บล็อกนี้เป็นเพียงช่องทางรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากที่ต่างๆ ผู้จัดทำไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารหรือต้องการให้ร้าย องกรณ์ หน่วยงานและบุคคลใดๆทั้งสิ้น+++++ หากบทความใดผิดพลาดหรือกระทบต่อ องกรณ์ หน่วยงาน หรือบุคคลใด ผู้จัดทำก็กราบขออภัยไว้ล่วงหน้า +++++ ผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลหักล้าง ชี้แนะ หรือมีความเห็นใดๆเพิ่มเติมก็ขอความกรุณาแสดงความเห็นเพื่อให้เป็นความรู้สำหรับผู้อ่านท่านต่อๆไปได้ตามแต่จะเห็นสมควร ------------- ขอขอบคุณเจ้าของบทความทุกๆท่านมา ณ. ที่นี้ด้วยครับ *******ช.ช้าง *******

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

ตะลึง!ใช้เงิน 15 ล้านล้าน เปิดแผนบริหารแผ่นดิน 4 ปีรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์


Pic_199596 ตะลึงแผนบริหารแผ่นดิน 4 ปี “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ยอดใช้เงินทะลุ 15 ล้านล้านบาท เกินกว่าประมาณการรายได้ 6.5 ล้านล้านบาท สศช.ติงกระทบข้อจำกัดด้านงบประมาณและขีดความสามารถในการก่อหนี้ แนะให้พิจารณาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจของโครงการเพื่อรักษาวินัยการคลัง

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า นายอำพน กิตติอำพล เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้เตรียมเสนอแผนบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2555-58 ให้ ครม.พิจารณาวันที่ 6 ก.ย.นี้ โดยมีสาระสำคัญ ด้านวงเงินสนับสนุนนโยบาย ที่ได้ประมาณการความต้องการใช้เงินเบื้องต้นตามข้อเสนอที่เป็นความต้องการ ของส่วนราชการ เพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล รวม 4 ปี มีความต้องการใช้เงิน 11,485,517 ล้านบาท และเมื่อรวมค่าใช้จ่ายดำเนินการภาครัฐอีก 3,952,000 ล้านบาท รวมเป็นความต้องการใช้เงินทั้งสิ้น 15,437,517 ล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายได้สุทธิทั้ง 4 ปีของรัฐบาลอยู่ที่ 8,901,000 ล้านบาท ส่งผลให้ความต้องการใช้เงินมากกว่าประมาณการรายได้สุทธิรวม 4 ปีทั้งสิ้น 6,536,517 ล้านบาท

สำหรับประมาณการความต้องการใช้เงินตามนโยบาย รัฐบาล 4 ปี วงเงิน 11,485,517 ล้านบาท แยกเป็น 8 ด้านดังนี้ นโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรกวงเงิน 2,778,268 ล้านบาท, นโยบายความมั่นคงแห่งรัฐ 1,283,994 ล้านบาท, นโยบายด้านเศรษฐกิจ 2,760,215 ล้านบาท, นโยบายสังคมและคุณภาพชีวิต 2,669,352 ล้านบาท, นโยบายที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 752,233 ล้านบาท, นโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม 144,077 ล้านบาท, นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ 28,581 ล้านบาท และนโยบายการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี 1,068,797 ล้านบาท

ขณะที่ แหล่งเงินที่จะนำมาใช้ตามนโยบายของรัฐบาลในรอบ 4 ปี มาจากแหล่งเงินที่สำคัญดังนี้คือ จากเงินงบประมาณ 10,626,159 ล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินนอกงบประมาณ 859,358 ล้านบาท มาจากรายได้ 198,124 ล้านบาท, เงินกู้ในประเทศ 272,601 ล้านบาท, เงินกู้ต่างประเทศ 64,922 ล้านบาท และแหล่งเงินอื่นอีก 323,710 ล้านบาท

ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนช่วงปี 2555-58 จะเป็นการลงทุนที่เน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และสาธารณสุข รวมทั้งขยายโอกาสการเข้าถึงระบบการศึกษาและระบบสาธารณสุข การพัฒนาเพื่อวางรากฐานการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ระยะยาว ทั้งด้านขนส่งและโลจิสติกส์ พลังงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่การเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (เออีซี) ในปี 58

อย่าง ไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ให้ความเห็นประกอบว่า ประมาณการความ ต้องการใช้เงิน 4 ปี วงเงิน 15,437,517 ล้านบาท อาจมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและขีดความสามารถในการก่อหนี้ของภาครัฐ ภายใต้กรอบการรักษาวินัยการคลัง จำเป็นที่ต้องพิจารณาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจของโครงการลงทุนต่างๆ รวมทั้งพิจารณาแหล่งเงินทุนและรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อลดภาระงบประมาณ และรักษาวินัยการคลัง

นอกจากนี้ ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ ในการดำเนินตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน คือการบูรณาการ ซึ่งพบว่ามีหลายแผนงานที่มีหลายหน่วยงานดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น ขั้นตอนการขอรับการจัดสรรงบประมาณ ควรมีการบูรณาการแผนการดำเนินงานและงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การขับเคลื่อนแผนงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพดังนี้ แผนงานด้านการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยทั้งในพื้นที่เกษตรและพื้นที่เมือง ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานคร การแก้ปัญหาภัยแล้ง และการจัดหาน้ำเพื่อการผลิตในภาคเศรษฐกิจ ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม บริการ และการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ จำเป็นต้องมีการบูรณาการงานของหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานคร เป็นต้น เพื่อให้ดำเนินการร่วมกันเป็นระบบ ไม่ซ้ำซ้อน และใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะ ที่แผนงานที่ควรบูรณาการด้านที่เหลือคือ แผนงานเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนในการเข้าสู่เออีซี ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งภาครัฐและเอกชน สำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ควรบูรณาการแผนดำเนินการทั้งด้านการพัฒนาระบบราง และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบให้มีความสอดรับกัน ขณะเดียวกัน การจัดการภัยพิบัติก็ควรบูรณาการแผนงานเช่นกัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นระบบและลดความซ้ำซ้อน ส่วนนโยบายการสร้างโอกาสทางการศึกษาในโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษาที่ผูกพัน กับรายได้ในอนาคต ซึ่งเป็นของกระทรวงศึกษาธิการที่มีความต้องการใช้เงินปีละ 27,000 ล้านบาท กับความต้องการใช้เงินของกระทรวงการคลังปีละ 43,000 ล้านบาท สำหรับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาควรกำหนดให้มีความชัดเจน.

ไทยรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

รีโมท ซื้อ รีโมท จากผู้ค้าส่งโดยตรง ที่มีหน้าร้านจริง ที่ บ้านหม้อ และ คลองถม ราคาถูกกว่าใคร ปลอดภัย มีรับประกัน

คนไทยกู้แผ่นดิน บนเฟชบุ๊ค

บทความย้อนหลัง