เฉลิมเมินหยุดหุบปาก งัดพรบ.ช่วย"ทักษิณ"
"วุฒิศักดิ์"ถกนัดแรก วางกรอบตรวจ"ฎีกา"
ที่กระทรวงยุติธรรม บ่ายวันที่ 9 กันยายน ผศ.วุฒิศักด์ ลาภเจริญทรัพย์ คณบดี คณะรัฐศาสตร์ ว่าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประธานคณะทำงาน กลั่นกรองและตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีบุคคลทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกประชุมคณะทำงานฯครั้งแรก นายธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม 1 ในคณะทำงานดังกล่าว แถลงว่าหลังการประชุมว่า ทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้รายงานขั้นตอนตั้งแต่ กระทรวงยุติธรรมรับมอบหมายจาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ การทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อกลางปี พ.ศ.2552 และมีการดำเนินการมาตามลำดับ
กระนั้นก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้มีการหารือลงลึกในรายละเอียดหรือให้ความเห็นไปในทางใดทางหนึ่ง แต่ได้กำหนดประเด็นการทำงานของคณะทำงานฯ ว่า ประเด็น ข้อกฎหมายที่จำเป็นต้องพิจารณาโดยรอบคอบ มีอยู่ 3 ประเด็น
ตั้งกรอบการทำงาน3ประเด็น
คือ 1.ผู้ที่ลงชื่อ (กลุ่มคนเสื้อแดง) อยู่ในฐานะที่มีสิทธิ์ยื่นเรื่องถวายฎีกาตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งต้องดูให้รอบคอบ ทั้งกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือกฎหมาย อื่นใดที่เกี่ยวข้อง ว่าการยื่นเรื่องดังกล่าว ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ จะต้องรวบรวมและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องไว้ให้ คณะทำงานฯพิจารณา
2.วิธีการยื่นเรื่องถูกต้องหรือไม่ กระบวนการขั้นตอนจำเป็นต้องใช้แบบฟอร์มของทางราชการหรือไม่ และยื่นกับหน่วยงานที่รับผิดชอบถูกต้องแล้วหรือไม่ และ 3.มีข้อกฎหมายหรือธรรมเนียม ปฏิบัติ หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง รวมทั้งการขอพระราชทานอภัยโทษ ผู้นั้นต้องอยู่ในฐานะที่ได้รับโทษหรือถูกบังคับคดีแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมให้น้ำหนัก ให้ความสนใจ หลังจากนี้คงต้องทำงานด้วยความละเอียดรอบรอบ หากจำเป็นต้องเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงหรือให้ความเห็นก็จะดำเนินการต่อไป ส่วนการประชุม ครั้งหน้าถัดไปอีก 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเป็นวันพฤหัสฯที่ 22 ก.ย.นี้
ยังไม่กำหนดกรอบการสรุป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบประมาณกี่วัน นายธงทอง กล่าวว่า ประเด็นนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ต้องใช้กรอบระยะเวลาสิ้นสุดเมื่อใด รวมทั้ง ในคำสั่งของรัฐมนตรียุติธรรมที่มอบหมายภารกิจในส่วนนี้ก็ไม่ได้กำหนด กรอบเวลาว่าต้องทำงานให้เสร็จเมื่อใด ซึ่งการประชุมเป็นครั้งนี้เป็นเพียงการมอบนโยบายให้ ฝ่ายเลขานุการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์เป็นผู้ไปรวบรวมเอกสารต่างๆ และ ยังไม่ทราบว่าจะรวบรวมเอกสารได้มากน้อยเพียงใดมีประเด็นใดบ้างที่ควรจะต้องเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบถามแนวทางปฏิบัติหรือมีข้อสักถามเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยการทำงานครั้งนี้ก็จะทำงานด้วยความรอบคอบคงต้องใช้เวลาพอสมควร
ย้ำกรรมการมีหน้าที่ให้ความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องผู้ที่ลงชื่อ ถวายฎีกาจะต้องมีรายชื่อของญาติหรือไม่ นายธงทองกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็น ที่คณะทำงานฯต้องพิจารณาต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางฝ่ายที่ไม่เชื่อมั่น ต่อคณะทำงานฯชุดนี้ นายธงทองกล่าวว่า ตนไม่มีฐานะที่จะต้องไปเรียกร้องให้ใคร เชื่อมั่น แต่เชื่อว่าคณะทำงานฯสามารถ ทำหน้าที่ในการให้ความเห็นบนพื้นฐานวิชาชีพเพราะแต่ละท่านเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่มีประสบการณ์มีบทบาทที่ผ่านหน้าที่ต่างๆ มา
เมื่อถามว่าคณะทำงานฯชุดนี้ฝ่ายการเมืองไม่สามารถให้ความเห็นได้ นายธงทอง กล่าวว่า ไม่มีใครมามอบหมายหรือสั่งการ ตนมีความมั่นใจในตนเองและมั่นใจต่อการทำหน้าที่ ทั้งนี้ คณะทำงานฯทั้งหมดเป็นเพียงผู้ให้ความเห็นไม่ใช่เป็นผู้ชี้ขาด
เหลิมใหญ่ใครสั่งหุบปากไม่ได้
ด้านร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มีใครที่จะมาห้ามตน ไม่ให้พูดเรื่องฎีกา พ.ต.ท.ทักษิณ และการรื้อฟื้นคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ผมโตพอที่ ไม่ต้องมีคนห้าม และในเรื่องที่ถูกต้องใครก็ห้ามผมไม่ได้ เรื่องนี้ ไม่มีใครห้ามผม ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันท่ามกลางกระแสข่าวว่า กุนซือของพรรคเพื่อไทยไม่พอใจ ร.ต.อ.เฉลิมที่พูดถึงเรื่องฎีกา พ.ต.ท.ทักษิณ จนผู้คนชิงชังรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รองนายกฯผู้นี้ยังอธิบายเกี่ยวกับ ที่ไปที่มาของการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ จน พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปี และต่อมา การซื้อที่ดินดังกล่าวเป็นโมฆะและ กองทุนฟื้นฟูฯต้องคืนเงินให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ อันจะส่งผล ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สามารถรื้อฟื้นคดีใหม่ ได้เนื่องจากสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น กระนั้นก็ตามการรื้อฟื้นคดีอยู่ในดุลยพินิจของศาล ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะมายื่นกระทู้สดทำไม
อ้างพรบ.รื้อฟื้นคดีอาญารื้อคดี
กรณีพ.ต.ท.ทักษิณมีสิทธิ์ยื่นคำร้องตามพ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีอาญา 2526 ระบุว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถรื้อฟื้นคดีอาญาได้ โดยมอบหมายให้ทนายความ ดำเนินการฟื้นคดี แต่ศาลจะรับหรือไม่ก็เป็นดุลยพินิจของศาล และศาลเมื่อรับแล้วจะใช้ดุลยพินิจอย่างไรก็เป็นเรื่องของศาล มันเรื่อง อะไรของชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของท่านทักษิณกับศาล ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ทั้งยังอธิบายเรื่องการถวายฎีกา ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า รัฐบาลชุดก่อน เก็บเรื่องไว้ 2 ปี และสุดท้ายก็เป็นพระราชอำนาจเท่านั้น
ยิ่งลักษณ์ไม่กล้าเบรกเฉลิม ในขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ กังวลว่าการให้สัมภาษณ์รายวันของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะเป็นสายล่อฟ้าของรัฐบาลว่า การสัมภาษณ์ แต่ละคนก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล ตราบใดที่อยู่ในส่วนของการชี้แจงต่อพี่น้องประชาชน พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาได้เอง
เมื่อถามต่อว่า การให้สัมภาษณ์รายวัน ของร.ต.อ.เฉลิม มีความเหมาะสมแล้วใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อย่าพูด อย่างนั้นจะดีกว่า เพราะร.ต.อ.เฉลิม คงมีในส่วนของข้อคิดเห็นในการแสดงออกต่อ พี่น้องประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการทำหน้าที่ อยู่แล้ว
ต่อข้อถามที่ว่า ถือว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่มากเกินไปหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่สื่อมวลชนคงจะให้ความสนใจ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นพิเศษก็เป็นได้ สำหรับให้ความคิดเห็นของร.ต.อ.เฉลิม ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลแล้วหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องถามว่าเรื่องใด ต้องคุยกันทีละเรื่อง
อ้างไม่มีนโยบายถวายฎีกาแม้ว
เมื่อถามว่า กรณีการยื่นถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาระบุว่า อาจจะไม่เป็นการขอพระราชทานอภัยโทษแต่จะเป็นการยื่นฎีการ้องเรียนแทน มองว่าอย่างไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องแยกเรื่องสำหรับตัวบุคคลกับด้านนโยบาย ซึ่งเรื่องการยื่นฎีกานั้น ถือเป็นกระบวนการปกติ เมื่อเรามารับงานใหม่ รัฐบาลใหม่ก็ต้องมาดูว่าเรื่องที่ค้างของรัฐบาลเก่ามีอะไรบ้าง อะไรที่ต้องสานต่อ ก็ถือว่าอยู่ในกระบวนการปกติ อีกทั้งเราไม่มีนโยบายตรงนั้นที่จะมาเร่งรัดในเรื่องนี้ ฉลองหนุนรื้อคดีนายใหญ่
นายฉลอง เรี่ยวแรง สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย อดีตผู้คุมในเรือนจำบางขวาง กล่าวสนับสนุนให้ พ.ต.ท.ทักษิณรื้อคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯขึ้นมาใหม่ ในสมัยที่ผมเป็นผู้คุมในเรือนจำ บางขวางมานาน 13 ปี ได้เห็นหลายคดี ทั้งเป็นคดีอาญาร้ายแรง ถูกลงโทษผิดตัว ต้องโทษติดคุก 5-10 ปี เมื่อใดที่ครอบครัว หรือญาติพบหรือมีหลักฐานข้อมูลใหม่ ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงคำตัดสินใหม่ได้จนทำให้สามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งถือเป็นหนทางหนึ่งที่กฎหมายเปิดช่องและเป็นการให้ความเป็นธรรมในการต่อสู้ตามกระบวนการ ยุติธรรม นายฉลอง อธิบาย
ย้ำแม้วต้องได้รับความเป็นธรรม
ในขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.และคนเสื้อแดง ยืนยันว่ากลุ่มเสื้อแดงสนับสนุนให้มีการถวายฎีกา แต่จะไม่มีการเคลื่อนไหวนำมวลชนไปกดดันรัฐบาล ทั้งนี้คนเสื้อแดงอยากถามว่าขั้นตอนอยู่ตรงไหนแล้ว จึงอยากให้มีการชี้แจงให้คนเสื้อแดง ได้รับทราบ
เมื่อถามว่าในคดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจไม่ต้องมีการขออภัยโทษหรือออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะคดีที่ดินรัชดาฯ ศาลแพ่งตัดสินเป็นโมฆะไปแล้ว นายณัฐวุฒิ ตอบว่า เรื่องนี้แบ่งเป็นสองประเด็น หนึ่งการดำเนินคดีกับพ.ต.ท.ทักษิณตั้งแต่ต้นเป็นการดำเนินคดีโดยขัดต่อหลักนิติธรรม โดยใช้อำนาจของคณะปฏิวัติ เมื่อต้นทางขัดต่อหลักนิติธรรมแล้ว ปลายทางก็ย่อม ไม่ถูกต้อง จะทำให้ผู้ถูกดำเนินคดีจะยอมรับ ได้อย่างไร ตนเห็นว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ควรมีโอกาสได้รับความยุติธรรม
ทนายแม้วงงเหลิมรื้อคดีแม้ว
ขณะที่นายฉัตรทิพย์ ตัณฑประสาสน์ ทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวถึงความเป็นไปได้ในการรื้อคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาใหม่ ภายหลังศาลแพ่งตัดสินให้สัญญาซื้อขายที่ดินดังกล่าว เป็นโมฆะว่า เรื่องนี้เห็นจากข่าวเท่านั้น ทีมทนายความยังไม่ได้หารือกันเลยว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ หรือยังมีช่องทางใด ในการรื้อคดี ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณยัง ไม่ได้สั่งการมายังทีมทนายดำเนินการใดๆ เมื่อถามว่า มีช่องทางกฎหมายให้รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ นายฉัตรทิพย์กล่าวว่า ตอนนี้ยังเป็นแค่ข่าว ยังไม่ขอให้ความเห็นใดๆ
ปชป.ยำกลบข่าวบริหารงานเหลว
วันเดียวกัน นายเทพไท เสนพงศ์ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่าตนไม่เข้าใจที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีและพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เตรียมดำเนินการ รื้อคดีที่ดินรัชดาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เข้าใจว่าคนอย่างร.ต.อ.เฉลิม ที่บอกว่าอ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็นถึง ไม่เข้าใจถึงกระบวนการพิจารณาของศาล กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีความผิดตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา 100 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง นายเทพไท อธิบาย และว่าการที่ศาลแพ่งตัดสินให้ คุณหญิงพจมาน ชนะคดีนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ความผิดของ พ.