บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การเมืองหลังรัฐบาลแถลงนโยบาย

ไทยภักดิ์ รักถิ่นไทย
          
หลังจากรัฐบาลผ่านการแถลงนโยบายแบบทุลักทุเล สถานการณ์ทางการเมืองก็เคลื่อนไหวอย่างคึกคัก นโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ต่อรัฐสภาและการหาเสียงเริ่มนำมาปฏิบัติอย่างรวดเร็ว กองเชียร์ของรัฐบาลก็เฮลั่น น้ำมันชนิดต่างๆ พากันลดราคาลงอย่างถล่มทลาย เช่น เบนซิน ลดลงลิตรละตั้งเจ็ดบาทกว่า ดีเซล ลดลงลิตรละสามบาท และอื่นๆ อีกเท่าที่จะลดได้เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า นโยบายที่จะทำให้ค่าครองชีพลดลงทำได้จริง แต่ส่วนที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนนี้ออกไปเดือนละ หกพันกว่าล้านบาท ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะถือเสียว่า นำเงินของประชาชนมาให้ผลประโยชน์แก่ประชาชน ส่วนความเสียหายของเงินชาติจะเป็นอย่างไรไม่ต้องคำนึงถึงมากนัก ขอคำมั่นสัญญาที่ตนให้ไว้กับประชาชนบรรลุผล และประชาชนพอใจนิยมชมชอบก็ดีแล้ว

          นี่คือ หลักฐานที่ยืนยันคำว่า นโยบายประชานิยม

          น้ำยังคงท่วมภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนอย่างหนัก ท่านนายกรัฐมนตรีและข้าราชการก็ได้เดินทางไปเยี่ยมและแจกข้าวของแก่ประชาชนพอเป็นพิธีทุกจุดแล้ว มีนโยบายมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมครัวเรือนละ 5555 บาท มากกว่า รัฐบาลประชาธิปัตย์ 555 บาท เหมือนเล่นเก้าเก แบบเกทับบลั๊ฟแหลก ง่ายดีไม่ต้องคิดทำอะไรใหม่ๆ แค่เอาเงินมาเติมจากรัฐบาลเก่าทำไว้ก็ได้เสียงท่วมท้นทุกครั้ง

          นโยบายผู้สูงอายุ รัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ มอบให้คนละ 500 บาท แต่รัฐบาลนี้ขึ้นเป็น 600, 700, 800, 900, 1000 ตามอายุ 60, 70, 80, 90, 100 ปี ง่ายๆ ได้เสียงดีอีกเหมือนกัน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เงินที่นำมาแจกเป็นเงินชาติทั้งนั้น

          เรื่องอื่นๆ นอกจากจะนำเงินของชาติออกมาลดแลกแจกแถมแล้วยังไม่มีนโยบายอะไรที่ทำเพื่อส่วนรวมในวงกว้าง นอกจากกิจการครอบครัวที่เริ่มทยอยเข้ามาตามลำดับเริ่มตั้งแต่เตรียมตัวให้คุณทักษิณเข้าประเทศญี่ปุ่น เตรียมการเจรจาเรื่องขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยที่รัฐบาลเจรจาเคลียร์เส้นทางแล้ว คุณทักษิณเข้าไปเตรียมการกอบโกยผลประโยชน์ด้านพลังงาน ซึ่งเห็นได้จากอาการลุกลี้ลุกลนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

          เรื่องนี้ทำให้เห็นว่า เรื่องน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนในทะเลที่พูดกันบนเวทีพันธมิตรในการชุมนุมหลายครั้งเป็นความจริง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้นำความลับมาพูดก่อนเวลานานเกินไปจนสังคมตามไม่ทัน แต่ตอนนี้คนความจำดีพากันตาสว่างไปเสียแล้ว แต่คงจะไม่มีใครออกมาทัดทานอีกแล้ว เมื่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้นำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยท้อแท้เกินไปที่จะออกมาบอกเล่าความจริงใดๆ ได้แล้ว

          เรื่องกิจการภายในครอบครัวชินวัตรและเครือญาติคุณหญิงพจมานก็กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน นำโดย ท่านรองนายกรัฐมนตรีผู้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาตินามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้ตั้งปณิธานว่า จะต้องนำ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายร่วมสายโลหิต คุณหญิงพจมานให้ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างก็คงจะเป็นไปตามที่ได้แถลงไว้ เพราะอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนมีอยู่อย่างล้นหลาม เวลาจะทำอะไรมีใครทักท้วงบ้างก็มักจะออกมาปรามคนทักท้วงว่า ประชาชนเลือกมาแล้ว ถ้าคราวนี้ทำไม่ดี ก็อย่าเลือก

          พูดอีกก็ถูกอีก ไม่มีใครเถียง แต่อย่าลืมว่า ประชาชนจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่เลือกพรรคเพื่อไทย ที่ไม่เลือกก็มีเยอะ ซ้ำร้ายลูกชายคุณเฉลิมก็สอบตกด้วย แสดงว่า คุณเฉลิมพลอยโดยสารพรรคเพื่อไทยมาเสวยอำนาจ พิจารณาโดยอิทธิพลของคุณเฉลิมเองแล้ว แม้ลูกชายตัวเองก็ยังหิ้วเข้าสภาไม่ได้

          ปิดท้ายจับกระแสข่าวด้วยเรื่องที่คุณทักษิณนัดพบชาวเสื้อแดงที่ประเทศลาว แต่พอใกล้วันนัด คุณทักษิณงดเดินทางเข้าประเทศอย่างกะทันหัน โดยไม่แจ้งให้ชาวเสื้อแดงอุดร ที่นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนาทราบ เป็นเหตุให้นายขวัญชัย ไพรพนา ระดมคนเสื้อแดงจำนวน 500 คน เดินทางไปประเทศลาวเพื่อต้อนรับคุณทักษิณเก้อและกลับมาอย่างเซ็งสุดๆ

          เมื่อถึงวันนัดหมาย นายขวัญชัย ไพรพนา ได้จัดรถบัสสิบคันเดินทางไปยังประเทศลาว แต่พอรถบัสบรรทุกคนเสื้อแดงไปถึง ด่านตรวจคนเข้าเมืองประเทศลาวเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองลาวได้ แจ้งให้นายขวัญชัย ไพรพนา ทราบว่า รัฐบาลลาวไม่อนุญาตให้คนเสื้อแดงเข้าไปเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศลาว เพราะอาจจะกระทบกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ

          แม้นายขวัญชัย ไพรพนา จะเจรจา โดยอ้างความสัมพันธ์กับนักการเมืองในประเทศลาวเพื่อให้ทางการตรวจคนเข้าเมืองลาวยินยอม แต่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ยินยอม หลังจากเจรจากันผ่านไปสามชั่วโมง เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจึงหาทางออกด้วยการแนะนำให้นายขวัญชัยไปหาซื้อเสื้อสีอื่นๆ ที่ไม่ใช่สีแดงมา 500 ตัว แล้วเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ยึดเสื้อแดงจำนวนห้าร้อยตัวไว้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจนกว่า คนเหล่านี้จะออกมาจากประเทศลาว

          เมื่อกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้พบคุณทักษิณตามที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับเจ้าหน้าที่ลาวทั้งในและนอกเครื่องแบบได้ประกบตัวกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าว กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศลาวอย่างไร้จุดหมาย ก็พากันเที่ยวแบบซังกะตาย ภายในคืนเดียวก็เดินทางกลับมารับเสื้อแดงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วเดินทางต่อไปยังจังหวัดอุดรธานีฐานที่มั่นต่อไป

          การปฏิบัติการของทางการลาวครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของนักการเมืองลาวที่ต้องรักษาอธิปไตยทางการเมืองของตนและแสดงออกถึงมารยาททางการเมืองที่ส่งสัญญาณการสมานฉันท์ของประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างดี

          หากประเทศเขมรต้องการให้คนไทยได้เดินทางเข้าสู่จุดสมานฉันท์บ้างพึงยึดลาวเป็นต้นแบบหรือพูดให้โก้หรูว่า กัมพูชาควรจะดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยยึดหลักลาวโมเดิล คือไม่ส่งเสริมให้ท้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้เคลื่อนไหวทางการเมืองอันเป็นเหตุให้บาดหมางกันดั่งที่เคยเป็นมา

          ประเทศกัมพูชา ยังเสียมารยาททางการทูตด้วยการนำความลับที่รัฐบาลหนึ่งของประเทศไทยไปเจรจามาเปิดเผยให้แก่รัฐบาลหนึ่งเพื่อหวังผลให้ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันเรียกว่า กัมพูชาถนัดทางการเสี้ยมให้นักการเมืองไทยทะเลาะกัน

          ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชาจึงต้องดำเนินอย่างระมัดระวังในทุกฝีก้าวเพราะผลประโยชน์ของนักการเมือง เป็นใหญ่เหนือความถูกต้องหรือมารยาททางการทูตใดๆ แม้การล่วงล้ำอธิปไตยของเพื่อนบ้านครั้งแล้วครั้งเล่าก็ทำได้อย่างไร้ยางอาย

          ความแตกแยกของประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน หรือ ความแตกแยกของคนในชาติต้องยึดเขมรโมเดิลนี่เอง

                          กระแสข่าวข่าวเชี่ยวๆ ตอนนี้ก็คงมีเพียงแค่นี้ ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมีสาระจะรายงานให้ทราบอย่างใกล้ชิด ข่าวที่จะต้องติดตามพร้อมๆ กันไปตอนนี้คือ ข่าวการโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติผ่านไปแล้ว ใครจะกล้าแตะผู้บัญชาการทหารบกหรือไม่ ต้องติดตามอย่างไม่ต้องกะพริบตา…

จาก สยามทาวน์ยูเอส












0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง