บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

หากจะแก้วิกฤติชาติต้องไม่ประชานิยม


     ไม่ว่ากรุงเทพมหานครจะจมหรือจะพ้นน้ำ วิกฤติน้ำท่วมประเทศไทยครั้งนี้ นับว่าเป็นภัยทางน้ำที่รุนแรง กว้างขวางที่สุด ในประวัติศาสตร์ของประเทศ เท่าที่มีการบันทึก
         
     พื้นที่ภาคกลางตลอดลุ่มน้ำเจ้าพระยาอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญที่สุดของประเทศ ล้วนจมอยู่ใต้บาดาล ไม่ว่าจะเป็นย่านราชการ การค้า อุตสาหกรรม ล้วนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง  กรุงศรีอยุธยาที่เคยล่มเมื่อหน้าแล้งปีพุทธศักราช  2310 มาล่มอีกครั้งในฤดูน้ำหลากปีนี้
       
     จริงอยู่ประเทศไทยมีเขื่อนอยู่ทั้งหมด 30 กว่าแห่ง แต่ส่วนใหญ่เป็นเขื่อนขนาดเล็ก เขื่อนหลักๆ ที่กั้นน้ำเหนือไหลก่อนลงมาภาคกลางมี เขื่อนภูมิพลสร้างกั้นแม่น้ำปิง ที่อำเภอสามเงา จังหวัดตากสามารถรับน้ำได้ 13,500 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนนี้ถือเป็นเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก ใช้งานมานานเกือบ 50 ปี รองลงมาเป็นเขื่อนสิริกิติ์ที่กั้นแม่น้ำน่านมีปริมาณความจุน้ำได้ 9,510 ล้านลูกบาศก์เมตร 
       
     นอกเหนือจากนั้น เป็นเขื่อนขนาดเล็กแทบทั้งสิ้น
         
     น้ำปีนี้ไม่ต้องดูสถิติอะไรมาก ความจริงมีอยู่ว่าปริมาณมากกว่าปริมาณน้ำปีที่แล้วเกือบร้อยละ 50 น่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่น้ำจะล้นจนพนังกั้นไม่อยู่  ไล่ดะท่วมเมืองมาตั้งแต่นครสวรรค์   จนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลามลงมาที่ปทุมธานี นนทบุรี กำลังจ่อกรุงเทพมหานคร
        
     วันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ แนะนำให้เลี่ยงการเดินทางขึ้น-ล่องภาคเหนือว่า อย่าผ่านจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากคอสะพานเดชาติวงศ์ทรุด จำเป็นต้องประกาศปิดสะพานแห่งนี้
       
     กลับเข้ามาดูเหตุการณ์ในเมืองหลวง    
          
     ผู้บริหารกทม. มักจะตั้งธงไว้ว่าขออย่าให้ระดับในแม่น้ำเจ้าพระยา วัดได้ตรงสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ สูงเกิน 2.50 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เพราะนั่นคือระดับพนังกั้นน้ำที่ กทม.สร้างตลอดแนวริมน้ำเจ้าพระยาจากเขตด้านใต้กรุงเทพฯจนถึงนนทบุรี ทั้งนี้ทำตามทฤษฎีที่ระดับน้ำในปีที่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2485 และ พ.ศ. 2538 ไม่เคยเกิน 2.27 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
         
     เรียกว่ายังมีช่องให้หายใจอยู่ 23 เซนติเมตร 
          
     คืบกว่าๆเท่านั้น
         
     กรุงเทพฯจะท่วมหรือไม่ก็ตามทีแต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจจนถึงวันนี้ประเมินต่ำสุดไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท อาจจะทะลุหลักสองแสนล้านบาท
         
     ในภาวะคับขันเช่นนี้ ในอารยะประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนนักการเมืองเขาจะไม่ทำร้ายกัน ทุกฝ่ายจะวางความขัดแย้งไว้ข้างตัวและมาร่วมมือกัน ขอให้ดูคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นตัวอย่าง 
          
     บ้านเรากลับมีคนบางกลุ่มโดยเฉพาะสื่อมวลชนบางประเภท ที่ทำตัวเป็นหอกทิ่มแทง รัฐบาลที่นำโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งที่เข้ามาทำงานเพียงเดือนเดียวกล่าวหาว่า เอาแต่ไปเมืองนอก เอาแต่เปิดงาน ทำงานไม่เป็นบ้าง พูดผิดบ้าง ถึงขั้นประณามว่าเป็นตัวซวยของแผ่นดิน
          
     มันจะอะไรกันนักหนา
         
     ผมอยากจะขอมองข้ามไปหลังมหาอุทกภัยครั้งนี้ ว่าบ้านเมืองต้องการการฟื้นฟูโดยเร่งด่วน ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศต้องได้รับการเหลียวแล ชาวบ้านต้องได้รับการเยียวยาตามสมควร แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
      
     โครงการป้องกันในระยะยาวจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นวาระแห่งชาติ อาทิการสร้างเขื่อนเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำส่วนเกิน  การเชื่อมต่อผันน้ำระหว่างแม่น้ำสายต่างๆ การซ่อมสร้างทางหลวงสายหลัก ซ่อมสร้างถนนสายรอง อาจจะต้องพิจารณาสร้างทางยกระดับจากกรุงเทพฯถึงนครสวรรค์ และสระบุรี
      
     ทุกโครงการล้วนใช้เงินทั้งสิ้น
         
     รัฐบาลควรจะพิจารณาเริ่มเก็บค่าผ่านทางบนถนนสายเอเชียและเส้นทางหลักสายอื่นๆ ภายใต้หลักการที่ว่า “ใครใช้คนนั้นจะต้องจ่าย”
        
     ควรจะพิจารณายกเลิก นโยบายประชานิยมที่มุ่งเน้น ผลสัมฤทธิ์ทางการเมือง แต่กลับส่งผลเสียแก่สังคมในระยะยาว เลิกเสียทีเถอะครับ การคืนภาษีรถคันแรก บ้านหลังแรก ค่าน้ำ ค่าไฟฟรี น้ำมันราคาถูก
        
     นโยบายประชานิยม ไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป นโยบายที่ดีไม่จำเป็นที่คนจะต้องนิยม 
     
     มีข้อสังเกตประการหนึ่ง เมื่อ 6-7 เดือน ก่อน กรมชลประทานได้ออกประกาศว่า ปีนี้น้ำจะน้อย ขอให้ชาวนาลดพื้นที่การปลูกข้าวนาปรัง 
     
     นั่นแปลตรงตัวว่าการคาดการณ์สภาพดินฟ้าอากาศของบ้านเรายังล้าสมัย ไม่แม่นยำเท่าที่ควร 
          
     ในสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานหนึ่งชื่อย่อคล้ายเรือกู้ภัย Noah ตำนานน้ำท่วมโลก ในพระคัมภีร์
          
     หน่วยงานดังกล่าวชื่อ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA)
        
     NOAA ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย สนับสนุนด้วยข้อมูลจากดาวเทียม และสถานีอวกาศ  บวกกับคลังข้อมูลในอดีต มาประกอบในการวิเคราะห์คาดการณ์สภาวะดินฟ้าอากาศได้อย่างแม่นยำ
      
     ท่านนายกรัฐมนตรีเองก็คุ้นกันดีกับท่านทูตสหรัฐ Kristie Kenney มิใช่หรือ เห็นไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ
      
     รีบส่งเจ้าหน้าที่วัยหนุ่มวัยสาวจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ กรมชลประทาน ไปฝึกงาน รวมทั้งวางโครงข่ายการติดต่อสื่อสาร กับ NOAA
     
     ประเทศไทยไม่ได้ยากจนอยู่ในฐานะที่จะต้องขอทุน  หากจะต้องลงทุนส่งคนไปฝึก ฝรั่งมันจะคิดเงินค่าวิชาเท่าไหร่ก็จ่ายไปเถอะครับ
        
     จะได้เกิดความแม่นยำในการทำนายดินฟ้าอากาศมากขึ้นไม่มากก็น้อย
       
     ดูคุณชายสุขุมพันธ์ ท่านทำพิธีไล่น้ำแล้วเห็นใจท่านจริงๆ

Submitted by kittipong

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง