่องเป่าแห้ง ถอดกล่องควบคุม(ECU)เป็นต้น ค่าแรงซ่อม(ไม่รวมค่าอะไหล่) ประมาณ 8,000-10,000 บาท 2.ระดับ B น้ำท่วมถึงเบาะนั่ง มีรายการซ่อมทั้งหมด 26 รายการ อาทิ การถ่ายน้ำมันเครื่องเกียร์เฟื่องท้าย ,ถอดทำความสะอาดแผงประตูทั้ง 4 ด้าน ,กรองน้ำมันเครื่องกรองอากาศ เป็นต้น ค่าแรงซ่อมประมาณ 15,000-20,000 บาท 3.ระดับ C น้ำท่วมถึงหน้าปัดเรือนไมล์และคอนโซล มีรายการซ่อมทั้งหมด 39 รายการ อาทิ ชุดอีโมไรท์เซอร์/ระบบGPS ที่ติดมากับรถ,ไล่น้ำออกจากเครื่องยนต์ท่อไอดี ห้องเผาไหม้ ,ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง ,ระบบขับเลี้ยวไฟฟ้า, ถอดเครื่องเช็คตู่แอร์ มอเตอร์ โบวเวอร์ เซ็นเซอร์ เป็นต้น ค่าแรงซ่อมประมาณ 20,000-30,000 บาท และ 4.ระดับD น้ำท่วมถึงส่วนบนหลังคาหรือมิดคัน เช่น รถยนต์ฮอนด้าในโรงงานผลิตที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะกว่า 200 คันที่ท่วมมิดหลังคา เป็นต้น หากประเมินความเสียหายค่าซ่อมรวมค่าอะไหล่มูลค่าเกิน 70% ของราคารถหรือใกล้เคียง บริษัทประกันภัยสามารถให้คำแนะนำผู้เอาประกันภัยรับค่าสินไหมทดแทนเต็มทุน ประกันภัยได้ หากผู้เอาประกันภัยไม่ใช้สิทธิ์ดังกล่าวแต่ต้องการจะนำรถเข้าซ่อมบริษัท ประกันภัยจะจ่ายค่าซ่อมไม่เกิน 70% ของทุนประกันภัย
“การกำหนดราคากลางค่าซ่อมรถถูกน้ำท่วมออกมาเพื่อแก้ไขฟื้นฟูให้เจ้าของรถผู้ เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายโดยเฉพาะ จะใช้เป็นราคากลางกับอู่ที่เป็นสมาชิกสมาคมสหมิตรซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นอู่ใน เครือบริษัทประกันภัย ขณะที่อู่สมาชิกสมาคมสหมิตรเองส่วนหนึ่งก็เป็นสมาชิกอู่กลางประกันภัยเช่น กัน ซึ่งทั้งสมาคมสหมิตรและอู่กลางประกันภัยมีสมาชิกอู่ซ่อมรถยนต์ทั่วประเทศ ประมาณ 500- 600 อู่ พูดง่ายๆคือรถที่มีประกันชั้น 1 ใช้ราคาซ่อมนี้เป็นราคาอ้างอิง ขณะที่อู่ทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกใช้ราคานี้ได้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ อู่ โดยราคานี้รวมค่าวัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ แล้ว ซึ่งราคาที่ว่านี้เป็นราคาซ่อมในช่วงปกติที่ไม่เกิดน้ำท่วม”
อย่างไรก็ดี นายพันธ์เทพกล่าวว่า ราคาดังกล่าวเป็นราคาประมาณการณ์เบื้องต้นหากน้ำท่วมถึง 4 ระดับที่ว่าค่าซ่อมน่าจะอยู่ในเกณฑ์นี้ แต่ทั้งนี้ราคาซ่อมอาจจะแพงกว่านี้ขึ้นอยู่ประเภทรถ อาทิ รถเก๋ง รถกระบะ ยกตัวอย่างรถเบนซ์แค่รื้อเบาะอย่างเดียวเฉพาะค่าแรงประมาณ 5,500 บาทแล้ว อีกทั้งยังมีปัจจัยในเรื่องความยากง่ายในการซ่อม, อุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆนำเข้าหรือไม่, ระบบไฟฟ้าอย่างรถบางประเภทอุปกรณ์ภายในเป็นระบบไฟฟ้า มีสมองกลความจำ ,ขั้นตอนการซ่อมยากหรือง่าย ระยะเวลาในการซ่อมรวมไปถึงมีอุปกรณ์อื่นๆ เสียหายเพิ่มเติมหรือไม่
“เมื่อรถจมน้ำสิ่งแรกที่ต้องทำคือห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาดเพราะถ้าน้ำท่วมพื้น พรมระบบไฟฟ้าต่างๆ อยู่ใต้พื้นพรมถ้าสตาร์ททำให้ไฟฟ้าเกิดลัดวงจรจะลามไปยังส่วนอื่นๆทำให้เสีย หายเพิ่มขึ้นหากไม่มีประกันภัยจะมีปัญหาจัดหาอะไหล่ ดังนั้นควรจะตรวจสอบน้ำท่วมถึงระดับน้ำมันเครื่องหรือไม่ดูจากสีถ้าเป็นสี น้ำนมแสดงว่ามีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องหรือถอดที่กรองอากาศออกมาดูแห้งหรือ ชิ้นถ้าชื้นแสดงความน้ำเข้า เป็นการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น”
สำหรับรถที่ไม่มีประกันภัยชั้น 1 และถูกน้ำท่วมซึ่งต้องจ่ายค่าซ่อมเอง นายพันธ์เทพกล่าวว่า สามารถใช้ราคาค่าซ่อมนี้เป็นราคาอ้างอิงได้ แต่เจ้าของรถต้องทำใจอาจจะต้องถูกชาร์จค่าซ่อมแพงกว่านี้เพราะตามข้อเท็จ จริง ถ้าซ่อมอู่ที่ไม่รู้จัก เช่นคาร์แคร์ หากน้ำท่วมถึงระดับ A ค่าแรงซ่อมอาจจะเป็น 10,000 บาทหรือ 15,000 บาท แล้วแต่ประเภทรถ
นายพันธ์เทพกล่าวว่า รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมอาจจะถึง 30,000 คันแต่ที่ประกันชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองรถยนต์ถูกน้ำท่วมและแจ้งเคลมมาแล้วประมาณ 20,000 คัน ค่าเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาทแต่ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้นายสมพร สืบถวิลกุล ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ สมาคมประกันวินาศภัยกล่าวว่า
การกำหนดราคากลางค่าซ่อมรถยนต์ถูกน้ำท่วมเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการจ่ายค่า ซ่อมของทั้งธุรกิจจะมีการทำเป็นตกลงร่วมกัน ทำให้ลูกค้าได้รู้เสียหายระดับค่าซ่อมควรจะเป็นเท่าไหร่และให้ผู้เอาประกัน นำรถเข้าซ่อมได้ทันทีโดยไม่ต้องมาประเมินค่าเสียหายอีก โดยราคานี้รถทั่วไปที่ไม่ได้มีประกันภัยสามารถใช้เป็นราคาอ้างอิงได้
ขณะเดียวกัน บริษัทประกันภัยมีข้อตกลงร่วมกันจ่ายค่าซ่อมภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้ตกลงราคาค่าซ่อมกันแล้ว โดยที่ลูกค้าที่รถได้รับความเสียหายเกิน 70% ของทุนประกันขึ้นไปผู้เอาประกันสามารถเลือกที่จะรับค่าสินไหมทดแทนสิ้น เชิง(เต็มทุนประกัน)หรือจะเลือกรับสิทธิ์การซ่อมก็ได้เป็นข้อตกลงกับ ทุกบริษัทสมาชิกที่จะปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน
คาดว่าจะมีรถยนต์ที่ทำประกันชั้น 1 ถูกน้ำท่วมประมาณ 20,000 คัน เฉลี่ยค่าซ่อมคันละ 100,000 บาท ค่าสินไหมทดแทนประมาณ 2,000 ล้านบาท
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น