ต.ท.หลุดพ้นไปด้วย เพราะฉะนั้นหากจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ก็ไม่น่าจะเป็นการหวังผลทางการปฏิบัติ แต่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างกระแส กลบเกลื่อนการบริหารงานที่ล้มเหลวของรัฐบาลในเรื่องของการแก้ปัญหาของแพง ปัญหาน้ำท่วม และการโยกย้ายข้าราชการ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องมากกว่า
มาร์คยังมองไม่เห็นช่องฟื้นคดี
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นช่องทางที่จะรื้อฟื้นคดี พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะศาลแพ่งบอกว่าการทำสัญญาซื้อที่ดินรัชดาฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงเพิกถอนการซื้อขายที่ดินดังกล่าว แต่จะอ้างว่าพอเพิกถอนแล้วความผิดทางอาญาไม่เกิด คงไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่เห็นประเด็นที่จะมารื้อคดีได้ และการที่ศาลแพ่งพิพากษาดังกล่าวยิ่งเป็นการย้ำว่ากระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องดำเนินคดีอาญาไปตามนั้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่คน เสื้อแดงจะไปเตะบอลกับสมเด็จฮุนเซ็น นายก รัฐมนตรีกัมพูชา และเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปร่วมเตะด้วยว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีใคร ไปเตะบ้าง ต้องขอรอดูข้อเท็จจริงก่อน แต่ถ้าคนในรัฐบาลไปพบหรือรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหนก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองในการ ที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ภายใต้กฎหมายไทยต่อไป
แนะรัฐบาลไปช่วยแก้น้ำท่วม
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก พรรคประชาธิปัตย์ ในการบริหารประเทศของรัฐบาลปู-ยิ่งลักษณ์ แต่ละวันจะมีข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามานับไม่ถ้วน มีคนในรัฐบาลออกมาพูดทุกวัน ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ซึ่งไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลหรือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลประชาชนที่จะหมกมุ่นเรื่องนี้เรื่องเดียว ออกมาเปิดประเด็นหน้าสื่อมวลชนทุกวัน อย่างนี้คนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม และรอการช่วยเหลือจะรู้สึกอย่างไร แล้วใครที่เดือดร้อนกว่ากัน หรือคิดว่าคนที่น้ำท่วมจะไม่ได้ดูข่าวถึงกล้าทำในเรื่องส่วนตัว เรื่องของญาติพี่น้อง และพรรคพวกของตัวเอง ดังนั้น เป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์และประชาชนต้องร่วมมือกัน
สภาทนายออกโรงรื้อคดีไม่ได้
นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงาน สภาทนายความ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการรื้อฟื้นคดีใหม่ ว่า หลักการสำคัญของพ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 คือ ต้องมีพยานหลักฐานใหม่จริง ที่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ผู้ที่เคยถูกพิจารณานั้นไม่มีความผิด ขณะที่จะมีการอ้างผลคำพิพากษาคดีแพ่งว่าสัญญาที่ดินเป็นโมฆะแล้วได้สั่ง คืนเงินซื้อขายนั้น ต้องย้อนดูด้วยว่าคำพิพากษา ของศาลแพ่ง ได้อ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาฯที่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง แล้วกลับเซ็นเอกสารยินยอมให้คู่สมรสทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่มี หน่วยงานรัฐกำกับดูแล จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 100 และการทำสัญญาซื้อขายจึง ไม่ชอบเพราะเป็นประโยชน์ทับซ้อน ต่อมาจึงต้องมีการดำเนินกระบวนการทางแพ่งเพื่อให้เกิดการเพิกถอนการทำสัญญาที่ ไม่ชอบ ศาลแพ่งจึงพิพากษาว่าสัญญาเป็นโมฆะ ซึ่งกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันทางคดีอาญา จึงมองได้ว่า ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่
เชื่อมีโอกาสรื้อคดีมีน้อย
ขณะที่หลักการพิจารณาคดีอาญา คือ การกระทำเป็นความผิดที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดนั้นเกิดขึ้นและสำเร็จแล้ว ซึ่งการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายป.ป.ช. ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง ทาง การเมืองก็สำเร็จแล้วตั้งแต่เซ็นเอกสารให้ภริยาทำสัญญาเมื่อปี 2546 การนำผลคดีแพ่งมาหักล้างผลที่เป็นการกระทำทางอาญาที่ศาล ได้มีคำพิพากษาแล้ว
อย่างไรก็ดี ตามกฎหมายก็เป็นสิทธิ์ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีได้ แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รื้อฟื้นคดีใหม่ ผลคดีแพ่ง ดังกล่าวไม่ใช่เพราะเป็นการพิจารณาต่อเนื่อง จากคดีอาญาที่มีผลคำพิพากษาถึงที่สุด แล้ว หากจะมียื่นคำร้องจริง ยังต้องรอใช้เวลา พิสูจน์พยานหลักฐานที่หยิบขึ้นมาอ้างว่า เป็น พยานหลักฐานใหม่จริง ตัวอย่าง คดีอาญาฆ่า น.ส.เชอร์รี่ แอน ดันแคน ชัดเจนมากว่าเมื่อจะมีพยานกลับคำให้การ ก็ต้องเริ่มกระบวนพิสูจน์ด้วยว่าคำให้การเดิมเป็นความเท็จ ก็ต้องเริ่มฟ้องคดีให้การเท็จก่อนแล้ว เพราะไม่ใช่บอกว่าจะรื้อฟื้นคดีแล้วอ้างว่ามีพยานหลักฐาน ก็จะทำได้วันนี้ หรือพรุ่งนี้
เมื่อถามว่า มองว่าการหยิบยกประเด็นรื้อฟื้นคดีใหม่ เป็นการอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนการขออภัยโทษ ที่จะไม่ต้องให้รับโทษหรือไม่ นายเจษฎากล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องยอมรับมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แม้การรื้อฟื้นจะมีสิทธิ์ยื่นคำร้องได้ แต่ศาลท่านเองก็ต้องทำตามกฎหมายอยู่แล้ว ต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ ที่กฎหมายบัญญัติให้ถูกต้อง
ครส.ไม่เอานายกฯหุ่นเชิด
เย็นวันเดียวกันกลุ่มเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน (ครส.) นำโดย นายบวร ยสินทร ประธานเครือข่ายฯ และผู้ชุมนุม 100 คน ได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูป ร.6 สวนลุมพินี ชูป้ายข้อความ ที่ระบุว่า ห้ามแตะ ม.112 หรือ คนโกงต้องติดคุก ไม่เอานายกฯ หุ่นเชิด
นายบวรอ่านแถลงการณ์ว่า ขณะที่มีกระบวนการล้มสถาบัน เพื่อสถาปนารัฐไทยใหม่ แต่ทางรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคงกลับสงบเงียบ ทางครส.เห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องออกมาปกป้องสถาบันอย่างเปิดเผย และไม่ประมาทอย่างที่ผ่านมา โดยจะมีการชุมนุมเคลื่อนไหวให้ความรู้ประชาชน ทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.30- 18.30 น.ที่ลานพระบรมรูป ร.6 นายบวรยังกล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดง ทั้งยืนยันว่าเคลื่อนไหวหนนี้ไม่ได้รับงานมาจากฝ่ายค้าน
ปึ้งลั่นปรองดองเพื่อนบ้าน
ค่ำวันเดียวกัน ที่กระทรวงการ ต่างประเทศ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล กล่าวในงานเลี้ยงสังสรรค์พบปะสื่อมวลชนประจำกระทรวงการต่างประเทศ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะเดินสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกัมพูชา พม่า ลาว และมาเลเซีย ซึ่งมีพื้นที่ติดกับสามจังหวัดชายแดนใต้ พร้อมยืนยันจะไม่สั่งยกเลิกพาสปอร์ตแดงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯเหมือนที่ท่านเคยสั่งยกเลิก พาสปอร์ตแดง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ.
แนวหน้า
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
รีโมท
ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น